ทั้งอร่อยและสารอาหารแน่น! ทอมมี่ โคล เชฟคนโปรดนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

เป็นที่รู้กันว่าพ่อค้าแข้งส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเรื่องการจัดหาหรือปรุงอาหารของตัวเอง โดยเฉพาะนักเตะระดับท็อปที่มีรายได้สูงแต่มีเวลาน้อย และต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การผสมผสานของปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดอุตสาหกรรมที่เข้ามาตอบสนองความต้องการของพวกเขา.

อย่างที่ทราบกันดีว่าเชฟส่วนตัวมีมานานแล้ว แต่เชฟที่ทำงานเฉพาะด้านในวงการลูกหนังเพื่อดูแลเรื่องอาหารให้นักเตะนั้น เป็นตลาดเฉพาะทางที่กำลังเติบโต 

สำหรับเชฟเหล่านี้จะเตรียมอาหารเย็นให้ถึงบ้านของนักเตะและครอบครัว หรือการเตรียมวัตถุดิบพร้อมเมนูให้พวกเขานำไปปรุงเอง โดยหน้าที่หลักก็คือการดูแลโภชนาการและเสริมพลังงานให้กับนักเตะ

ผู้ที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีคือ ทอมมี่ โคล ซึ่งเป็นเชฟส่วนตัวมาเจ็ดปี และเพิ่งเริ่มทำงานเต็มเวลาให้กับนักฟุตบอลในกรุงลอนดอนช่วงปีนี้ โคล มีฐานลูกค้าเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก โดยมีหนึ่งคนที่เขาไปทำอาหารให้ทุกเย็นวันจันทร์ถึงศุกร์ ขณะเดียวกันเขายังเตรียมอาหารให้กับนักเตะคนอื่นๆ อีกห้าคนเป็นประจำ

โคล ได้บันทึกและเผยแพร่ข้อมูลอาหารที่เขาทำลงในสื่อออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งเผยให้เห็นว่าแม้โภชนาการจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักกีฬาอาชีพระดับท็อป 

ที่สำคัญนักเตะเหล่านั้นสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่หน้าตาน่าทานและรสชาติเยี่ยมแบบที่คุณคาดหวังจากเชฟส่วนตัวได้ เช่น อกไก่เสิร์ฟคู่สลัดไก่บอนบอน, ซอสไก่, ข้าวโพดย่าง, ข้าวโพดบดพิวเร่ และมันบดกระเทียม หรือ เบาบันไส้เป็ด, กุ้ง, ผักดอง และโคลสลอว์

โคล เคยทำงานเป็นเชฟส่วนตัวมาแล้วทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้งานที่เขาได้รับมักแตกต่างและหลากหลาย แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาสมดุลระหว่างรสชาติและโภชนาการของอาหาร ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดกับนักโภชนาการของสโมสรพรีเมียร์ลีกที่ลูกค้าของเขาเล่นอยู่

"มันอาจจะยุ่งยากนิดหน่อย เพราะคุณต้องใช้สองความคิดควบคู่กันไป แบบว่าแนวคิดของเชฟที่อยากใส่เนยหรืออะไรก็ตามเพื่อให้อาหารอร่อยที่สุด กับสมองของนักโภชนาการที่ต้องคำนึงถึงเป้าหมายของลูกค้า"

"แต่คุณสามารถหาจุดสมดุลได้แน่นอน โดยที่อาหารยังอร่อย, คุณภาพเยี่ยม แต่ก็ยังดีต่อสุขภาพด้วย และเมื่อเป็นอาหารที่ต้องกินทุกวัน ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการอาหารที่หนักหรือเข้มข้นเกินไป" โคล กล่าว

ลูกค้าหลักของ ยอดเชฟลูกหนัง ค่อนข้างให้อิสระในเรื่องเมนู ทำให้เขามีโอกาสมากมายในการใส่ไอเดียและความสร้างสรรค์แบบเชฟของเขาลงไป แต่อันที่จริงแล้ว ความคิดพลิกแพลงส่วนใหญ่เกิดจากความพยายามหาวิธีนำวัตถุดิบที่สอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของนักเตะเข้ามาใช้ในอาหาร

"นักเตะอยู่ที่สโมสรเกือบทั้งวัน และได้รับอาหารส่วนใหญ่จากที่นั่น ซึ่งสโมสรเป็นผู้ควบคุมโดยตรง ปกติแล้วมื้อเย็นเท่านั้นที่จะต้องจัดเตรียมเอง ไม่ว่าจะโดยตัวนักเตะเอง, สมาชิกในครอบครัว หรือเชฟของพวกเขา"

"ท้ายที่สุดแล้ว นักเตะคือลูกค้าของผม ดังนั้นผมก็ทำอาหารตามที่เขาต้องการ แต่สิ่งนั้นจะต้องได้รับการแนะนำจากนักโภชนาการด้วย เว้นแต่ว่านักเตะจะขอให้ผมทำอาหารที่ตรงข้ามกับคำแนะนำของนักโภชนาการ โดยทั่วไปแล้วอาหารที่ผมทำก็จะสอดคล้องกับแนวทางโภชนาการของพวกเขา" โคล กล่าว

นั่นไม่ได้หมายความว่าอาหารจะต้องมีแค่ปลาและเค้กข้าวแบบนักเพาะกายสมัครเล่นที่โด่งดังในสื่อโซเชียล แต่หมายถึงอาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขาเป็ดตุ๋นเทริยากิพร้อมถั่วแระญี่ปุ่น, หน่อไม้ฝรั่ง และบะหมี่ ไปจนถึงมื้อค่ำก่อนการแข่งขัน, ข้าวผัดเกาหลีที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงใส่โคชูจัง ผัก และกุ้ง เป็นต้น

"งานแบบนี้พบได้บ่อยขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะหลังจากช่วงโควิด" โคล เผยถึงอาชีพของเขา "สำหรับนักกีฬา งานแบบนี้ก็มีมาสักพักแล้ว แต่ผมคิดว่ามันเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะในช่วงราวๆ 20 ปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการมากมายในด้านโภชนาการกีฬา และความตระหนักเรื่องโภชนาการเพื่อสมรรถภาพทางร่ายกายที่ดีขึ้น ทำให้นักเตะมีความเข้าใจมากขึ้น" 

ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ สำหรับนักเตะระดับท็อป เพราะเชฟส่วนตัวด้านฟุตบอลทำให้เมนูอาหารของพวกเขาทั้งอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ได้จืดชืดน่าเบื่อเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป  

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄