อาร์เซน่อล4-1สเปอร์ส:เอเซ่ ร่างทอง,ลอนดอนสีแดง! 5 ประเด็นปืนรัวโหดเป่าไก่ดับอนาถ

อาร์เซน่อล4-1สเปอร์ส:เอเซ่ ร่างทอง,ลอนดอนสีแดง! 5 ประเด็นปืนรัวโหดเป่าไก่ดับอนาถ
เป็นอันว่าศึก นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ ครั้งที่ 198 ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.จบลงด้วยชัยชนะที่เลิศหรูของ อาร์เซน่อล ที่มีต่อ สเปอร์ส อริเบอร์หนึ่งด้วยสกอร์ 4-1 โดยเกมนี้ เอเบเรชี่ เอเซ่ สร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมจากการซัดแฮททริคเชือด ไก่เดือยทอง ส่งผลให้ทีม ปืนใหญ่ นำเป็นจ่าฝูงต่อโดยเก็บแต้มหนี เชลซี อีกสโมสรของกรุงลอนดอนเพิ่มเป็น 6 แต้มจากการลงเล่น 12 นัดเท่ากันเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้ได้มากขึ้นหลายเท่า

1. ปืนส่ง อินคาปิเอ คุมเกมรับแทน กาเบรียล

มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ อาร์เซน่อล ตัดสินใจส่ง ปิเอโร่ อินคาปิเอ ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เสียบแทน กาเบรียล กองหลังทีมชาติ บราซิล ที่ได้รับบาดเจ็บต้นขา และอาจร้างสนามไปนานสองเดือน

นอกจากนี้ ทีม ปืนใหญ่ ยังไร้คีย์แมนที่เดี้ยงหลายรายทั้ง มาร์ติน โอเดอการ์ด , วิคตอร์ โยเคเรส และ ไค ฮาแวร์ตซ์ แต่ได้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กับ โนนี่ มาดูเอเก้ ฟิตกลับมานั่งข้างสนาม

จากการขาดาวเตะทีมชาติ นอรเวย์ และศูนย์หน้าทีมชาติ สวีเดน ทำให้ บูคาโย่ ซาก้า รับภาระกัปตันทีมต่อไปเช่นเดียวกับ มิเกล เมริโน่ กองกลางทีมชาติ สเปน ซึ่งต้องสวมบทหัวหอกขัดตาทัพ

2. ไก่ได้ กูดุส ฟิตออกสตาร์ต

โธมัส แฟร้งค์ ผู้จัดการทีม สเปอร์ส ได้ โมฮาเหม็ด กูดุส ตัวรุกคนสำคัญฟิตกลับมาลงสนามได้หลังพลาดการลงบู๊ไปสองเกมเนื่องจากบาดเจ็บ

เทียบจากเกมล่าสุดที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาแบ่งแต้มในช่วงทดเวลาด้วยผลเสมอ 2-2 ไก่เดือยทอง ปรับโผตัวจริงรวมห้ารายโดยใช้งาน เควิน ดานโซ่ ยืนเป็นแผงแบ็คทรีร่วมกับ คริสเตียน โรเมโร่ กัปตันทีม และ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน

นอกจากนี้ นักเตะอีกสามรายที่ได้ลงบู๊เกมนี้ประกอบไปด้วย เดสตินี่ อูโดกี้ , โรดริโก้ เบนตานกูร์ และ วิลสัน โอโดแบร์ ขณะที่ห้าสตาร์ที่ตกเป็นตัวสำรองได้แก่  เปโดร ปอร์โร่ , ป๊าป ซาร์ , เบรนแนน จอห์นสัน , มาติส แตล และ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่

ขณะเดียวกัน ทีมเยือนได้ ลูคัส เบิร์กวาลล์ กับ อาร์ชี่ เกรย์ นั่งรอที่ข้างสนามด้วย

3. อาร์เตต้า โชว์กึ๋นยอดกุนซือ

ก่อนเริ่มเขี่ยบอล กุนซือของทั้งสองฝ่ายต้องให้สัมภาษณ์กับสื่อตามธรรมเนียมโดย แฟร้งค์ ยอมรับว่าปรับให้ทีมหันมาเล่นในระบบหลังสามนัดนี้หมายจัดการกับลูกเซ็ตพีซของเจ้าบ้านเป็นสำคัญ

ด้าน อาร์เตต้า ระบุว่าเตรียมแผนดวลกับระบบของกุนซือเดนิชมาเป็นอย่างดีเนื่องจากเคยต่อกรกับระบบแบ็คทรีของ แฟร้งค์ มาก่อนแล้วช่วงที่เขาคุมทีม เบรนท์ฟอร์ด

จากที่เห็น ต้องยอมรับว่าเกมในครึ่งแรกเป็นไปอย่างอึดอัดเนื่องจาก ไก่เดือยทอง เล่นเกมรับกันได้อย่างรัดกุมไม่เปิดโอกาสให้เจ้าบ้านได้ทำเสียวสักเท่าไหร่แม้จะว่าไปทีมเยือนแทบไม่ได้ครองบอลเลย

อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วถึงนาทีที่ 36 เจ้าบ้านก็ปลดล็อกได้สำเร็จจากการวางหมากของกุนซือสแปนิชซึ่งชัดเจนว่าเน้นให้ทีมอาศัยการตักบอลจากแถวสองข้ามกำแพงสามกองหลังทีมเยือนเข้าไปจบสกอร์

ดังจะเห็นว่าตั้งแต่นาทีที่ 3 อาร์เซน่อล เกือบได้ประตูนำจากจังหวะที่ เอเบเรชี่ เอเซ่ ยกบอลให้ เดแคลน ไรซ์ ปราดเข้าวอลเลย์ แต่ถูก กูเยลโม่ วิคาริโอ ปัดทิ้งได้อย่างยอดเยี่ยม และจากนั้นมาเกมก็จืดลงไปเนื่องจาก ไก่เดือยทอง ยันการบุกของ เดอะ กันเนอร์ส ได้อย่างน่าพอใจ

อย่างไรเสีย ทีมจ่าฝูงอาศัยแท็คติกที่เตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดีอีกหน และคราวนี้ประสบผลสำเร็จเมื่อ มิเกล เมริโน่ ชิพบอลข้ามแผงหลังอาคันตุกะโดยมี เลอันโดร ทรอสซาร์ วิ่งสอดเข้าไปพลิกตัวยิงแฉลบตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านนำหน้าจนได้ 1-0

เท่านั้นไม่พอ หลังตาข่ายขาด เกมรับของ สเปอร์ส ก็ดูจะรวนทันที และเสียประตูเม็ดสองตามมาติดๆในนาทีที่ 41 จากจังหวะกระทุ้งของ เอเซ่ ซึ่งถือเป็นสกอร์นำที่สวยหรู 2-0 ใน 45 นาทีแรกของเจ้าบ้านต่อโอกาสคว้าสามแต้มเต็ม

หลังเกมในครึ่งแรกจบลง สถิติเผยว่า อาร์เซน่อล ชนะการครองบอลแบบขาดลอย 67.6%:32.4% และได้ยิงฝ่ายเดียว 8:0 ครั้ง อีกทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้ 4:0 ครั้ง

4. แฮททริคของ เอเซ่

ครึ่งหลัง สเปอร์ส ถอด ดานโซ่ ออกโดยส่ง ชาฟี ซิมอนส์ ลงเล่นแทนเนื่องจากไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว

แต่เริ่มเขี่ยบอลไม่ถึงนาที สกอร์ก็ไหลเป็น 3-0 จากฝีเท้าของ เอเซ่ เจ้าเก่าซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะ ท็อปกัน รายแรกที่สอยตาข่าย ไก่เดือยทอง ได้สองเม็ดในเกมเดียวต่อจาก ปิแอร์เอเมริค โอบาเมยอง ในเดือนธ.ค.2018

พร้อมกันนี้ เอเซ่ เป็นนักเตะอิงลิชรายแรกเช่นกันที่กระซวก สเปอร์ส ได้สองเม็ดต่อจาก ธีโอ วัลค็อตต์ ในเดือนก.พ.2012

อย่างไรก็ดี หลังทิ้งเกมรับหันมาบุกสู้ สเปอร์ส ก็ตีไข่แตกได้จากลูกยิงไกลของ ริชาร์ลิซอน นาทีที่ 55 หลังเห็นว่า ดาบิด ราย่า ออกมายืนนอกเส้นประตูมากไปโดยประตูนี้มีการเผยว่าเป็นการซัดจากระยะ 35.3 หลาของสตาร์ชาวเมืองกาแฟซึ่งเป็นลูกส่องไกลอันดับสองของเกม พรีเมียร์ลีก นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ (นับตั้งแต่ซีซั่น 2006/07) รองจากประตูของ เดวิด เบนท์ลีย์  ที่ซัดให้ ไก่เดือยทอง ได้ในเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จากระยะ 35.7 หลาในเดือนต.ค.2008

กระทั่งนาทีที่ 77 สกอร์ก็เปลี่ยนเป็น 4-1 สำหรับทีมเจ้าบ้านโดย เอเซ่ กดจากเส้น 18 หลาทำแฮททริคได้อย่างยอดเยี่ยม แถมถัดมาอีกไม่นาน อดีตสตาร์ทีม คริสตัล พาเลซ เกือบส่องประตูที่สี่ได้ด้วย แต่โดน วิคาริโอ ปัดได้

อย่างไรก็ดี แฮททริคดังกล่าวทำให้ เอเซ่ เป็นนักเตะคนที่สี่ที่ซัดสามเม็ดได้ในเกม นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ ต่อจาก เท็ด เดร็ค (อาร์เซน่อล ต.ค.1934) ,เทอร์รี่ ดายสัน (สเปอร์ส ส.ค.1961) และ  อลัน ซันเดอร์แลนด์ (อาร์เซน่อล ธ.ค.1978)

นอกจากนี้ เอเซ่ ทำแฮททริคหนที่ 400 ในประวัติศาสตร์ของเกม พรีเมียร์ลีก ด้วยเช่นกัน และเขาเป็นขุนพลทีม เดอะ กันเนอร์ส รายที่ 23 ในข่ายนี้

ครบ 90 นาที อาร์เซน่อล ครองบอลได้มากกว่า 57.3%:42.7% และได้ส่องยิงรวม 17:3 ครั้ง รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 8:2 ครั้ง

5. แฟร้งค์ เสียสถิติสุดยับเยิน

เป็นอันว่า แฟร้งค์ กุนซือ สเปอร์ส เสียสถิติคุมทีมไม่แพ้เกมเยือน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้จนได้หลังพาทีมบุกมาพ่าย อาร์เซน่อล แบบดูไม่จืด 4-1

ก่อนหน้านี้ในการคุมทีมตราไก่ลงเล่นเกมเยือนห้านัด กุนซือชาวเมืองโคนมมีผลงานยอดเยี่ยมชนะสี่ เสมอหนึ่งกระทั่งบุกมาโดนทีม ปืนใหญ่ ลบสถิติในเกมที่หก

พร้อมกันนี้ แฟร้งค์ มีผลงานไม่สู้ดีในการบู๊กับ อาร์เซน่อล เช่นกันโดยสมัยคุมทีม เดอะ บีส์ เขาชนะเกมลีกเหนือ เดอะ กันเนอร์ส ได้ในการปะทะกันหนแรกเมื่อเดือนส.ค.2021 แต่จากนั้นมาอีกเจ็ดนัด เขาไม่เคยได้เฮอีกเลยจากผลงานเสมอทีม ปืนใหญ่ 2 นัด และแพ้ 5 นัด

จนในที่สุดในการคุมทีมประเดิมทำศึก นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ หนแรกของเขา แฟร้งค์ ก็เสียท่าให้ อาร์เซน่อล เช่นกันซึ่งเป็นการปราชัยเกมเยือนนัดแรกของซีซั่น (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้1) โดย สเปอร์ส ได้ประตูทั้งสิ้น 13 เม็ด เสีย 7 เม็ด และเก็บได้ 13 แต้ม



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport