สเปอร์ส 1-2 ลิเวอร์พูล: เวียร์ตซ์ ปลดล็อก, ลุ้นเจ็บอีซัก! 5 ประเด็นหงส์บุกสอยไก่

สเปอร์ส 1-2 ลิเวอร์พูล: เวียร์ตซ์ ปลดล็อก, ลุ้นเจ็บอีซัก! 5 ประเด็นหงส์บุกสอยไก่
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ปลดล็อกได้สำเร็จหลังแอสซิสต์ให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัก ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ สเปอร์ส 2-1 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้เจ้าบ้านโดนไล่ออกถึง 2 ครั้ง ขณะเดียวกับทัพ "หงส์แดง" ต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของ อีซัก

1. เวียร์ตซ์ ปลดล็อกพรีเมียร์ลีก

สิ้นสุดการรอคอยซะทีสำหรับแอสซิสต์แรกในพรีเมียร์ลีกของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ หลังเจ้าตัวโชว์ความเฉียบคมในการผ่านบอลให้กับ อเล็กซานเดอร์ อีซัก จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในช่วงต้นครึ่งหลัง

เวียร์ตซ์ ต้องแบกรับแรงกดดันอย่างหนักจากการย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาล และการปรับตัวกับการเล่นที่เน้นความเร็วกับพละกำลังก็ทำได้ไม่ดี ส่งผลให้เขาไม่มีส่วนกับประตูของ ลิเวอร์พูล เลยในเกมลีก 16 แมตช์ที่ผ่านมา

ขนาดแมตช์ที่ยิงประตูตีเสมอ ซันเดอร์แลนด์ 1-1 ยังโชคร้ายไม่ถูกยกให้เป็นผู้ทำประตู เพราะจังหวะนั้นโดนนับเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง นอร์ดี้ มูกีเอเล่ แต่นักเตะก็ไม่เคยย้อท้อ และในที่สุดความพยายามของเขาก็มาสัมฤทธิ์ผลในเกมลีกนัดที่ 17

การทำแอสซิสต์แรกในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคงทำให้ จอมทัพทีมชาติเยอรมนี คลายความกดดันไปได้ และตอนนี้ก็เหลือแค่การลุ้นยิงประตูแรกในลีก ซึ่งเชื่อว่าด้วยผลงานของเขาในช่วงเวลานี้ มีโอกาสทำได้แน่นอน

อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องชื่นชม เวียร์ตซ์ ก็คือสถิติของเขาในเกมนี้โดยไม่มีใครสร้างโอกาสได้มากกว่าเจ้าตัว (2 ครั้ง) หรือเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้มากกว่าสี่ครั้ง และยังยิงไปสองครั้ง พร้อมสร้างความอันตรายให้แนวรับของสเปอร์สตลอดทั้งเกม

2. อีซัก ต้องสะเดาะเคราะห์, "โซโบ" เสียเหลืองไม่จำเป็น

ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าสงสารจริงๆ สำหรับ อเล็กซานเดอร์ อีซัค เพราะเจ้าตัวมีโอกาสที่จะเรียกความมั่นใจกลับมาหลังยิงประตูเบิกร่องให้ "หงส์แดง" นำ สเปอร์ส ในช่วงครึ่งหลัง แต่ดันมาดวงแตกได้รับบาดเจ็บ

อีซัค ถูกส่งลงสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง และช่วยสร้างความแตกต่างในเกมรุกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจังหวะการประสานงานกับ เวียร์ตซ์ และเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมในการจบสกอร์ แต่น่าเสียดายที่จังหวะนั้นนำไปสู่อาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาต้องโดนเปลี่ยนตัวออก

สำหรับตอนนี้ สาวก "เดอะ ค็อป" คงต้องลุ้นว่า สตาร์ทีมชาติสวีเดน จะได้รับบาดเจ็บหนักไหม และต้องพักรักษาตัวนานแค่ไหน แต่สิ่งที่แน่ๆ ก็คือ อีซัก กำลังเรียกความเชื่อมั่นกลับมาแต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถือว่าน่าเสียดายจริงๆ 

อีกประเด็นที่น่าเสียดายก็คือการโดนใบเหลืองของ โดมินิค โซโบซไล ในช่วงท้ายเกม เพราะนั่นทำให้เขาสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบและส่งผลให้ต้องพลาดในเกมปะทะ "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในช่วงสุดสัปดาห์หน้า

3. สเปอร์ส เสียค่าโง่ 

ช่วงต้นเกมแฟนบอลทั้งสองทีมคงเห็นได้ชัดว่า สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล พยายามเล่นแบบไม่เสี่ยง และมีสมาธิกับทุกจังหวะ แต่สถานการณ์ของเจ้าบ้านต้องเปลี่ยนไปจากการทำฟาวล์โดยไม่จำเป็นของ ซาฟี ซิมอนส์ 

จังหวะดังกล่าวต้องบอกว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นที่ ซิมอนส์ ต้องเปิดปุ่มสตั๊ดย่ำเข้าไปที่น่องของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เพราะมองจากมุมไหนก็ไม่มีทางเข้าถึงบอลอยู่แล้ว และยิ่งในยุคนี้มีวีเออาร์คอยตาเช็ก นั่นยิ่งทำให้เป็นเรื่องเสี่ยงมากที่จะโดนใบแดง และสุดท้ายก็โดนจริงๆ  

การเสียเปรียบตัวผู้เล่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกทำให้ "ไก่เดือยทอง" ไม่สิทธิ์เล่นเกมรุกตามแผนที่วางเอาไว้ และทำได้เพียงแค่รอจังหวะสวนกลับ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรแนวรับของ "หงส์แดง" ได้เลย

อีกหนึ่งจังหวะที่ต้องบอกว่าเป็นการเสียค่าโง่โดยไม่จำเป็นนั่นก็คือใบเหลืองที่สองของ คริสเตียน โรเมโร่ ที่ดันไปเล่นนอกเกมใส่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ทั้งๆ ที่จังหวะนั้นเขาเสียฟาวล์ได้แท้ๆ และนั่นทำให้ สเปอร์ส ที่กำลังกดดันใส่ทีมเยือน และลุ้นประตูตีเสมอ เครื่องช็อตไปดื้อๆ

สำหรับทั้งสองใบแดงที่ สเปอร์ส เสียไปเป็นการเล่นที่คาดความยั้งคิด และปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล สุดท้ายทีมต้องชดใช้จังหวะดังกล่าวด้วยความพ่ายแพ้ และทำให้ โธมัส แฟร้งค์ ตกอยู่ในสถานการณ์เก้าอี้กุนซือสั่นคลอนยิ่งขึ้น 

4. ติดประมาท, เสียสมาธิ

สำหรับ ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าถือความได้เปรียบแบบเต็มกระบุงหลังมีผู้เล่นมากกว่าเจ้าบ้าน และยังยิงได้ 2 ประตู ซึ่งเชื่อว่าแฟนบอลหงส์แดง มองการณ์ไกลไปถึงแมตช์ต่อไปแล้ว เพราะ สเปอร์ส ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

อย่างไรก็ตาม การเล่นที่ติดประมาท, ขาดความมุ่งมั่น และเสียสมาธิ ทำให้ทีมเสียบอลง่ายๆ หลายครั้ง ส่งผลให้ "เดอะ เร้ดส์" ไม่สามารถจบสกอร์เพื่อปิดเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และนั่นคือการเปิดโอกาสให้ สเปอร์ส ยังมีลุ้น

จังหวะเสียประตูแรกเห็นได้ชัดว่านักเตะลิเวอร์พูล เกิดอาการประหม่า และเสียกระบวนในการตั้งรับลูกเตะมุม โดยเฉพาะการเตะบอลวืดของ ฟาน ไดค์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ ริชาร์ลิซอน ได้จบสกอร์สำเร็จ หลังจากเสียประตูเห็นได้ชัดว่านักเตะลิเวอร์พูล สมาธิแตกซ่าน ตั้งเกมรับแบบสะเปะสะปะ และครองบอลไม่ได้ แถมยังเสียบอลง่ายๆ จนทำให้ สเปอร์ส ได้โอกาสสร้างเกมกดดัน และมีลุ้นยิงประตู 2-3 ครั้ง 

เดชะบุญที่ "ไก่เดือยทอง" มีตัวผู้เล่นน้อยกว่าถึง 2 คน ทำให้ ลิเวอร์พูล ใช้ความได้เปรียบในจุดนี้ต้านทานเกมรุกของเจ้าบ้านได้สำเร็จ 

5. เอกิติเก้ คู่ควรยืนตัวจริงยาวๆ

ฟอร์มของ อูโก้ เอกิติเก้ ถือว่าโดดเด่นมากๆ นับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นหลายคนมองว่าเขาคงจะเป็นตัวสำรองของ อีซัก แต่กลายเป็นว่านี่คือกองหน้าที่พึ่งพาได้ที่สุดของทีม ณ เวลานี้

จุดเด่นของ เอกิติเก้ ก็คือการเข้าใจเกม, ปรับตัวได้เร็ว และการประสานงานกับผู้เล่นแนวรุกของทีมได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญความสามารถเฉพาะตัวของเขาสามารถเอาตัวรอดได้ในพื้นที่แคบๆ แถมยังเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรุก

การจบสกอร์ที่ทำได้ดีทั้งการโหม่งและการยิงถือเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างมาก และตอนนี้เจ้าตัวตะบันในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 8 ประตู และยิงรวม 11 ประตูจากการเล่น 24 เกมในทุกรายการให้กับ ลิเวอร์พูล 

ตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เอกิติเก้ คือตัวหลักในแนวรุกของทีม และยิ่งในกรณีที่ อีซัก ได้รับบาดเจ็บหนัก เขาต้องพร้อมที่จะแบกรับหน้าที่สังหารประตู ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ 

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport