ทันทีที่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล จะกลับมาคืนฟอร์มได้อีกครั้ง แต่ก็วนลูปผลงานสะดุดหน้าทิ่มในเกมแพ้ยับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนตอนนี้สถานการณ์ของ "หงส์แดง" น่าเป็นห่วงมากๆ
"เดอะ เร้ดส์" เพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังแพ้เกมพรีเมียร์ลีก 4 แมตช์ติดต่อกัน ด้วยการโชว์ฟอร์มน่าประทับใจชนะ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า 2-0 (พรีเมียร์ลีก) และ เรอัล มาดริด 1-0 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) แต่ทุกอย่างกลับไปสู่จุดวิกฤติอีกครั้งเมื่อโดน "เรือใบสีฟ้า" เล่นงานจนหมดสภาพที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
18 คะแนนของ ลิเวอร์พูล ถือเป็นสถิติที่แย่ที่สุดหลังผ่าน 11 เกมสำหรับทีมแชมป์เก่า นับตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2016 และปัญหาก็กำลังสะสมขึ้นแทบทุกภาคส่วนของทีม
กระนั้นหากวิเคราะห์ปัญหาหลักของ "หงส์แดง" น่าจะมีถึง 14 ข้อ และนั่นเป็นงานที่ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ ต้องรีบหาทางแก้ไขโดยด่วนเพื่อเซฟเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ !!
1. เอาชนะการปะทะ
โค้ชอาร์เน่อ เคยเน้นย้ำว่าหนึ่งในสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ของเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้วคือทีมต้องชนะในจังหวะดวลตัวต่อตัว แต่ใน 10 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูล แพ้การดวลถึง 6 นัด ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พวกเขาแพ้ไป 7 เกม
2. หยุดการเสียประตูแรก
นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่ของสโมสร แต่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับกุนซือชาวดัตช์ โดย 10 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูล เสียประตูแรกถึง 8 นัด มีเกมเดียวที่กลับมาชนะได้หลังจากเสียประตูแรกคือเกมทุบ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เหตุการณ์นี้ทำให้ อาร์เน่อ ต้องทดลองปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายครั้ง และพยายามเร่งเครื่องเพื่อกลับมาสู่เกมแต่ไม่สำเร็จ
3. ให้เวลานักเตะใหม่ปรับตัว
แฟนบอลลิเวอร์พูล คงเห็นแล้วว่า โค้ชอาร์เน่อ หันไปใช้งาน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการให้โอกาส มิลอส เคอร์เคซ ได้ใช้เวลาในการปรับตัว ซึ่งกรณีนี้คล้ายกับตอนนี้ "ร็อบโบ้" ย้ายมาอยู่กับทีมตอนแรก แน่นอนว่านายใหญ่ชาวดัตช์ จำเป็นต้องใส่ใจนักเตะใหม่ของเขา และไม่ควรกังวลดร็อปพวกเขาเพื่อประโยชน์ของตัวนักเตะในอนาคต
4. หากำลังเสริมช่วย โดมินิค โซโบซไล
ไซโบซไล วิ่งเยอะมากเพื่อช่วยประคับประคองเพื่อนร่วมทีมในหลายๆ จังหวะ แน่นอนว่าการทำแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบกับสภาพร่างกายของ "โซโบ" ดังนั้น โค้ชอาร์เน่อ ต้องสามารถหานักเตะที่มีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเขาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของ กัปตันทีมชาติฮังการี
5. สร้างความสม่ำเสมอ
ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องลดช่องว่างระหว่างฟอร์มที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดของทีม โดยฟอร์มการเล่นกับ เรอัล มาดริด และ แมนฯ ซิตี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ความสม่ำเสมอคือกุญแจสู่การคว้าแชมป์ แต่ตอนนี้ "หงส์แดง" ยังไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ได้เหมือนเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
6. ต้องเอาชนะบอลจังหวะสอง
เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล มีปัญหาเมื่อต้องเจอกับทีมที่เล่นบอลโยนยาว โดยพวกเขาทำได้ดีในการดวลลูกกลางอากาศจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อิบราฮิม่า โกนาเต้ แต่มักจะพลาดการเก็บบอลจังหวะสอง และนั่นทำให้คู่แข่งสร้างโอกาสเข้าไปโจมตีในพื้นที่อันตราย
7. จบสกอร์จากโอกาสที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ สร้างให้
จอมทัพชาวเยอรมัน ต้องพบกับความยากลำบาก ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับในเรื่องนี้ แน่นอนว่านักเตะโดนตำหนิเรื่องที่ยังไม่มีส่วนกับประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมลีกเลย และทำได้แค่ 2 แอสซิสต์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตาม เวียร์ตซ์ สามารถสร้างโอกาสให้กับทีมได้พอสมควร แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมทีมขาดความเฉียบคม ฉะนั้นถึงเวลาที่แข้ง "เดอะ เร้ดส์" ต้องช่วยแบ่งเบาความกดดันด้วยการเปลี่ยนโอกาสที่เขาสร้างขึ้นเป็นประตูให้ได้
8. ให้โอกาส เฟเดริโก้ เคียซ่า มากขึ้น
สาวก "เดอะ ค็อป" คงเห็นกันแล้วว่า โค้ชอาร์เน่อ ขาดความเชื่อมั่นในตัวของ เคียซ่า แม้นักเตะจะมีส่วนช่วยในการทำประตูสำคัญหลายเกมก็ตาม ดังนั้นมันถึงเวลาที่ต้องเชื่อมั่นในตัวสตาร์ชาวอิตาเลียนมากกว่านี้ เพราะเขาคือหนึ่งในนักเตะที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุกครั้งที่ได้ลงสนาม ตอนนี้กุนซือชาวดัตช์ ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการรักษาความสม่ำเสมอในการจัดตัวผู้เล่นกับการให้รางวัลกับความพยายาม และในกรณีนี้ควรเป็นโอกาสของ เคียซ่า ที่จะได้รับรางวัลจากความทุ่มเทของเขา
9. หยุดให้โอกาสคู่แข่งได้เปรียบจากลูกตั้งเตะ
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะทำได้ดีในการทำประตูจากลูกตั้งเตะในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่พวกเขากลับเสียประตูจากลูกตั้งเตะในลีกสูงถึง 8 ประตูจาก 11 เกมพรีเมียร์ลีก นี่คืออีกหนึ่งประเด็นที่ กุนซือชาวดัตช์ ต้องแก้ไขให้ได้
10. สร้าง อีซัคให้ แข็งแกร่งเพื่อลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
อเล็กซานเดอร์ อีซัค ยังมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย และนี่คืองานสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ต้องแก้ไขให้ได้เพื่อทำให้เขากลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย เพราะถ้า สตาร์ชาวสวีเดน พร้อมเต็มที่ ย่อมส่งผลดีต่อทีมโดยเฉพาะความเฉียบคมในการจบสกอร์ ถ้า อีซัค โชว์ฟอร์มได้สุดยอด นั่นอาจเป็นหนึ่งในแรงกระตุ้นที่จะช่วยให้เพื่อนร่วมทีมงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ด้วย
11. เปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตู
ประเด็นนี้ไม่ได้จำกัดเพียงโอกาสที่ เวิร์ตซ์ สร้างขึ้นเท่านั้น แต่เน้นไปที่การใช้โอกาสสำคัญให้เกิดประโยชน์สูงสุดเมื่อมันมาถึง ตามข้อมูลของ FotMob ไม่มีทีมไหนในลีกพลาดโอกาสมากกว่า ลิเวอร์พูล ถึง 24 ครั้ง
12. ทำงานหนักให้เหนือกว่าคู่แข่ง
ลิเวอร์พูล เคยได้ประโยชน์อย่างมากจากการวิ่งไล่บดบี้แย่งบอลในเกมชนะ เรอัล มาดริด แต่บ่อยครั้งที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งวิ่งครองเกมได้เหนือกว่า ดังนั้นนี่เป็นอีกจุดที่ "หงส์แดง" ต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้
13 .แผนการเล่นต้องชัดเจน
ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังเจอกับความสับสนหลังจากที่ฟอร์มตกอย่างหนัก และ โค้ชอาร์เน่อ พยายามปรับสมดุลให้กับทีมแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีแผนการเล่นที่ชัดเจนไม่ใช่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เช่น ฟูลแบ็กจะขึ้นไปเพรสซิ่งสูงไหม?, ซาลาห์ ควรขยับเข้ากลางมากขึ้นหรือเปล่า ? จะใช้ เวียร์ตซ์ หรือ (โกดี้) คักโป ลงเล่นฝั่งซ้าย ? โซโบซไล ยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ต่อไปหรือไม่ ? เป็นต้น
14. เลิกเล่นไปตามเกมเจ้าบ้าน
จากการลงสนามใน 8 เกมเยือนทุกรายการ ลิเวอร์พูล แพ้ไป 5 เกม เก็บคลีนชีตได้เพียง 1 เกม และเสียประตูแรกถึง 5 เกม เห็นได้ชัดว่ามาตรฐานของทีมลดลง แน่นอนว่า แอนฟิลด์ ยังคงเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง แต่ "หงส์แดง" ต้องยกระดับผลงานไม่ปล่อยให้เจ้าบ้านครองเกมได้เวลาที่ต้องไปเล่นเกมเยือน