อาร์เน่อ สล็อต คงเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับสถานการณ์ของตัวเองในเวลานี้ หลัง ลิเวอร์พูล ผลงานดำดิ่งต่อเนื่อง และกลายเป็นหนึ่งในสี่ทีมแชมป์เก่าที่ฟอร์มในการป้องกันแชมป์ย่ำแย่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
"หงส์แดง" ยังคงอยู่ในอาการย่ำแย่ยังไม่ฟื้นหลังล่าสุดพวกเขาโดน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ บุกมาขยี้ยับ 0-3 คาถิ่นแอนฟิลด์ เกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้โอกาสในการป้องกันแชมป์ของพวกเขาริบหรี่เต็มทีแล้ว
จากสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ทำให้อนาคตของ โค้ชอาร์เน่อ เริ่มสั่นคลอนอย่างหนัก โดยเฉพาะการเสริมทัพกว่า 450 ล้านปอนด์ (ราว 19,800 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ผลงานของทีมดันสวนทางกับเม็ดเงินที่ลงทุน
ตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" ตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงถึง 11 คะแนน ทำให้โอกาสที่พวกเขาจะกลับมามีลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้งน้อยมาก แต่บางคนเริ่มคิดในเชิงที่แย่กกว่านี้ เพราะหากสถานการณ์ของทีมยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจทำให้พวกเขาต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีการตกชั้นก็ได้ !!!
ด้วยเหตุนี้ทำให้เริ่มมีกระแสข่าวลือการปลด กุนซือชาวดัตช์ ออกจากตำแหน่ง แล้วจากนั้นก็มีชื่อกุนซือหลายคนที่มีโอกาสจะได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของ "หงส์แดง" แล้วมีใครบ้าง ไปพิจารณากันได้เลย
1. เจอร์เก้น คล็อปป์
มีข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังถูกทาบทามให้หวนกลับมากอบกู้สถานการณ์ของทีม แต่กระนั้น นายใหญ่ชาวเยอรมัน ยืนกรานว่าไม่สนใจที่จะกลับมาทำงานผู้จัดการทีมในเร็วๆ นี้ หรืออาจจะไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ
ปัจจุบัน คล็อปป์ ทำงานในฐานะหัวหน้าฝ่ายฟุตบอลทั่วโลกของกลุ่มทุน เรด บูลล์ แต่ด้วยความที่เขามีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ ลิเวอร์พูล ทั้งสโมสรและเมือง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวจะหวนกลับมาทำงานกับทีมอีกครั้ง
สำหรับ คล็อปป์ อายุ 58 ปีแล้ว ผ่านความสำเร็จมาทุกอย่างในช่วงระหว่างที่ทำงานนั่งเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ รวมทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
2. อันโดนี่ อิราโอล่า
นายใหญ่ชาวสแปนิช เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ทำผลงานน่าประทับใจที่สุดในพรีเมียร์ลีกซึ่งอยู่นอกกลุ่มบิ๊กซิกซ์ โดยผลงานของเขาน่าทึ่มากๆ นับตั้งแต่ที่เข้ามารับงานเมื่อซัมเมอร์ปี 2023 เลยทีเดียว
มีลักษณะเด่นหลายอย่างในสไตล์การคุมทีมของ อิราโอล่า ที่ทำให้นึกถึงยุคทองฟุตบอลที่เน้นจังหวะการเพรสซิ่งสูงของ คล็อปป์ เพราะเขาสร้างทีมให้เต็มไปด้วยพลังงาน และการวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนหน้า
บอร์นมัธของเขาสามารถจบอันดับ 9 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกของ "เดอะ เชอร์รี่ส์" ที่สามารถจบซีซั่นครึ่งบนของพรีเมียร์ลีก และเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่เก็บแต้มได้มากกว่า 50 คะแนนครั้งแรกในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
ที่สำคัญในฤดูกาลนี้ ณ ปัจจุบัน บอร์นมัธ มีอันดับเหนือกว่า ลิเวอร์พูล ซะด้วย
3. โอลิเวอร์ กลาสเนอร์
กลาสเนอร์ สร้างเรื่องสุดเหลือเชื่อด้วยการนำ คริสตัล พาเลซ ชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และได้ตั๋วไปลุยฟุตบอลถ้วยยุโรป
แม้ "ดิ อีเกิ้ลส์" จะไม่มีนักเตะระดับสตาร์อย่าง ไมเคิ่ล โอลีเซ่ , วิลฟรีด ซาฮา และตอนนี้ เอเบเรชี่ เอเซ่ แต่ กลาสเนอร์ ก็สามารถปลุกปั้นทีมให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลงานก็ยอดเยี่ยมอย่างมากในฤดูกาลนี้
เขาสามารถนำทีมชนะ ลิเวอร์พูล ในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ จากนั้นก็ยังเอาชนะในเกมลีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถปั้นนักเตะอย่าง อดัม วอร์ตัน, ดาเนียล มูนญอซ และ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ให้โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น
4. ซีเนดีน ซีดาน
ชื่อของ ซีดาน ยังคงปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้จัดการทีมที่ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่อยู่เสมอ ตำนานเพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส ยังไม่กลับมาคุมทีมอีก หลังจากจบช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับ เรอัล มาดริด ซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2021
มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า "ซิซู" กำลังรอโอกาสที่จะเป็นเฮดโค้ชทีมชาติฝรั่งเศส เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะได้รับการแต่งตั้งให้นั่งเก้าอี้นายใหญ่แทน ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่จะก้าวลงจากตำแหน่งหลังฟุตบอลโลก 2026
ลิเวอร์พูลจะสามารถดึงเขาไปทำงานในแอนฟิลด์ ได้ไหม ? คำตอบก็คือ ยากมาก ! แต่กระนั้นหากทีมได้ ซีดาน มาจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีอย่างมาก เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่าสามารถจัดการและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะชื่อดังได้ เขาอาจเป็นสิ่งที่นักเตะแบบ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ต้องการก็เป็นได้
5. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ปัจจุบัน โปเช็ตติโน่ ทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมชาติสหรัฐอเมริกา และเขาก็เคยผิดหวังจากการนำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แพ้ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2019
"พอช" มีประสบการณ์ในการทำงานทั้งพรีเมียร์ลีก และเวทียุโรป โดยเฉพาะเขาเคยคุม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าแชมป์ลีก เอิง และฟุตบอลถ้วยในฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเคยทำงานคุม เชลซี, สเปอร์ส และ เซาธ์แฮมป์ตัน
สไตล์ฟุตบอลแบบเพรสซิ่งสูงและเน้นเกมรุกของเขานั้นน่าจะเหมาะกับ ลิเวอร์พูล แต่ก็คงยากที่จะจินตนาการว่า โปเช็ตติโน่ จะทิ้งทีมชาติสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมศึกฟุตบอลโลก 2026 ไหม ?
6. สตีเว่น เจอร์ราร์ด
เจอร์ราร์ด คือตำนานของสโมสร เป็นหนึ่งในนักเตะ "หงส์แดง" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เคยลองงานผู้จัดการทีมมาแล้ว และได้พบกับประสบการณ์ที่มีทั้งความสุขและความเศร้า
ปัจจุบัน "สตีวี่จี" อายุ 45 ปีแล้ว และเคยมีโอกาสได้นั่งกุมบังเหียน เรนเจอร์ส พร้อมกับปลดแอกลีกวิสกี้ ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2021 ซึ่งเป็นสมัยแรกของ "เดอะ ไลท์บูลล์ส" ในรอบทศวรรษ ก่อนจะไปคุม แอสตัน วิลล่า และ อัล เอตติฟาค แต่โดนทั้งสองทีมปลด
แม้ว่า เจอร์ราร์ด จะเป็นที่รักของสาวก "เดอะ ค็อป" แต่เชื่อว่าแฟนบอลของพวกเขาคงไม่อยากเห็นตำนานต้องมาล้มลุกคลุกคลานกับสถานการณ์ของสโมสรในเวลานี้
7. เชส ฟาเบรกาส
กุนซือที่น่าตื่นเต้นที่สุดในยุโรปในตอนนี้อาจเป็น ฟาเบรกาส ของ โคโม่ แต่ก็จะเป็นเรื่องยากมากที่จะเซ็นสัญญากับเขาเช่นกัน
อดีตกองกลางจอมสร้างสรรค์เกมของอาร์เซน่อลและเชลซี พา โคโม่ จบอันดับที่ 10 ในฤดูกาลแรกของพวกเขาใน เซเรีย อา และตอนนี้พวกเขาอยู่ที่อันดับ 8 กลายเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นได้สนุกที่สุดในยุโรป
เฮดโค้ช วัย 38 ปี กำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชั้นนำในยุโรป โดยประสบการณ์ทั้งการเป็นนักเตะและโค้ชของเขา ทำให้เขาสามารถพัฒนาความสามารถในงานโค้ชได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄