แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบหมดทางต่อกรว่าย่ำแย่แล้ว แต่การโดน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บุกมาถล่มถึงแอนฟิลด์ คือเรื่องที่หนักหนากว่าเดิมหลายเท่า
นี่คืออีกหนึ่งวันที่มืดมนที่สุดในยุคของ อาร์เน่อ และเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีกเมื่อไหร่
ลิเวอร์พูล โดนยำคาบ้านจากทีมที่ก่อนเริ่มเกมยังรั้งรองบ๊วยของตาราง
ก็จริงอยู่… หลายคนอาจบอกว่า ฟอเรสต์ ดีขึ้นชัดเจนหลังได้ ฌอน ไดซ์ เข้ามากุมบังเหียน
แต่สุดท้ายแล้ว… เกมนี้ควรเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องชนะ มิใช่หรือ?
...
ก่อนเกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรม พรีเมียร์ลีก ที่ดูเป็นใจในอีก 9 นัดถัดไป
ด้วยค่าเฉลี่ยอันดับของคู่แข่งเพียงอันดับ 14 ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจะหนักหนาอะไรนัก
และเกมแรกของเส้นทางที่ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง ก็คือการเปิดบ้านรับทีมอันดับ 19 ของตาราง
แต่สุดท้าย ผลลัพธ์กลับกลายเป็นความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 0-3
ความปราชัยครั้งนี้ไม่เพียงทำให้บรรยากาศใน แอนฟิลด์ หม่นลง
แต่ยังผลักให้ อาร์เน่อ เข้าสู่สถานการณ์ที่เปราะบางยิ่งกว่าเดิม
...
อาร์เน่อ ไม่ชอบใช้คำว่า "แก้ตัว" แล้วก็เรียกสิ่งนั้นว่าเป็น "ปัจจัยประกอบ" แทน
อาการบาดเจ็บ
ผู้เล่นหลายคนไม่พร้อมช่วงปรีซีซั่น
ตารางแข่งที่อัดแน่น
แต่คำถามคือ ปัจจัยประกอบเหล่านี้มันจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ได้นานแค่ไหน ?
นี่คือเดือนพฤศจิกายน ผู้เล่นใหม่ควรปรับตัวได้แล้ว ทีมควรเริ่มแสดงสัญญาณของทิศทางที่ชัดเจนกว่าเดิม
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการเล่น เช่น การหมุนเวียนกองกลาง หรือการเล่นที่เหมือน เปแอสเช มากขึ้น แต่เราก็ควรเห็นเวอร์ชันที่ดีกว่านี้
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ ในแต่ละสัปดาห์ ลิเวอร์พูล แย่ลงเรื่อย ๆ
ด้วยคุณภาพที่มีในทีมนี้ ต่อให้ผู้เล่นบางคนจะไม่ฟิตเต็มที่ พวกเขาก็ควรจะเล่นได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และไม่ควรถูกทีมอันดับ 19 เอาชนะคาบ้าน 3-0
นี่เป็นเพียงหนที่สี่ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ 0-3 ที่ แอนฟิลด์
...
ด้วยฟอร์มแบบนี้ ไม่สามารถมีข้อแก้ตัวใด ๆ มาบังหน้าได้อีกแล้ว
และตอนนี้ ประเด็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ได้ถูกหยิบขึ้นมาแล้ว…
อาร์เน่อ คนนี้จะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน?
สำหรับ FSG กลุ่มทุนเจ้าของทีม การไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก คือขั้นต่ำ และพวกเขาก็มักจะรอจนกว่าโอกาสนั้นจะหมดไป ก่อนจะพิจารณาการปลดผู้จัดการทีม(เฮดโค้ช)
แต่ ลิเวอร์พูล แพ้ไปแล้ว 8 จาก 11 นัด และคำถามอีกก็คือ…
พวกเขาจะแพ้อีกกี่ครั้งก่อนที่ตัวเลขจะเป็น 9 จาก 12? แล้วเป็น 10 จาก 13 ไหม?
ฟางเส้นสุดท้ายใกล้เข้ามาอีกก้าว อนาคตของ อาร์เน่อ อยู่ยืนอยู่บนแท่นน้ำแข็งแล้วจริง ๆ
ผลงานกับ แอสตัน วิลล่า และ เรอัล มาดริด ที่เคยเป็นสัญญาณแห่งความหวัง
ทุกวันนี้กลายเป็นภาพลวงตา และทีมกำลังดิ่งลงเรื่อย ๆ ตอนนี้อยู่อันดับ 11 ไกลเกินกว่าคำว่ายอมรับได้สำหรับทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์สูงและเป็นแชมป์เก่า
...
ฟอเรสต์ ดีขึ้นจริงภายใต้การทำทีมของ ไดซ์ เกมรับของพวกเขาดีขึ้นมาก
แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ก่อนเกมจะบอกว่า ลิเวอร์พูล ไม่น่าจะเอาชนะ ฟอเรสต์ ได้
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ หลังโดน 0-1 ในครึ่งชั่วโมงแรก ลิเวอร์พูล แทบไม่เหลือความมั่นใจ
และเมื่อโดน 0-2 ในนาทีที่ 46 สถิติครึ่งหลังสะท้อนความน่ากังวลอย่างยิ่ง
45 นาทีหลัง ลิเวอร์พูล กับ ฟอเรสต์ มีโอกาสยิงเท่ากันที่ 11 ครั้ง
ลิเวอร์พูล ยิงตรงกรอบ 1 ฟอเรสต์ ตรงกรอบ 5
ค่า xG เท่ากันที่ 0.8
ใช่ครับ ลิเวอร์พูล ยิงตรงกรอบเพียง 1 ครั้งในครึ่งหลัง ขณะที่ตามหลัง 0-2 ต่อทีมอันดับ 19...
อาร์เน่อ ไม่มีคำตอบ แผนของเขาไม่มีอะไรนอกจากถอดผู้เล่นที่สามารถลำเลียงบอลขึ้นหน้าออก แล้วโยนกองหน้าลงไปหลายคนเพื่อหวังจะส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย
นักเตะแนวรุกที่อยู่ในสนามดูงงงวยว่าจะพาบอลเข้าสู่พื้นที่อันตรายได้อย่างไรเมื่อเจอกับเกมรับที่แน่นหนา
การเปลี่ยนตัวของ อาร์เน่อ เคยเป็นจุดแข็ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นการโยนผู้เล่นเข้าไปโดยไม่มีแผนการ
ซึ่งหมายความว่า เมื่อแผนเริ่มต้นไม่เวิร์คก็ไม่มีแผนแก้ไขนอกจากเปลี่ยนกองหน้า และไม่มีแผนการใช้ผู้เล่นในทีมอย่างแท้จริง
มันดูไม่ใช่การแก้เกม แต่เป็นการหวังฟลุคเสียมากกว่า
ตอนนี้เป็นปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว เรายังไม่เห็นว่า อาร์เน่อ รู้วิธีใช้ลูกทีมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และยังไม่รู้เลยว่า 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดหน้าตาเป็นยังไง
หากผู้เล่นที่ได้รับมาไม่ใช่สิ่งที่เฮดโค้ชต้องการ ก็ควรมีคำถามเกี่ยวกับ ริชาร์ด ฮิวจ์ส
แต่ถ้า ฮิวจ์ส และทีมสรรหาได้จัดผู้เล่นที่ดีสำหรับ ลิเวอร์พูล ในระยะยาว แต่ไม่ใช่เพื่อ อาร์เน่อ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขากำลังจับตามองโค้ชคนอื่นอยู่??
และถ้ายังแพ้ต่อเนื่องไปจนถึงจุดหนึ่ง… ฮิวจ์ส ควรไปดึงคนคนนั้นเข้ามาเลยหรือไม่
...
อเล็กซานเดอร์ อิซัค ถูกใช้งานผิดเวลา ผิดจังหวะ ผิดเกมมาโดยตลอด
125 ล้านปอนด์ที่จ่ายไป ยังไม่ได้สิ่งที่เหนือกว่าผู้เล่นเดิมที่ถูกปล่อยออก
สถิติของ อิซัค กับ ฟอเรสต์ คือ สัมผัสบอล 15 ครั้ง ยิงพลาด 1 และแพ้การดวลเรียบวุธ 7 หน
หากผู้เล่นคนหนึ่งยังไม่ฟิตหรือไม่สามารถสร้างอิมแพกต์ได้เพียงพอ คนอื่นต้องคอยแบกรับงานแทน
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อิซัค ตอนนี้ เขายังไม่สามารถทำผลงานได้เต็มประสิทธิภาพ และแทบไม่สามารถช่วยทีมได้ในจังหวะสำคัญ ๆ
พรีเมียร์ลีก คุณไม่มีทางซ่อนผู้เล่นที่ไม่พร้อมได้ ไม่มีเกมไหนที่คุณพอแบกได้อยู่ และไม่มีพื้นที่ให้คุณลงสนามแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
มันไม่ใช่ที่จะให้มาแบกผู้โดยสารได้
...
แทนที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ จะทำตัวให้คู่ควรกับสัญญาใหม่ที่ควรจะได้รับ
แต่เขากลับแสดงผลงานที่ทำให้ ถ้าวันหนึ่งเขาย้ายทีมจริง แฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่อาจรู้สึกเฉย ๆ มากกว่าเสียใจ
ความผิดพลาดครั้งเดียวทำให้ตัวเขาเสียหลักไปทั้งเกม
หุนหันพลันแล่น สมาธิหลุด ความมั่นใจไม่มี
จำนวนความผิดพลาดง่าย ๆ ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ โจ โกเมซ ซึ่งลงตัวจริงฤดูกาลนี้เฉพาะในคาราบาว คัพ คงได้แต่นั่งคิดบนม้านั่งสำรองว่า "ต้องเกิดอะไรขึ้นอีกถึงจะได้โอกาสลงสนามแทน?"
และมันแย่ถึงขั้นที่ อาร์เน่อ ตัดสินใจจัดการทันทีหลังโดนนำสองลูก ด้วยการถอด โกนาเต้ ออกแล้วส่ง อูโก้ เอกิติเก้
พร้อมขยับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลงไปยืนเป็นเซ็นเตอร์จำเป็น ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า วันนี้ โกนาเต้ ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ให้ยึดเหนี่ยวได้อีกแล้ว
ท้ายที่สุด คำถามที่หนักที่สุดคือคำถามเดิมที่กำลังค้างอยู่ในใจทุกคน
โกนาเต้… ยังเชื่อมั่นในตัวเองอยู่ไหม?
และ ลิเวอร์พูลยังควรเชื่อมั่นในตัวเขาหรือเปล่า?
...
เกมนี้ไม่มีข้อดีให้พูดถึง และเมื่อผู้เล่นทุกคนแย่แบบเป็นระบบ คำถามทั้งหมดต้องหันกลับไปที่ผู้จัดการทีม
"ไม่ว่าเราจะชนะหรือแพ้ มันเป็นความรับผิดชอบของผม "
"ทีมยังพยายามสู้จนจบ แต่ช่วงนี้เราพลาดของเราเอง และทุกครั้งที่อีกฝ่ายได้โอกาส บอลก็มักจะเข้าเสมอ"
คำพูดของ อาร์เน่อ ที่ว่าไว้หลังจบเกม
เขาย้ำว่าทีมต้องการประตูขึ้นนำเพื่อเปลี่ยนโมเมนตัม แต่ ฟอเรสต์ คือผู้ที่ได้มันไป
เมื่อถูกถามว่ายังเชื่อว่าจะหยุดความตกต่ำได้หรือไม่
"แน่นอนว่ามันมีทางออก โดยเฉพาะเมื่อดูจากคุณภาพผู้เล่นที่เรามี"
"ไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้ คุณต้องหันกลับมาดูตัวเองว่า 11 ตัวจริงที่เลือก หรือการเปลี่ยนตัวที่ทำไป สามารถทำให้ดีกว่านี้ตรงไหน ต้องปรับอะไรหรือไม่"
"แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกับการสงสัยในตัวเอง ผมอยากย้ำอีกครั้งว่า ผมคือคนที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ตอนนี้"
"ตอนชนะ ผู้จัดการทีมก็ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนแพ้ก็เช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากโทษผู้ตัดสิน"
"ผมไม่มีข้อแก้ตัวมากพอที่จะอธิบายผลลัพธ์แบบนี้หรอก มันห่างไกลจากคำว่าดีพอมาก และผมต้องรับผิดชอบ"
สำหรับผม ยังไม่ถึงเวลาที่เรียกร้อวให้ปลดเขาออก
แต่อยากย้ำว่า อาร์เน่อ ไม่สามารถแพ้เกมลีกต่อไปได้แล้ว
สถานการณ์กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เกมกับ เวสต์แฮม หากยังแพ้อีก อนาคตของ อาร์เน่อ จะวิกฤติอย่างจริงจัง
และ FSG จะต้องหารือภายในเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมีเป้าหมายคือการผ่านไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก
สถานการณ์ตอนนี้ ร้ายแรงถึงขั้นวิกฤติแบบไม่ต้องอ้อมค้อม
#HOSSALONSO