DNA ปีศาจแดง ???
1. ก่อนอื่นขอบอกว่า...
หาก แมนยูไนเต็ด ชนะ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาจะขึ้นไปอยู่บนอันดับ 5 เป็นอย่างต่ำ แถมถ้าชนะด้วยระยะห่าง 3 ประตูขึ้นไป ปีศาจแดงจะเขย่งก้าวกระโดดขึ้นไปบนอันดับที่ 4 ทันที
สิ่งที่เด็กผีคิดว่าจะได้เห็นคือความหื่นกระหายลงไปไล่บดขยี้ผู้มาเยือนให้แหลกสลายคาตีน
2. ความจริงที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้า กลับกลายเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่เริ่มต้นได้อย่างฮึกหาญและคึกคะนองมากกว่าซะอย่างนั้น
กระทั่งนาทีที่ 13 เทพีแห่งโชคก็ลงมาช่วยเหลือ แมนยูไนเต็ด อย่างน่าเกลียดด้วยการดลบันดาลให้นักเตะทีมลูกอมทะเลาะกันเองจนเหลือ 10 ตัว
สิ่งที่เด็กผีคิดคือพลพรรคปีศาจแดงคงจะใช้ความได้เปรียบที่เทพีแห่งโชคมอบให้ไล่ขย่มคู่แข่งแบบสิ้นซาก
ความจริงที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้าคือผู้เล่นพันธุ์อสูรที่ตัวมากกว่ากลับเล่นกันแบบเฉื่อยๆ เอื่อยๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ
3. หลังจบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน ที่มีผู้เล่น 10 คน ขึ้นนำอยู่ 1-0
สิ่งที่เด็กผีคิดว่าจะเกิดขึ้นในครึ่งหลัง คือพลพรรคปีศาจแดงลงมาพร้อมความหื่นกระหายสุดขีด หลังถูกผู้เป็นกุนซือปลุกระดมให้ลงไปชำเราผู้มาเยือนในห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่ง
สิ่งที่เห็นคือการเดินเกมรุกด้วยความเชื่องช้า และไม่ไล่ล่าด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ควรจะเป็น
4. ฤดูกาลนี้ หาก แมนยูไนเต็ด เป็นฝ่ายโดนนำ 1-0 พวกเขาจะกลับมาจากป่าช้าไม่ได้ และปราชัย 100% เต็ม
กลับกันเมื่อเป็นฝ่ายนำ 1-0 พวกเขาจะต้องถูกตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนถึง 5 เกม
สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงสภาพจิตใจที่อ่อนระทวยของ แมนยูไนเต็ด อย่างชัดแจ๋ว
เมื่อเป็นฝ่ายตามหลัง พวกเขาก็จะจิตตกอย่างจงหนัก แต่พอตัวเองเป็นฝ่ายนำบ้างก็มักจะรักษาความได้เปรียบนั้นเอาไว้ไม่อยู่
คิดเอาว่าเพราะอะไร
5. ผู้จัดการทีมอย่าง รูเบน อโมริม ก็ไม่ต่างกัน
ลูกทีมตัวเองเยอะกว่าคู่แข่ง แถมเล่นในบ้านกับทีมที่ตัวเองผูกปีชนะมาตลอด กลับยึดมั่นและถือมั่นในปรัชญาลูกหนังของตัวเองมากเกินไปจนไม่คิดจะพลิกแพลง
ตกลงมึงคำนึงถึงความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของทีมนะครับ
จบเกมพร้อมความปราชัยดันให้สัมภาษณ์ว่าลูกทีมไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร เมื่อคู่แข่งเหลือ 10 ตัว !!!
ได้ยินแล้วอยากจะหัวเราะออกมาเป็นภาษาโปรตุเกส
กะอีแค่กระตุ้นพลางสอนลูกทีมให้ระเบิดถังขี้คู่แข่งที่ตัวน้อยกว่า..ยังไม่มีปัญญาเลยครับคุณ
จึงพอจะสรุปได้ว่ามันน่าทู่เรศทั้งตัวนักเตะ และผู้จัดการทีม