จับตา ซาลาห์-ดาร์บี้แดนอีสาน! 5 ประเด็นเด็ด พรีเมียร์ลีก วีก 16

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดที่ 16 ของฤดูกาล ที่จะเล่นระหว่างวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. ถึงวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายพร้อมประเด็นน่าจับตาเพียบ ทั้งอนาคตสตาร์ดัง ฟอร์มทีมใหญ่ที่ยังไม่นิ่ง และเกมสำคัญที่อาจเปลี่ยนทิศทางลุ้นแชมป์ในช่วงโค้งสำคัญของซีซั่น 

มาดูกันว่า 5 ประเด็นที่น่าสนใจในนัดที่ 16 มีอะไรน่าติดตามกันบ้าง 

1. นัดสุดท้าย ซาลาห์ ในถิ่นแอนฟิลด์ ???

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจอำลา ลิเวอร์พูล ในตลาดหน้าหนาวนี้ หลังทำไป 250 ประตูจาก 420 นัด และพาทีมคว้าแชมป์ทุกรายการใหญ่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอนาคตของเขาในถิ่น แอนฟิลด์ ชักจะไม่แน่นอนแล้วหลังจากบทสัมภาษณ์หลังจบเกมที่เสมอ ลีดส์ 3-3 ซึ่งกลายเป็นประเด็นเดือดในชั่วข้ามคืน   

เกมที่พบกับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาลาห์ ไม่มีชื่อแม้แต่บนม้านั่งสำรอง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยืนยันว่า การดร็อปครั้งนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อประโยชน์ของทีม แต่ท่าทางของ ซาลาห์ ก็มีเคืองอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะโพสต์เซลฟี่ที่แฟนบอลอ่านกันออกว่าเจ้าตัวกำลังน้อยใจสุดๆ

สถานการณ์ชวนให้ตั้งคำถามว่า เกมในบ้านกับ ไบรท์ตัน วันเสาร์นี้ จะเป็นนัดสุดท้ายของ ซาลาห์ ในสีเสื้อหงส์แดงหรือไม่ และบางทีการไปลุยศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ที่โมร็อกโก ราวหนึ่งเดือน อาจเป็นโอกาสให้ ซาลาห์ ได้พักใจ ทบทวนเรื่องราวทั้งหมด และตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อกับ ลิเวอร์พูล หรือถึงเวลาบอกลาเสียที

2. ความสม่ำเสมอของ เชลซี ???

ฤดูกาลนี้ เชลซี โชว์ฟอร์มสุดยอดเวลาเจอทีมใหญ่ ทั้งเสมอ อาร์เซน่อล ได้ทั้งที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก เปิดบ้านอัด บาร์เซโลน่า, ลิเวอร์พูล และบุกเชือด สเปอร์ส ถึงถิ่น ทว่าพอถึงคิวเจอทีมเล็กกลับสะดุดไม่เลิก

ปัญหาเดิม ๆ ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่ยังแก้ไม่ตกคือความไม่แน่นอนเวลาเป็นฝ่ายต้องเดินเกมบุกใส่คู่แข่ง และมีปัญหาเวลาเจอคู่แข่งขยับมาเล่นหลังห้า เพื่อปิดทางเข้าทำเกมรุกของพวกเขา ด้วยฟอร์มแบบนี้ จึงไม่แปลกที่แฟนสิงห์จะลุ้นกันเหนื่อยก่อนเกมเปิดบ้านรับ เอฟเวอร์ตัน วันเสาร์นี้ 

ทีมของ เดวิด มอยส์ กำลังมั่นใจเต็มที่ หลังเพิ่งเก็บคลีนชีตจากทั้งเจอ บอร์นมัธ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมรับของทอฟฟี่กำลังลงตัวสุด ๆ และมีศักยภาพมากพอจะปิดตายเกมรุกของ เชลซี หากสิงห์บลูส์ยังหาทางเจาะแนวรับลึกไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา 

เกมนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของ มาเรสก้า ว่า เชลซีจะสะกดคำว่า ความสม่ำเสมอ ได้หรือไม่ เวลาต้องเจอทีมที่มาเล่นแบบรัดกุมสุดตัว 

3. บทพิสูจน์ของปีศาจแดง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ รูเบน อโมริม ผลงานกำลังค่อย ๆ กระเตื้องขึ้น แพ้เพียงนัดเดียวจาก 9 เกมหลังใน พรีเมียร์ลีก แถมฤดูกาลนี้เพิ่งผ่านไปแค่ 15 นัด ก็ซัดคู่แข่งถึง 4 ประตู ได้สองครั้งแล้ว

เกมล่าสุด ปีศาจแดง บุกอัด วูล์ฟส์ คาบ้าน 4-1 ต่อจากเกมเปิดบ้านกดไบรท์ตัน 4-2 เมื่อเดือนตุลาคมซึ่งต่างจากปีก่อนที่ยิงถึง 4 ลูกได้แค่เกมเดียว (ถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด) 

เท่ากับว่าปัญหาเกมรุกฝืดในซีซั่นก่อนที่ยิงได้เพียง 44 ประตู กำลังถูกแก้ไปในทิศทางที่ดี เพราะตอนนี้ แมนยู กดไปแล้ว 26 ลูก สูงเป็นอันดับ 3 ของลีก และมีแววว่าจะเพิ่มได้อีกเรื่อย ๆ จากฟอร์มของผู้เล่นในแนวรุกที่เริ่มลงตัว

แต่การเสียถึง 22 ประตู ของปีศาจแดง ในฤดูกาลนี้ แสดงให้เห็นว่า แนวรับยังเปราะอยู่ไม่น้อย แม้เกมรุกจะดีขึ้น แต่เกมรับยังมีหลุดให้เห็นเป็นระยะ ทั้งจังหวะโดนสวนกลับและการยืนตำแหน่งที่ยังไม่นิ่งเท่าไหร่ จุดนี้เองที่ บอร์นมัธ คู่แข่งในวันจันทร์นี้น่าจะเล็งเป็นโอกาสเล่นงานได้เหมือนกัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งบททดสอบว่า ยูไนเต็ด ของ อโมริม จะยกระดับจาก “ทีมกำลังฟื้น” ไปสู่ “ทีมลุ้นท็อปโฟร์ตัวจริง” ได้มากแค่ไหน

4. อีสานดาร์บี้ ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล

ศึกยักษ์ชนยักษ์แห่งแดนตะวันออกเฉียงเหนือกลับมาปะทุอีกครั้ง เมื่อ ซันเดอร์แลนด์ เตรียมเปิด สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ รับการมาเยือนของคู่แค้นตลอดกาล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้  

ไทน์–แวร์ ดาร์บี้ คือหนึ่งในศึกแห่งศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ของฟุตบอลอังกฤษ  การพบกันระหว่าง ซันเดอร์แลนด์ และ นิวคาสเซิ่ล ไม่ใช่แค่การแข่งขัน 90 นาที แต่คือการปะทะกันของวิถีชีวิต ความแตกต่างจากรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ของสองเมืองที่ตั้งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ไมล์ 

บรรยากาศหน้าเกมมักเดือดตั้งแต่ถนนจนถึงอัฒจันทร์ และทุกครั้งที่ดวลกัน ตารางคะแนน ฟอร์ม หรือสภาพทีม…แทบไม่มีความหมายเลยในศึกนี้ 

ซันเดอร์แลนด์ ของกุนซือ เรจีส เลอ บรีส์ พาทีมคืน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างยอดเยี่ยม รั้งอันดับ 9 เก็บชัยได้ 6 นัด และมีแต้มเหนือคู่ปรับร่วมแดนอีสานอยู่ 1 คะแนน พร้อมสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยม ยามที่ต้องพบกับทีมใหญ่เก็บแต้มจาก ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และบุกไปเอาชนะ เชลซี ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้ล่าสุดพึ่งโดน แมนซิตี้ อัดมาก็ตาม แต่รูปเกมและวินัยของทีมยังเป็นจุดแข็งที่ทำให้แฟนบอลมั่นใจว่ามีลุ้นเฮในบ้านอีกครั้ง 

ด้าน นิวคาสเซิ่ล ออกสตาร์ตซีซั่นได้ไม่ค่อยดี ชนะเพียงเกมเดียวจาก 6 นัดแรก ก่อนที่ลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว จะเริ่มเข้าฝักเก็บชัย 6 จาก 15 นัด ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 12 แต่เกมเยือนในฤดูกาลนี้เก็บได้แค่ 6 แต้มจาก 7 เกม 

5. ปืนหวังอัด วูล์ฟส์ เรียกโมเมนตัมก่อน บ็อกซิ่งเดย์

อาร์เซน่อล เคยนำโด่งก่อนพักเบรกทีมชาติเดือนพฤศจิกายน แต่ 2 นัดหลังพวกเขาบุกเสมอ เชลซี ทั้งที่คู่แข่งเหลือ 10 คน ตั้งแต่ครึ่งแรก และล่าสุดบุกพ่าย แอสตัน วิลล่า ขณะที่ แมนซิตี้ ฟอร์มยังคงแรงต่อเนื่อง ชนะ 4 จาก 5 เกม  ทำให้ช่องว่างบนหัวตารางถูกไล่จนเหลือแค่ 2 แต้มเท่านั้น ก่อนเปิดบ้านรับ วูล์ฟส์ ในคืนวันเสาร์นี้ 

อย่างไรก็ตาม โปรแกรมถือว่าเข้าข้างปืนใหญ่ เพราะ วูล์ฟส์ ยังไม่ชนะใครในลีกฤดูกาลนี้ และจมบ๊วยมีเพียง 2 คะแนน ทำให้ อาร์เซน่อล มีโอกาสทองในการเร่งเครื่องหนี แมนซิตี้ ที่จะต้องบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ วันอาทิตย์นี้

อาร์เตต้า และลูกทีมรู้ดีว่า หากเก็บสามแต้มแบบเนียน ๆ ได้นัดนี้ จะเป็นการเรียกโมเมนตัมให้กลับมาเต็มสูบ ก่อนเข้าสู่โปรแกรมโหดต่อเนื่องช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ที่อาจเป็นตัวชี้ชะตาการลุ้นแชมป์ในระยะยาว