ลิเวอร์พูล เพิ่งทำผลงานได้น่าประทับใจในเกมบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ถึงลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ของ อาร์เน่อ สล็อต อาจจะดูผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
หงส์แดง" ยุติสถิติที่ย่ำแย่แพ้ 9 จาก 12 เกมในทุกรายการได้สำเร็จในแมตช์ที่ชนะ "ขุนค้อน" ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่สามคะแนนที่ล้ำค่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยลดแรงกดดันของ โค้ชอาร์เน่อ ที่โดนกระแสโจมตีอย่างหนัก และเรียกร้องให้สั่งปลด
แค่ชัยชนะเกมเดียวอาจไม่ได้หมายความว่าจะช่วยพลิกชะตาชีวิตของ กุนซือชาวดัตช์ แต่มันน่าจะมีเหตุผลอื่นๆ รองรับที่ทำให้บอร์ดบริหารยังต้องไว้วางใจให้เขาทำหน้าที่นี้ต่อไปก่อน
1. ยังหาตัวแทนที่ชัดเจนไม่ได้
งานผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเป็นงานที่หลายคนอยากได้ และบรรดากุนซือที่ยังมีสัญญาอยู่ก็คงจะติดต่อเอเจนต์ของตัวเองเพื่อพยายามเข้ามาอยู่ในข่ายพิจารณา แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีตัวเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ชัดเจนเลย
มันไม่ควรเป็นเหตุผลในการให้โอกาส โค้ชอาร์เน่อ คุมทีมต่อ เพราะนั่นจะเป็นการตั้งมาตรฐานที่แปลกเลยทีเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้จะอยู่ในความคิดของผู้บริหารสโมสร หลังจากที่พวกเขาลงทุนกับกุนซือหัวเหม่งไปเยอะแล้ว
อาร์เน่อ เป็นเฮดโค้ชที่กำลังเผชิญความยากลำบากลักษณะนี้เป็นครั้งแรก และด้วยขุมกำลังที่เต็มไปด้วยคุณภาพ จึงย่อมมีความคาดหวังว่าผลลัพธ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ ที่สำคัญบอร์ดบริหารได้ศึกษาวิเคราะห์กุนซือคนนี้มาอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นจึงยังไม่อยากเสี่ยงกับกุนซือใหม่ที่ยังไม่รู้จัก
2. ไม่มีอะไรรับประกันว่า ลิเวอร์พูล จะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าในระยะยาว
ประเด็นนี้ต่อเนื่องจากข้อแรกซึ่งมีความหมายต่ออนาคตของลิเวอร์พูล หากพวกเขาไม่เลือกผู้จัดการทีมคนต่อไปให้ถูกต้อง สิ่งนั้นอาจส่งผลให้ "หงส์แดง" มีผู้จัดการทีม/เฮดโค้ชถึงสามคนภายในเวลาไม่ถึงสองฤดูกาล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับสโมสรแห่งนี้
การแยกทางกับ โค้ชอาร์เน่อ คงไม่ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เร่งรีบ เพราะตลอดทั้งปี 2025 สโมสรแสดงให้เห็นถึงผลงานที่ขาดความเฉียบคมทางแท็กติกอย่างเห็นได้ชัด แต่การเปลี่ยนแปลงทันทีทันใดอาจส่งผลเสียหายในระยะยาว
อาร์เน่อ ซึ่งย้ายมาจาก เฟเยนูร์ด สามารถนำทัพ "เดอะ เร้ดส์" ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลแรกที่เข้ามาทำงาน ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ และฤดูกาลนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
3. ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ อาร์เน่อ คนเดียว
นี่คือวิธีการทำงานของวงการฟุตบอล ที่ผู้จัดการทีมมักเป็นคนแรกที่จะต้องตกงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงคนเดียวง่ายกว่าการเปลี่ยนหลายคนภายในทีม
ถึงแม้ว่า อาร์เน่อ จะมีข้อบกพร่องของเขาอยู่บ้าง แต่ ริชาร์ด ฮิวจ์ส และทีมงานก็ไม่สามารถละเลยความรับผิดชอบต่อกลยุทธ์ในช่วงซัมเมอร์ได้ เช่นเดียวกับผู้เล่นที่ต้องรับผิดชอบต่อฟอร์มและระดับความพยายามของตัวเอง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยมากกว่าที่แฟนบอลจะรับรู้ได้ และหลังจากที่เขาคว้าแชมป์มาแล้ว เขาก็ยังมีเครดิตมากพอที่จะได้รับโอกาสในการแก้ไขสถานการณ์เหล่านี้
4. ลิเวอร์พูลไม่ใช่สโมสรที่รีบตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในประวัติศาสตร์ 133 ปีของสโมสร ลิเวอร์พูล มีผู้จัดการทีมเต็มเวลาเพียง 21 คน นั่นแสดงให้เห็นว่าสโมสรไม่นิยมการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่พยายามยืนหยัดและเชื่อมั่นในการตัดสินใจครั้งแรก (ในการแต่งตั้งกุนซือ)
แน่นอนว่าในกรณีของ รอย ฮอดจ์สัน เป็นข้อยกเว้นที่ชัดเจน ด้วยเหตุผลที่ดี หลังจากชนะเพียง 13 จาก 31 เกมที่คุมทีม แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการให้เวลาแก่ผู้จัดการทีม เพราะกว่าที่เขาจะนำสโมสรประสบความสำเร็จในใช้เวลา 4 ปีถึงได้แชมป์แรก
อย่างไรก็ตาม ด้วยขุมกำลังและการลงทุนที่สโมสรทุ่มสุดตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นทำให้ อาร์เน่อ ต้องแบกรับแรงกดดันในการสร้างผลงานให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แต่กระนั้นด้วยธรรมเนียมปฎิบัติของสโมสรแห่งนี้ พวกเขาไม่รีบเร่งที่จะตัดสินใครภายในเวลาไม่กี่เดือนแน่นอน
5. เกมลีก 5 นัดถัดไปอาจพลิกสถานการณ์
บอร์ดบริหารเลือกที่จะอดทนกับ โค้ชอาร์เน่อ ต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่าเขามีดีมากพอที่จะนำ ลิเวอร์พูล กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง หลังฟอร์มหลุดจนหลายคนมองว่าหมดลุ้นป้องกันแชมป์ลีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังนำทีมชนะ เวสต์แฮม พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ ทำให้ตอนนี้ผู้บริหารสโมสรค่อนข้างเชื่อมั่นว่าพวกเขาตัดสินใจถูกที่ให้โอกาส กุนซือชาวดัตช์ ทำงานต่อไป
ยิ่งมาเห็นโปรแกรมพรีเมียร์ลีก 5 นัดต่อจากนี้ที่พวกเขาจะพบกับ ซันเดอร์แลนด์, ลีดส์ ยูไนเต็ด, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ถ้า "หงส์แดง" เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และคว้าชัยชนะได้หมด นั่นจะทำให้พวกเขากลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄