ทำไม ซาลาห์ ทำให้โมโห เหตุผลที่ปฏิเสธ แมนยู เพื่อย้ายมา ลิเวอร์พูล

ทำไม ซาลาห์ ทำให้โมโห เหตุผลที่ปฏิเสธ แมนยู เพื่อย้ายมา ลิเวอร์พูล
ซาดิโอ มาเน่ คือผู้วิ่งไล่ตามความฝันตั้งแต่อายุที่เด็กคนอื่นยังกลัวแม้แต่จะพูดถึงมัน

การพูดคุยกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ บนช่อง Rio Ferdinand Presents ทำให้เราได้เห็น มาเน่ ในแบบที่ลึกกว่าเดิม เห็นความจริงหลายอย่างที่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่า 

ทั้งเส้นทางที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งในบ้าน การเผชิญหน้ากับยุโรปที่หนาวเย็นและโหดร้าย การเลือก เจอร์เก้น คล็อปป์ เหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

รวมถึงรอยร้าวเล็ก ๆ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำให้สามประสานหฤโหดของ ลิเวอร์พูล เป็นมนุษย์จริง ๆ มากขึ้น

บทสัมภาษณ์นั้นไม่ใช่เพียงการไล่เรียงเหตุการณ์ แต่เป็นเหมือนการทบทวนชีวิตของนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ไม่เคยลืมว่าตัวเองเริ่มต้นมาจากตรงไหน และต้องแลกอะไรไปบ้างเพื่อมายืนบนยอดสุดของทวีปยุโรป

...

มาเน่ บอกว่าแม่เกลียดฟุตบอล ไม่ใช่เพราะไม่รักลูก แต่เพราะเธอเชื่อว่าฟุตบอลเป็นอาชีพที่ไม่มีอนาคต 

ครอบครัวอยากให้เขาเรียนหนังสือ แต่เขารู้ว่าหัวใจของตัวเองอยู่ที่ไหน

วันที่เขาหนีออกจากหมู่บ้านไปยังดาการ์ อายุเพียง 16 ปี ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรนอกจากความเชื่อว่า ถ้าไม่ทำตอนนี้ เขาจะไม่มีวันทำได้อีกเลย

เมื่อครอบครัวลากเขากลับมา มาเน่ พูดประโยคที่คนอายุเท่านี้แทบไม่มีใครกล้าพูด

"โรงเรียนไม่ใช่ที่สำหรับผม แต่ผมจะเรียนอีกหนึ่งปี ถ้าไม่สนับสนุน ผมจะไปอีกครั้งด้วยตัวเอง"

หนึ่งปีผ่านไป ครอบครัวยอมรับ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่ดูเหมือนโรแมนติก แต่จริง ๆ เต็มไปด้วยน้ำตาและความกลัว

เขามาถึง ฝรั่งเศส วันที่ 5 มกราคม 2011

อากาศเย็นจัด มือชาแบบต้องแช่น้ำอุ่นก่อนนอนทุกวัน

สองเดือนถัดมา เขาบาดเจ็บหนัก พักยาว 6 เดือน อยู่คนเดียวในประเทศที่พูดกันคนละภาษา

แต่เขาไม่ยอมแพ้ โอกาสแรกกับทีมสำรอง เม็ตซ์ เขาทำได้ดีจนถูกดึงขึ้นทีมชุดใหญ่ และเพื่อรักษาตำแหน่งนั้น เขาตื่นหกโมงเช้าไปวิ่งซ้อมลับ ๆ ในสวน

เพราะรู้ว่าคนที่อยากอยู่รอดในยุโรป ต้องกระหายมากกว่าคนอื่น

ชีวิต มาเน่ เปลี่ยนอีกครั้งเมื่อย้ายไป ซัลซ์บวร์ก อยู่กับ ราล์ฟ รังนิค

ที่นั่น เขาถูกบังคับให้เลิกเล่นเหมือนเด็กริมถนน แล้วเรียนรู้ความเข้มงวดแบบยุโรป ทั้งการยืนตำแหน่ง การเพรสซิ่ง การหุบ การไล่บีบ โดยคำสอนมาจาก ราล์ฟ รังนิก ผู้ซึ่งพาเขาจาก ฝรั่งเศส มาอยู่ที่นี่

"ซัลซ์บวร์ก คือโรงเรียนฟุตบอลของผมจริง ๆ" มาเน่ บอกแบบนั้น

...

ช่วงที่อยู่ เซาแธมป์ตัน เขาเป็นที่ต้องการของหลายทีม รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ หลุยส์ ฟาน กัล โทรมาหาโดยตรง แล้วบอกว่าจะทำให้ตัวเขาเก่งขึ้น 

แต่ มาเน่ ถามว่าเขาจะได้เล่นตำแหน่งไหน เมื่อมีผู้เล่นแนวรุกชั้นนำหลายคนในทีม (เวย์น รูนี่ย์, อังเคล ดิ มาเรีย และ โรบิน ฟาน เฟอร์ซี่) ซึ่งเขาไม่มั่นใจในคำตอบของ ฟาน กัล

"เขาบอกว่า -ฉันรู้ความสามารถของนาย แต่หากนายซ้อมได้ดี นายจะได้เล่น  แต่เรามีนักเตะคนอื่นที่เยี่ยมเช่นกัน- ผมไม่ปลื้มคำอธิบายของเขา ผมไม่พร้อมรอ ผมยังเป็นเด็กหนุ่ม"

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็เชิญเขาไปดูสนามซ้อม

แต่ที่นั่นยังไม่ใช่คำตอบ กระทั่งมีสายจาก เยอรมนี เข้ามา

คล็อปป์ พูดแค่ไม่กี่ประโยค แต่เพียงพอที่จะปิดดีลในหัวของ มาเน่ ทันที

"we will build the team no one want to play against you play every game"

"เราจะสร้างทีมที่ไม่มีใครอยากเจอ และคุณจะได้ลงเล่นทุกเกม"

นี่คือคำพูดสำคัญที่ทำให้ มาเน่ ตัดสินใจเลือกย้ายไป ลิเวอร์พูล แทนที่จะเป็น แมนยู หรือ สเปอร์ส

เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่เขาต้องการคือความเชื่อมั่น และ คล็อปป์ คือคนที่พูดด้วยแววตาที่ทำให้เขาเชื่อจริง ๆ

...

คล็อปป์ สร้างสามประสานที่เปลี่ยนนิยามใหม่ของฟุตบอลเกมรุก

มาเน่–ซาลาห์–ฟีร์มิโน่ คือความสมดุลที่ลงตัวแบบหายากมากมาจากการผสมผสานของบุคลิกและลักษณะที่แตกต่างกัน

บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่ คือคนที่มาเน่บอกว่าไม่เคยเห็นใครแบบนี้มาก่อน เป็นคนที่ยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยายใด ๆ 

ฟีร์มีโน่ คือผู้เล่นคนเดียวที่ มาเน่ นำรูปไปตั้งในบ้าน

เขาไม่ใช่แค่หมายเลข 9 แต่เป็นกาวที่ทำให้ระบบ ลิเวอร์พูล สมบูรณ์แบบที่สุด

เขาไม่เคยโกรธใคร ไม่เคยโวยวาย และเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ทำให้ทุกคนในสนามเล่นได้ดีขึ้น

ส่วน ซาลาห์ เป็นทั้งคู่แข่ง คู่หู และแรงผลักดันซึ่งกันและกัน

มาเน่ ยอมรับตรง ๆ ว่าเขาโกรธ ซาลาห์ ในเกมพบ เบิร์นลี่ย์ ตอนที่อีกฝ่ายไม่ผ่านบอลให้ทั้งที่ตัวเองยืนโล่ง ๆ

แต่หลังเกม ซาลาห์ เข้ามาขอโทษทันทีและอธิบายว่าเขาแค่คิดถึงแต่การยิงประตู ซึ่งการพูดคุยครั้งนั้นทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

มาเน่ บอกว่าความโกรธของเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว และอธิบายถึงสไตล์การเล่นของ ซาลาห์ ว่า "ในฐานะกองหน้า เมื่อ โม เห็นประตู เขาจะไม่เห็นใครเลย" 

"เราจะช่วยให้นายเป็นดาวซัลโวเอง" มาเน่ บอกแบบนั้นกับคู่หูชาวอียิปต์

มันคือความซับซ้อนของคู่หูที่ผลักดันกันจน ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดในยุโรป

...

ฝั่งซ้าย ลิเวอร์พูล คือพื้นที่ที่คู่แข่งเกลียดที่สุด เพราะทั้ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ มาเน่ รู้ใจกันแทบทุกจังหวะ

เขายกย่อง ร็อบโบ้ ว่าเป็นคู่หูที่ดีที่สุดในอาชีพ ทั้งคู่ช่วยเหลือกันตอนเล่นเกมรับ โดย มาเน่ จะคอยวิ่งเข้าด้านใน ส่วน ร็อบโบ้ รับด้านนอก 

นอกจากนี้ มาเน่ ยกย่อง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เจมส์ มิลเนอร์ ที่คอยตะโกนสั่งการและวิ่งตลอดเวลาในสนาม

กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาเน่ เห็น เทรนต์ เติบโตจากเด็กจนเป็นผู้ใหญ่ 

เขามีความพิเศษด้านเกมรุก เป็นคนที่ต้องการความรักและการสนับสนุน เทรนต์ เป็นผู้เล่นที่ตอบสนองได้ดีต่อการถูกตะโกนกระตุ้นจากโค้ชและเพื่อนร่วมทีม

ขณะเดียวกัน ตัวมาเน่ เอง เคยมีปากเสียงกับ คล็อปป์ หลังถูกเปลี่ยนตัวเพราะเล่นไม่ดี แต่ คล็อปป์ เป็นคนที่พยายามแก้ไขความขัดแย้งให้เร็วที่สุด และวันต่อมาจะเป็นคนเดินมากอดและเปิดบทสนทนาก่อนเสมอ

นี่คือมนต์เสน่ห์ของ คล็อปป์ ความดุดันในงาน และความเป็นมนุษย์นอกงาน มันทำให้หลายคนเล่นยอมถวายชีวิตเพื่อเล่นให้เขา

...

ทำไมต้องย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ? 

มาเน่ คว้ามาเกือบทุกแชมป์กับ ลิเวอร์พูล และเขารู้ตัวว่า ถ้าอยู่ต่อไป มันอาจจะง่ายเกินไป

เขาเลือกออกจากเซฟโซนไปอยู่ บาเยิร์น มิวนิค แล้วต่อด้วย อัล-นาสเซอร์

ที่ บาเยิร์น เขาเรียนรู้สิ่งใหม่ที่นั่น เขาให้ความเห็นว่า ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เป็นโค้ชที่ดีมาก

ส่วนที่ อัล-นาสเซอร์ เขาได้รับการติดต่อจาก ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีโครงการที่จะสร้างลีกให้แข็งแกร่งที่สุดในโลกและหวังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

มันไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน แต่เพราะอยากก้าวเข้าไปในสิ่งที่โลกภายนอกไม่เข้าใจ

การได้เล่นกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือของขวัญจากสวรรค์

CR7 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความเป็นมืออาชีพ ความทุ่มเท และความคิดที่ต้องการชนะอยู่เสมอ

เป็นผู้ชายที่อยู่ในโหมดมืออาชีพตลอด 24 ชั่วโมง

...

ใน ยุโรป ฟุตบอลคือกีฬา แต่ใน เซเนกัล ฟุตบอลคือความหวัง

มาเน่ รู้ดีว่าเขาไม่ได้เล่นเพื่อตัวเอง แต่เล่นแทนผู้คน เซเนกัล 

ความกดดันนั้นเกือบทำให้เขาเล่นได้ไม่เป็นตัวเอง แต่ชัยชนะในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ คือการปลดล็อกจิตใจของทั้งประเทศและของตัวเขาเอง

มาเน่ มองว่าการเป็นแบบอย่างให้เด็ก ๆ เป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญ เขาสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน และสิ่งปลูกสร้างมากมายในบ้านเกิด

เพราะเขาเชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงคือสิ่งที่คุณให้กับบ้านเกิดได้

ทีม 5 คนที่ดีที่สุดที่เขาเคยเล่นด้วย โดยไม่รวมผู้รักษาประตู คือ ฟีร์มีโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, คาลิดู คูลิบาลี่, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โรนัลโด้

...

เด็กชายจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เคยถูกครอบครัวค้าน วันนี้ ซาดิโอ มาเน่ เป็นคนที่ทั้งโลกฟุตบอลยอมรับ

และทั้งหมดเริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ อย่างหนึ่งด้วยความเชื่อที่ว่า "ผมจะไม่ยอมแพ้ความฝันของตัวเอง"

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : getty image
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport