งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา! การเปลี่ยนแปลงของ ลิเวอร์พูล เมื่อถึงวันไร้ โม ซาลาห์

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา! การเปลี่ยนแปลงของ ลิเวอร์พูล เมื่อถึงวันไร้ โม ซาลาห์
เมื่อศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2025 กำลังจะมาถึง ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเดินหน้าต่อโดยไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งนี่อาจเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาอาจต้องเผชิญแบบถาวรในอนาคตอันใกล้

ซาลาห์ เพิ่งนั่งข้างสนามเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ในเกมชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผลงานของ "หงส์แดง" ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก หลังพวกเขาเล่นเกมรุกได้อย่างไหลลื่น และสร้างโอกาสอันตรายได้หลายครั้ง 

ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นการดร็อปนักเตะหรือต้องการพักร่างกาย แต่สิ่งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่จะไม่มี "บังโม" อยู่ช่วยทีมตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป เพราะเขาต้องเดินทางไปช่วย อียิปต์ ทำศึกชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา 

แน่นอนว่าการขาด ซาลาห์ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะเขายังคงเป็นนักเตะคีย์แมนของทีม แต่ในเกมที่ชนะ เวสต์แฮม เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อให้ อาร์เน่อ แอนด์ โค. เตรียมพร้อมสำหรับการที่จะไม่มีเขาในช่วงกลางเดือนธันวาคม และในอนาคต !!

- ศูนย์กลางเกมรุกอยู่ที่ เวียร์ตซ์

เกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ เวสต์แฮม มีสองเรื่องน่าจดจำ นั่นก็คือ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกภายใต้สีเสื้อ "หงส์แดง" และ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเกินห้ามใจ 

เป็นที่ทราบกันดีว่า อีซัค และ เวียร์ตซ์ ถูกเซ็นสัญญามาด้วยค่าตัวมหาศาล แต่ทั้งสองคนยังไม่สามารถโชว์ผลงานได้อย่างทันใจตามที่หลายคนคาดหวัง และนั่นทำให้พวกเขาต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนบอล "หงส์แดง" ได้เห็นภาพลางๆ ของอนาคต เมื่อ เวียร์ตซ์ เป็นฝ่ายคุมจังหวะเกม และ อีซัค คือคนที่จบสกอร์ในจังหวะสำคัญ พาทีมคว้าชัยชนะได้สำเร็จ

ก่อนเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่สนามลอนดอน สเตเดี้ยม เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี มีสถิติการจ่ายบอลให้ อีซัค สำเร็จในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง

สำหรับแมตช์ดังกล่าวพวกเขาประสานงานกันมากกว่าสามครั้งตั้งแต่ในครึ่งแรก และแม้ว่า สตาร์ชาวสวีดิช จะยังดูโดดเดี่ยวและฝืดเคืองอยู่เป็นช่วงๆ แต่ เวียร์ตซ์ คือศูนย์กลางของทุกสิ่งที่ดีในเกมนั้น

- โซโบซไล ช่วยเติมเต็มเกมบุกให้สมบูรณ์

เกมกับเวสต์แฮม เวลาที่ ลิเวอร์พูล ครองบอล พวกเขาจะยืนตำแหน่งในระบบ 4-2-3-1 โดยที่แนวรุกทั้งสี่คนมีความยืดหยุ่น สามารถสลับตำแหน่งกันได้เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับคู่แข่ง

 ส่วนใหญ่แล้ว เวียร์ตซ์ จะยืนในตำแหน่งตรงกลางสนาม แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่เขาถูกใช้ในบทบาทหมายเลข 10 อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก โดยมี โดมินิค โซบอซไล ยืนอยู่ทางด้านขวา ซึ่งตำแหน่งที่ปกติแล้วมักเป็นพื้นที่ที่ ซาลาห์ รับหน้าที่อยู่เสมอ

กระนั้นในฤดูกาลนี้หลายคนคงเห็นกันบ่อยๆ ที่กัปตันทีมชาติฮังการีถูกขยับออกจากตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่เขาทำได้ดีที่สุด เพื่อเปิดทางให้ผู้อื่นได้เล่นในตำแหน่งที่เหมาะสมกว่า

"โซโบ" ช่วยเกมรับได้มากกว่า ซาลาห์ อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อมี โจ โกเมซ ลงมาทำหน้าที่แบ็กขวา ลิเวอร์พูล ก็กลายเป็นทีมที่เจาะผ่านได้ยากขึ้นทันที สำหรับแมตช์ปะทะ พีเอสวี "บังโม" ถูกคู่แข่งเลี้ยงผ่านสองครั้งและสกัดสำเร็จหนึ่งครั้ง ขณะที่โซบอซไล สกัดได้สองครั้ง และไม่ถูกเลี้ยงผ่านแม้แต่ครั้งเดียวในเกมชนะ เวสต์แฮม 

ระบบการเล่นของ อาร์เน่อ เมื่อไร้ ซาลาห์ จะมีความยืดหยุ่นอย่างมาก โดยมี โซโบซไล เป็นหัวใจในเกมรุก ขณะที่ โกดี้ คักโป จะช่วยประสานงานวิ่งขึ้นลงทางฝั่งซ้ายตลอดทั้งเกม ซึ่งนั่นทำให้เกมรับของทีมแข็งแกร่งขึ้น ส่วนเกมรุกก็ดุดัน 

- ยืดหยุ่นแท็กติกเมื่อไร้แข้งคีย์แมน 

ต้องยอมรับว่าเกมรุกของ เวสต์แฮม ไม่ได้เคลื่อนไหวคล่องตัวเท่าทีมอื่นๆ ที่ ลิเวอร์พูล เจอในฤดูกาลนี้ แต่โดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูล ก็พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนในฐานะทีม

ปัญหาบางอย่างที่เกิดซ้ำกับ ลิเวอร์พูล ยังคงมีอยู่ ทั้งกรณีของ เวียร์ตซ์ ที่ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับความเร็วและความแข็งแกร่งของพรีเมียร์ลีก และ โค้ชอาร์เน่อ ก็ยังต้องหาวิธีทำให้ อีซัค มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น  

อย่างไรก็ตาม เกมที่ชนะ เวสต์แฮม เปรียบเสมือนโครงร่างของแผนการใหญ่ของกุนซือสำหรับลิเวอร์พูลในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อทีมไม่มี ซาลาห์ อีกต่อไป !!

โค้ชอาร์เน่อ ต้องยอมปรับแท็กติก และยอมเสียบางอย่างจากแนวรุกของเขา โดยลดการเล่นเกมบุกที่ดุดันทางปีกเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ถูกเจาะง่ายเวลาโดนคู่แข่งใช้แผนสวนกลับเร็ว 

การยืดหยุ่นแท็กติก และกล้าดร็อปผู้เล่นอย่าง ซาลาห์ ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับอนาคตของ ลิเวอร์พูล เพราะตอนนี้ "บังโม" ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดอีกต่อไป และนั่นทำให้ กุนซือชาวดัตช์ ต้องมองหาวิธีการจัดการคู่แข่งแบบใหม่ ซึ่งสาวก "เดอะ ค็อป" ได้เห็นแล้วในเกมชนะ เวสต์แฮม !!

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport