คริสต์มาสของ อังกฤษ… เทศกาลที่ความพอดีถูกพักไว้ชั่วคราว และฟุตบอลไม่เคยได้หยุดจริง
ที่ อังกฤษ คริสต์มาส คือช่วงเวลาที่ทุกอย่างถูกกระตุ้นให้จัดเต็มโดยไม่ต้องรู้สึกผิด
ทั้งหน้าจอทีวี อาหารบนโต๊ะ เวลาในครอบครัว และแน่นอน… ฟุตบอล
พรีเมียร์ลีก ถูกออกแบบให้แข่งแบบไม่สนใคร แต่ละทีมลงเตะสัปดาห์ละสองนัดในช่วงคริสต์มาส ตั้งแต่วันบ็อกซิ่งเดย์ ไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่
ขณะที่หลายประเทศยุโรป คริสต์มาสคือช่วงเวลาพักเบรกฤดูหนาวอย่างน้อยสองสัปดาห์ ฟุตบอลหยุด คนหยุด ร่างกายได้พัก
เว้นแต่ อิตาลี ที่เพิ่งเริ่มมีเกมวันบ็อกซิ่งเดย์เป็นครั้งแรกในปี 2017 เท่านั้น
กับ อังกฤษ ฟุตบอลไม่เคยเป็นแขกแปลกหน้าในเทศกาลนี้ ธรรมเนียมฟุตบอลคริสต์มาส ไม่ได้ถือกำเนิดจากกล้องถ่ายทอดสด ไม่ได้เริ่มจาก Super Sunday และไม่เกี่ยวกับ Match of the Day
มันหยั่งรากลึกกว่านั้น ลึกถึงยุคกลาง ลึกถึงชนชั้นแรงงาน และลึกถึงถนนทั้งเมืองที่เคยเป็นสนามฟุตบอล
ก่อนจะมี พรีเมียร์ลีก ฟุตบอลเป็นอย่างไร?
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 1863
แต่ก่อนหน้านั้น ชาวอังกฤษเล่นเกมลูกกลม ๆ ในช่วงเทศกาลกันมานานหลายร้อยปีแล้ว
ย้อนกลับไปถึงราวปี 1170 มีบันทึกถึงเกมที่เรียกว่า "ฟุตบอลยุคกลาง" หรือที่รู้จักกันในชื่อ mob football
ไม่มีสนาม ไม่มีจำนวนผู้เล่น ไม่มีเส้นแบ่งเขต ทั้งหมู่บ้านคือสนาม ทั้งชุมชนคือทีม
เกมเหล่านี้มักจัดขึ้นในช่วงคริสต์มาสและอีสเตอร์ ไม่ใช่เพื่อคะแนน ไม่ใช่เพื่อถ้วย แต่เพื่อการเฉลิมฉลองร่วมกันของผู้คน
และบางเกม… ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้
เช่น Orkney Ba Game ที่เตะกันในวันคริสต์มาส หรือ Royal Shrovetide ที่เมืองแอชบอร์น
วันหยุด = วันฟุตบอล
วันหยุดทางศาสนา วันหยุดธนาคาร (Bank Holiday) คือช่วงเวลาที่ฟุตบอลถูกอัดแน่นมากที่สุด
ในยุควิกตอเรียน ฟุตบอลเตะในวันคริสต์มาส เพราะมันคือวันหยุด และคือกิจกรรมสาธารณะของชนชั้นแรงงาน
บางช่วงเตะคริสต์มาส ต่อด้วยบ็อกซิ่งเดย์ สองเกมในสองวัน
สำหรับแรงงานจำนวนมาก นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของทั้งปี ที่จะได้ดูฟุตบอลแบบไม่ต้องลางาน
กฎหมายวันหยุดธนาคารปี 1871 ยิ่งเปิดพื้นที่ให้ฟุตบอลชัดเจนขึ้น เมื่อวันบ็อกซิ่งเดย์ถูกกำหนดเป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการ
ขณะที่วันคริสต์มาสและกู๊ดฟรายเดย์ ถูกมองว่าเป็นวันศาสนาอยู่แล้ว
สโมสรฟุตบอลไม่พลาดโอกาสนี้ เพราะวันหยุดหมายถึงการมีผู้คนหลั่งใหลเข้ามาชมในสนาม
ปี 1913 ลิเวอร์พูล เตะสามเกมในสามวัน
คริสต์มาส เปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-2
บ็อกซิ่งเดย์ บุกไปเยือน ไฮด์ โร้ด แพ้ 0-1
และวันถัดมา เสมอ แบล็กเบิร์น 3-3 ที่ แอนฟิลด์
ทุกวันนี้ โปรแกรมของ ลิเวอร์พูล อาจไม่โหดเท่าอดีต แต่สิ่งหนึ่งยังเหมือนเดิมคือบ็อกซิ่งเดย์ ยังเป็นวันที่ฟุตบอลอังกฤษไม่เคยยอมปล่อยว่าง
...
คริสต์มาสยุคใหม่คือภาพครอบครัวอบอุ่นในบ้าน แต่เมื่อย้อนไปยุควิกตอเรียนและเอ็ดเวิร์ดเดียน บ้านไม่ใช่ที่พักผ่อน
"สำหรับชนชั้นแรงงาน ซึ่งที่อยู่อาศัยมักอึดอัด แออัด และไม่น่าอยู่ วันหยุดจากการทำงานที่หาได้ยากคือเหตุผลให้พวกเขาออกไปสู่ท้องถนน ไม่ใช่นั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน" ศาสตราจารย์ มาร์ติน โจนส์ เขียนอธิบายไว้
วันหยุดจึงไม่ใช่เหตุผลให้พัก แต่คือเหตุผลให้ออกนอกบ้าน
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง วันคริสต์มาสเต็มไปด้วย กีฬา การแสดง ภาพยนตร์ การแสดงพื้นบ้าน และการรวมตัวแบบไม่เป็นทางการ
ต่อมาเมื่อมาตรฐานชีวิตดีขึ้น อาหาร ของขวัญ การตกแต่ง เข้าถึงง่ายขึ้น
คริสต์มาส ค่อย ๆ กลายเป็นเทศกาลในบ้าน ไม่ใช่เรื่องภายนอก
ความบันเทิงแบบชุมชนลดบทบาท ฟุตบอลวันคริสต์มาสก็ค่อย ๆ เลือนหาย
อีกเหตุผลสำคัญที่เรามักพูดถึงกันน้อยคือ ระบบขนส่งสาธารณะ
ที่ อังกฤษ วันคริสต์มาสคือวันที่รถไฟและรถเมล์แทบทั้งหมดหยุดให้บริการ การเดินทางไปสนามกลายเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับแฟนบอล
นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ฟุตบอลค่อย ๆ ถูกขยับไปอัดกันในวันที่ 26 ธันวาคม หรือวัน Boxing Day
วันที่ผู้คนเดินทางได้ และฟุตบอลยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่
และถ้าจะพูดถึง Boxing Day วันที่สะท้อนความคลั่งไคล้ฟุตบอลของอังกฤษได้ชัดที่สุด ไม่มีตัวอย่างไหนชัดไปกว่าวันที่ 26 ธันวาคม ปี 1963
วันนั้น ฟุตบอลลีกอังกฤษยิงประตูกันรวม 66 ประตูในวันเดียว
ลิเวอร์พูล ชนะ สโต๊ก 6-1
ฟูแล่ม ถล่ม อิปสวิช 10-1
เบิร์นลีย์ ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 6-1
เวสต์บรอม เสมอ สเปอร์ส 4-4
เวสต์แฮม แพ้ แบล็กเบิร์น 2-8
วูล์ฟส์ เสมอ แอสตัน วิลล่า 3-3
เลสเตอร์ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
ฟอเรสต์ เสมอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-3
แบล็กพูล แพ้ เชลซี 1-5
เชฟฟิลด์ เว้นด์สเดย์ ชนะ โบลตัน 3-0
...
ปี 1965 คือปีสุดท้ายที่ อังกฤษ ลงเล่นในวันคริสต์มาส ส่วน สกอตแลนด์ คือปี 1976
เหลือเพียงไอร์แลนด์เหนือ ที่ยังเตะนัดชิง Steels of Sons Cup ทุกปี
ในอดีต กฎของสมาคมฟุตบอลเขียนไว้ชัดเจน ไม่มีสโมสรใดถูกบังคับให้ลงเล่นในวันกู๊ดฟรายเดย์หรือวันคริสต์มาส
นักเตะระดับทีมชาติ อย่าง แฮโรลด์ เฟลมมิ่ง หรือ อาเธอร์ บริดเจ็ตต์ เคยปฏิเสธการลงเล่นด้วยเหตุผลทางศาสนาโดยไม่ถูกลงโทษ
ฟุตบอลเคยถอยให้ศาสนา ก่อนที่ตารางแข่งจะกลายเป็นกฎหมายเหล็ก
แล้วทำไม อังกฤษ ถึงไม่เหมือนใคร ขณะที่ยุโรปเลือกหยุด อังกฤษ เลือกเตะ
ไม่ใช่เพราะ อังกฤษ ไม่ศรัทธา แต่เพราะฟุตบอลคือกีฬาที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยุคที่ประเทศอื่นยังไม่รู้จักฟุตบอลในฐานะมหาชน
จะรักหรือจะเกลียดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟุตบอลคือส่วนหนึ่งของคริสต์มาสแบบอังกฤษ
เก่าแก่ยิ่งกว่าขนบหลายอย่างที่เราคุ้นชินในวันนี้
และที่นั่น คริสต์มาสอาจหยุดได้หลายเรื่อง แต่ฟุตบอล ไม่เคยได้หยุดจริง ๆ
HOSSALONSO