ช่วงซัมเมอร์นี้บรรดานักเตะดังในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี มีโอกาสได้ย้ายออกมาหาประสบการณ์ใหม่ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยผู้เล่นเหล่านั้นบางคนสามารถปรับตัวได้ทันที แต่บางคนยังต้องใช้เวลาอีกซักระยะในการเรื่องฟอร์มเก่งออกมา
ก่อนหน้านี้มีผู้เล่นฝีเท้าดีจากลีกสูงสุดแดนไส้กรอกย้ายมาเล่นในอังกฤษหลายคน อาทิเช่น เออร์ลิง ฮาลันด์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, ฌอน-ฟิลิปป์ มาเตต้า และ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ต่างทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเวลานี้ และกลายเป็นสตาร์ดังประจำศึกพรีเมียร์ลีกไปแล้ว
อย่างไรก็ตามนักเตะบางคนอย่าง นิคลาส ฟูลล์ครูก และ เจดอน ซานโช่ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขายังห่างไกลจากฟอร์มที่ร้อนแรงสมัยอยู่ในบุนเดสลีกาเมื่อย้ายมาเล่นในอังกฤษ
แน่นอนว่าตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์ล่าสุด สโมสรในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ใช้เงินจำนวนมากในการดึง 10 นักเตะจากบุนเดสลีกามาร่วมทัพ แต่ผลงานของพวกเขาเป็นยังไง ลองไปพิจารณากันได้เลย
10. อามีน อัดลี่ (บอร์นมัธ) : 4/10
อัดลี่ ซัดไปสองประตูจากการเล่น 20 เกมให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ บอร์นมัธ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,100 ล้านบาท) แต่นักเตะแทบไม่ได้รับโอกาสลงเล่นกับทัพ "เดอะ เชอร์รี่ส์" โดยได้ลงเล่นตัวจริงแค่เกมเดียวในพรีเมียร์ลีกจากทั้งหมด 9 เกมที่ได้ลงสนาม อย่างไรก็ตามด้วยสไตล์การเล่นซึ่งสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง นั่นทำให้เขาเหมาะกับระบบของ บอร์นมัธ ในยุคกุนซืออันโดนี่ อิราโอล่า แม้เวลานี้ฟอร์มอาจไม่โดดเด่น แต่ในอนาคตมีโอกาสพัฒนาขึ้น
9. ซาฟี ซิมอนส์ (สเปอร์ส) : 4.5/10
ปีกชาวดัตช์ ต้องพบกับความยากลำบากในการสร้างผลงานชั้นยอดให้กับ สเปอร์ส หลังจากลงเล่นให้ต้นสังกัดไปแล้ว 14 เกมในทุกรายการ โดยเขาเพิ่งมีส่วนกับประตูแค่ครั้งเดียวนั่นก็คือจังหวะแอสซิสต์ให้ทีมในเกมถล่ม โคเปนเฮเก้น 4-0 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมในเกมแพ้ เชลซี 0-1 นักเตะฟอร์มย่ำแย่จนโดนเปลี่ยนตัวออก ที่สำคัญ ซิมอนส์ ยังโดนกูรูลูกหนังบางคนตราหน้าว่าเป็น "อันโตนี่แห่งสเปอร์ส" แต่กระนั้นหากเขามีเวลาในการปรับตัวมากขึ้นก็อาจจะได้เห็นศักยภาพชั้นยอดในเร็วๆ นี้
8. เจมี่ กิตเท่นส์ (เชลซี) : 5/10
กิตเท่นส์ ย้ายมาด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (ราว 2,420 ล้านบาท) เพื่อแทนที่ โนนี่ มาดูเอเก้ ซึ่งโดนขายไปให้กับ อาร์เซน่อล แต่ ดาวเตะวัย 21 ปี ต้องเจอกับการแข่งขันที่สูงมากเมื่อ เชลซี ซื้อ อเลฮานโดร การ์นาโช่ มาร่วมทัพ ปีกชาวอังกฤษ วัย 21 ปี ได้ลงเล่นตัวจริงแค่ 2 เกมจากการลงสนาม 9 แมตช์ในพรีเมียร์ลีก เขายิงได้ 1 ประตูในเกมชนะ วูล์ฟส์ 4-3 ศึกคาราบาว คัพ และ 1 แอสซิสต์ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้นักเตะจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
7. ฟลอเรียน เวีร์ตซ์ (ลิเวอร์พูล) : 5/10
ลิเวอร์พูล ทุ่นเงินเป็นสถิติสโมสรจำนวน 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) ดึงตัวมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ยังยิงประตูและแอสซิสต์ไม่ได้เลยในเกมพรีเมียร์ลีก และยังต้องปรับตัวกับระบบการเล่นที่แตกต่างจากสมัยอยู่ทัพ "ห้างขายยา" นักเตะคาดหวังจะเป็นนักเตะคีย์แมนของทีม แต่ฟอร์มโดยรวมยังไม่สามารถพึ่งพาได้ อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ เชื่อว่า จอมทัพชาวเยอรมัน จะสามารถกลับมาสร้างผลงานได้เหมือนสมัยอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น ได้แน่นอน
6. เจเรมี่ ฟริมปง (ลิเวอร์พูล) : 5/10
ฟริมปง ย้ายมาร่วมทีมในฐานะตัวแทนของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่นักเตะดันดวงแตกโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานทำให้ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก อย่างไรก็ตามหาก สตาร์ชาวดัตช์ กลับมาฟิตสมบูรณ์ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวหลักของทีม และความว่าฟอร์มจะโดดเด่นมากยิ่งขึ้นในอนาคต
5. แอนตัน สตาช (ลีดส์) : 6/10
กองกลางชาวเยอรมันกำลังสร้างชื่อให้กับตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม แม้เพิ่งลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปเพียง 10 นัดเท่านั้น แถมยังเล่นทั้งที่ซี่โครงหักอีกด้วย! เจ้าตัวซัดฟรีคิกสุดงามในเกมที่ชนะ วูล์ฟส์ 3-1 จุดเด่นของนักเตะก็คือความทุ่มเท, ร่างกายแข็งแกร่ง และทำงานหนัก แม้จะเคยมีปัญหาอาการบาดเจ็บมาก่อนและเคยเสียตำแหน่งตัวจริงไปช่วงหนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลับมายึดตำแหน่งคืนอีกครั้ง และเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีม
4. เบนยามิน เชชโก้ (แมนฯ ยูไนเต็ด) : 6.5/10
หัวหอกชาวสโลวีเนีย ย้ายมาด้วยค่าตัวรวม 74 ล้านปอนด์ (ราว 3,256 ล้านบาท) โดยผลงานในช่วงแรกๆ ไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยกระดับฟอร์มการเล่นจนกลายเป็นตัวหลักของทีม พร้อมซัดไป 2 ประตูจาก 12 เกมในลีก อย่างไรก็ตามมีหลายคนมองว่านักเตะยังเล่นไม่เข้ากับ มาเตอุส คุนญ่า และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ แถมฟอร์มการเล่นก็ไม่ค่อยคงเส้นคงวา และล่าสุดก็มีปัญหาบาดเจ็บ แต่หากมองภาพรวมแล้ว เชชโก้ มีส่วนช่วยให้เกมรุกของ "ผีแดง" ดีขึ้น และถ้าหากฟิตสมบูรณ์และปรับตัวกับระบบของ รูเบน อโมริม ได้ดีขึ้น เขาจะอันตรายยิ่งกว่านี้
3. อูโก้ เอกิติเก้ (ลิเวอร์พูล) : 8.5/10
เอกิติเก้ สร้างผลกระทบในการเล่น ลิเวอร์พูล ได้ทันที โดยเขาตะบันไปแล้ว 6 ประตูจากทุกรายการในฤดูกาลนี้ สตาร์ดาวโรจน์ชาวฝรั่งเศส มีส่วนสำคัญในเกมรุกของ "หงส์แดง" โดยเขาเต็มไปด้วยความเร็ว, ทักษะโดดเด่น และมีความเฉียบคมในการจบสกอร์ ต้องยอมรับว่านักเตะปรับตัวกับลีกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และมีอิทธิพลกับทีมในทุกแมตช์ที่ลงสนาม แม้ช่วงหลังผลงานอาจสะดุดไปบ้างเนื่องจากฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยโดดเด่น แต่เขายังมีอนาคตสดใสรออยู่
2. นิค โวลเทอมาเดอ (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด) : 8.5/10
โวลเทอมาเดอ ย้ายมาในฐานะตัวตายตัวแทนของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ที่อำลา นิวคาสเซิ่ล ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล โดยนักเตะสามารถสร้างผลกระทบในเกมรุกให้กับทัพ "สาลิกาดง" ได้ทันที โดยตอนนี้ซัดไปแล้ว 6 ประตูในทุกรายการ และฟอร์มก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ต้องเล่นภายใต้แรงกดดันก็ตาม จุดเด่นของ ดาวยิงทีมชาติเยอรมนี ก็คือการเล่นลูกโด่ง และการครองบอล ที่สำคัญด้วยวัยเพียง 23 ปีนักเตะยังมีทีเด็ดแสดงออกมาให้เห็นอีกเยอะ
1. กรานิต ชาคา (ซันเดอร์แลนด์) : 8.5/10
กัปตันทีมซันเดอร์แลนด์ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในรายชื่อการย้ายจาก บุนเดสลีกา มาเล่นในพรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์นี้ โดยเขาถูกยกย่องว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีเยี่ยมของลีกเมืองผู้ดี โดย ดาวเตะชาวสวิส ลงเล่นครบทุกนาทีให้ทัพ "แมวดำ" ซีซั่นนี้ หลังหวนกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดย ชาคา ย้ายมาจาก เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์ (ราว 572 ล้านบาท) มาสู่ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเพียงแค่ 2 ปีหลังอำลา อาร์เซน่อล เมื่อปี 2023 ที่สำคัญในวัย 33 ปีนักเตะเต็มไปด้วยความสามารถและประสบการณ์ แถมผ่านการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว 2 สมัย และแชมป์บุนเดสลีกา กับ เดเอฟเบ โพคาล แบบไร้พ่ายด้วย
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄