ช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนพฤศจิกายนผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้กลับสู่โลกความเป็นจริงเมื่อศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง และมีเรื่องน่าสนใจมากมายที่น่าจะเกิดขึ้นในเกมช่วงสุดสัปดาห์นี้
หนึ่งในประเด็นน่าสนใจก็คือการที่หลายสโมสรต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บช่วงฟีฟ่าเดย์ โดยเฉพาะ อาร์เซน่อล ที่มีลิสต์รายชื่อแข้งเดี้ยงเพิ่มขึ้นหลัง กาเบรียล มากัลเญส เจ็บหนักจากการช่วยทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นเรื่องที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องหาทางแก้ไขให้ได้เพราะมีแมตช์สำคัญพบ สเปอร์ส เกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้
ขณะเดียวกันเกมช่วงสุดสัปดาห์นี้จะเป็นการครบรอบ 1 ปีที่ รูเบน อโมริม เข้ามาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ วูล์ฟแฮมป์ตัน จะประสบความสำเร็จในการเก็บชัยชนะแรกของซีซั่นนี้ได้หรือไม่
สำหรับนี่เป็น 5 ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์ที่ 12
1. ช่วงเวลาตึงเครียดมาถึงเร็วกว่าที่คิด
อาร์เซน่อล เกือบที่จะทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8 คะแนน แต่การพลาดโดน ซันเดอร์แลนด์ ตีเสมอช่วงทดเจ็บขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" ถล่ม ลิเวอร์พูล ส่งผลให้ช่องว่างความห่างของคะแนนลดลงเหลือเพียง 4 แต้มเท่านั้น
สำหรับเกมช่วงสุดสัปดาห์นี้ "ปืนใหญ่" มีปัญหาสำคัญนั่นก็คือการขาดนักเตะหลักหลายคน ล่าสุดก็ มากัญเญส ซึ่งพวกเขาต้องหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะแมตช์ต่อไปต้องปะทะกับ สเปอร์ส คู่อริร่วมเมืองหลวง และพวกเขาห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะถ้า แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยชนะได้ สถานการณ์ของ อาร์เซน่อล จะกลับมาตึงเครียดทันที
แล้วก็มีเรื่องที่น่าสนใจก็คือครั้งล่าสุดที่มีทีมซึ่งขึ้นำเป็นจ่าฝูงหลังจากผ่าน 11 แมตช์ แต่สุดท้ายไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2023/24 และทีมที่น้ำตาตกคือ อาร์เซน่อล !!!
อย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าฤดูกาลนี้เพิ่งเริ่มต้น แต่กระนั้นเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ จะเป็นแมตช์ที่มีความหมายพิเศษ หาก "เดอะ กันเนอร์ส" แพ้ งานนี้มีสิทธิส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะเลยทีเดียว
2. ถึงเวลาที่ อีซัค จะเฉิดฉาย (หรือยัง)
นับตั้งแต่ที่ ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินเป็นสถิติเกาะอังกฤษในการคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อีซัค มาร่วมทัพ แต่นักเตะยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้คุ้มกับเม็ดเงินที่ "หงส์แดง" เสียไปเลย โดยหลายคนอาจอ้างว่าเขายังไม่ฟิตและดันมีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ผลงานยังไม่เปรี้ยงปร้าง
อีซัค ต้องแบกรับแรงกดดันจากค่าตัว 125 ล้านปอนด์ (ราว 5,500 ล้านบาท) โดยนักเตะลงเล่นไปแล้ว 429 นาทีทั้งในพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เขายังไม่สามารถยิงประตูได้ (ยกเว้นเกมคาราบาว คัพ) นั่นทำให้ อาร์เน่อ สล็อต ขอให้สาวก "เดอะ ค็อป" อดทน แต่แฟนหงส์แดงก็คงอยากจะเห็นผลงานของนักเตะที่สโมสรยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเซ็นสัญญากับเขา
หลังเกมที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ ในเอติฮัด สเตเดี้ยม สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องทำให้ได้ก็คือการเอาชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ แต่ "เจ้าป่า" ไม่ใช่จะปราบได้ง่ายๆ เพราะหลังจาก ฌอน ไดซ์ เข้ามาคุมทีม พวกเขาก็เล่นได้ดีขึ้น
3. วูล์ฟส์ จะเก็บชัยเกมแรกได้ไหม
นี่เป็นเกมแรกที่ ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ จะนั่งเก้าอี้คุม วูล์ฟแฮมป์ตัน หลังได้รับการแต่งตั้ง โดยจะต้องพบกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งผลงานกำลังโดดเด่น และนั่นเป็นงานใหญ่มากๆ ของเขาในการที่จะเอาชนะ "ดิ อีเกิ้ลส์"
เอ็ดเวิร์ดส์ ต้องเจอกับงานสุดหินในการพยายามนำ วูล์ฟส์ เก็บชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกแมตช์แรกนับตั้งแต่เดือนเมษายนซึ่งในช่วงเวลานั้นทีมแพ้ 12 เกมและเสมอ 3 นัด ดังนั้น อดีตกุนซือมิดเดิ้ลสโบรช์ ต้องพยายามรวมใจแฟนบอลเพื่อกอบกู้วิกฤติของทีม
ต้องยอมรับว่า เอ็ดเวิร์ดส์ คงต้องพึ่งปาฏิหาริย์สักหน่อยหากหวังให้ วูล์ฟส์ อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก โดยสถานการณ์ที่โมลินิวซ์เต็มไปด้วยปัญหา เนื่องจากแฟนบอลไม่พอใจที่บอร์ดบริหารไม่มีความทะเยอทะยานในการนำทีมให้อยู่รอดในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
การขายผู้เล่นที่ดีที่สุดไปแล้ว และจากนั้นก็หวังเพียงว่าจะมี 3 ทีมที่ผลงานแย่กว่าซึ่งแนวคิดของบอร์ดบริหารมีแนวโน้มจะล้มเหลว แต่ถ้า เอ็ดเวิร์ดส์ เริ่มต้นได้สวยในเกมปะทะ พาเลซ ก็ไม่แน่ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
4. จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
ช่วงซัมเมอร์นี้มีหลายฝ่ายพยายามแนะนำบอร์ดบริหารลีดส์ ยูไนเต็ด ควรหาคนมาแทนที่ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ ทั้งๆ ที่เขาพาทีมกลับสู่พรีเมียร์ลีก โดยแฟนบอลรวมตัวกันสนับสนุนผู้จัดการทีม และส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อมั่นในฝีมือของกุนซือชาวเยอรมันแม้จะเจอช่วงเวลาท้าทายก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การแพ้ไป 4 จาก 5 เกมพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา ทำให้ ฟาร์เค่ กลายเป็นตัวเต็งที่จะเป็นผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกคนต่อไปที่ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง แต่กระนั้นเกมที่ แอสตัน วิลล่า มาเยือนเอลแลนด์ โรด วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเกมชี้ชะตาอนาคตของ ฟาร์เค่
กระนั้นสิ่งที่ ฟาร์เค่ จำเป็นต้องทำก็คือเรียกฟอร์มเก่งจากแข้งลีดส์ออกมาให้ได้ แม้ว่าทัพ "ยูงทอง" อาจไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ก็ตามแต่ก็อาจจะได้ใจแฟนบอล เนื่องจาก 2 เกมที่แพ้ ไบรท์ตัน กับ ฟอเรสต์ พวกเขาทำผลงานไม่เป็นสัปปะรดเลยจริงๆ
5. หนึ่งปีหลังคุม แมนยู
เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เอฟเวอร์ตัว วันจันทร์ที่ 24 พ.ย.นี้ จะครบหนึ่งปีพอดีนับตั้งแต่ รูเบน อโมริม คุมทัพ "ปีศาจแดง" ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกซึ่งจบลงด้วยการเสมอ อิปสวิช ทาวน์ ขณะที่ เดวิด มอยส์ ซึ่งปัจจุบันคุม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คุม แมนฯ ยูฯ ไม่ถึงปีก็โดนปลดหลังแพ้ 15 เกมจาก 51 แมตช์
อโมริม แพ้ไปถึง 19 จาก 54 แมตช์ ขณะที่ มอยส์ มีอัตราชนะ 53 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกุนซือชาวโปรตุกีส มีอัตราชนะ 39 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า อโมริม โชคดีจริงๆ ที่รอดมาได้ครบ 12 เดือน แต่สโมสรยังมีความเชื่อมั่นในตัวเขา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะตอนนี้ "ปีศาจแดง" เริ่มเข้าที่เข้าทางตามแบบที่เจ้าตัวต้องการ
ถ้าหาก แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ หลังช่วงคริสต์มาส "ผีแดง" อาจมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับสาวก "เร้ด อาร์มี่" ด้วยการก้าวขึ้นเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ก็ได้
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄