เฮดโค้ชอาร์เน่อ พูดถึงการชนะการดวล (Duel) อยู่บ่อยครั้ง เขามักย้ำว่า ฟุตบอลของเขาไม่อาจสมบูรณ์ได้ ถ้าผู้เล่นไม่สามารถชนะจังหวะต่อสู้แบบตัวต่อตัว อย่างไรก็ตาม ความจริงในสนามตอนนี้บอกเล่าอีกด้าน ลิเวอร์พูล กำลังดิ้นรนต่อสิ่งนั้นต่อเนื่องรวมถึงผลการแข่งขันไปพร้อมกัน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ตอนนั้น ลิเวอร์พูล ชนะการดวลมากกว่าคู่แข่งได้เพียงหนึ่งนัดจากสิบเกมหลังสุด แล้วแพ้ไปถึงสามเกม ซึ่งตัวเลขเท่ากับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น 39 เกมก่อนหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้น มันสะท้อนว่าทีมของอาร์เน่อ เริ่มขาดแรงขับเคลื่อนในจังหวะที่ต้องปะทะ ต้องเบียด และต้องเอาชนะคู่แข่งแบบประชิดตัว
และช่วงท้ายฤดูกาล ลิเวอร์พูล ชนะการดวลเพียงสองจากเจ็ดนัดสุดท้าย ผลการแข่งขันคือ ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 2
ฤดูกาลนี้ผ่านไป 18 นัด ลิเวอร์พูล ชนะการดวล 10 แพ้ 7 และเสมออีกหนึ่ง
ที่น่าคิดคือ 2 ใน 3 ของเกมเหล่านั้น ผลสกอร์และเปอร์เซ็นต์การดวลมักจะไปในทิศทางเดียวกัน
กล่าวคือ ถ้าชนะการดวลบ่อย ทีมก็มีแนวโน้มชนะ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการดวลคือการแท็กเกิลหรือแย่งบอลเท่านั้น
แต่จริง ๆ มันรวมทุกจังหวะที่นักเตะสู้กันในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะ การเลี้ยงผ่าน, การโดนฟาวล์, การใช้ร่างกายป้องกันบอล
เรียกง่าย ๆ ว่าทุกรายละเอียดย่อยบนสนาม
ถึงกระนั้น ภาพย้อนแย้งก็เกิดขึ้นได้ อย่าง ลิเวอร์พูล ชนะการดวลมากกว่า เบรนต์ฟอร์ด แต่กลับแพ้อย่างราบคาบ
หรือ แพ้การดวลต่อ เรอัล มาดริด แต่กลับเล่นเหนือกว่าและชนะเกมอย่างยอดเยี่ยม
แต่โดยพื้นฐานแล้ว การชนะการดวลมากเท่าไร ย่อมหมายถึงการครองความได้เปรียบในสนามมากเท่านั้น และเมื่อมันลดลงเรื่อย ๆ เกมก็มักจะไม่สวยนัก
เกมล่าสุดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ลิเวอร์พูล ชนะการดวลได้เพียง 39% แล้วก็ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บดขยี้ทั้งเกมจนแทบไม่ได้ตั้งตัว
หลังเกม อาร์เน่อ ให้สัมภาษณ์ว่า "มันง่ายสำหรับผู้เล่นที่จะชนะการดวล ถ้าแท็กติกและแผนเกมทำงานได้ดี เหมือนที่เราเจอกับ วิลล่าและ มาดริด"
แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนเกมเปิดฤดูกาลที่แล้วกับ อิปสวิช เขาพูดอีกแบบในห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่ง
"เราไม่ต้องพูดเรื่องแท็กติกอะไรทั้งนั้น ถ้าเรายังแพ้การดวลมากขนาดนี้"
ประโยคหลังฟังดูเรียบง่าย แต่ชัดเจนมาก อาร์เน่อ เองก็รู้ดีว่าฟุตบอลไม่อาจข้ามพละกำลังไปได้ แล้วเขาเชื่อว่าการดวลเป็นเรื่องของแท็กติก หรือเป็นเรื่องของผู้เล่น?
ถ้าเขาเชื่อว่าเป็นเรื่องของตัวผู้เล่นจริง ทำไมช่วงซัมเมอร์ถึงไม่ได้เสริมผู้เล่นที่มีคุณสมบัติดวลชนะมากขึ้น?
เรื่องนี้ เดวิด ลินช์ นักข่าวจาก This is Anfield ผู้ซึ่งสงสัยการที่ ลิเวอร์พูล มักแพ้การดวล และตั้งคำถามถึงการไม่เสริมตัวผู้เล่นที่มีความได้เปรียบทางกายภาพเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เขาอ้างอิงถึงแหล่งข่าวในรั้วสโมสรอธิบายว่า เป้าหมายหลักของการใช้เงินมหาศาลคือการเพิ่มคุณภาพเชิงเทคนิคให้ทีมแข็งแกร่งจนสามารถเหนือกว่าคู่แข่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการปะทะหรือกำลังมากนัก
พวกเขาเชื่อว่าถ้า เวียร์ตซ์ เข้าระบบเต็มที่ และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ฟิตสมบูรณ์ ลิเวอร์พูล จะสามารถเล่นเหนือกว่าคู่แข่งได้โดยไม่ต้องอาศัยแรงปะทะ
มันคือแนวคิดที่ทะเยอทะยานก็จริง แต่โลกฟุตบอลวันนี้ไม่ง่ายเหมือนยุคของเป๊ป
บางทีทีมสรรหาของ ลิเวอร์พูล อาจจะพิสูจน์ได้ว่าคิดถูก หากโมเดลชนะด้วยฟุตบอลเกิดขึ้นเหมือนแบบที่เอาชนะ เรอัล มาดริด นั้นเกิดขึ้นซ้ำได้บ่อยครั้ง
แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราก็ต้องถามอย่างตรงไปตรงมาว่า มีทีมไหนในยุคนี้ที่เล่นฟุตบอลเหนือกว่าคู่แข่งต่อเนื่องเหมือนทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา หรือไม่?
ยกตัวอย่างคือ ทีมของ เป๊ป เป็นแบบอย่างของฟุตบอลที่เหนือกว่าทุกทีมโดยแทบไม่ต้องพึ่งพาการชน การเข้าปะทะ หรือความแข็งแรง
เพราะพวกเขาเอาชนะได้ด้วยการเคลื่อนบอลที่แม่นยำ การยืนตำแหน่งที่เป็นระบบ และการควบคุมเกมจนคู่แข่งแทบไม่ได้แตะบอล
...
พรีเมียร์ลีก กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่ให้ความสำคัญกับพละกำลังมากขึ้น
ทุกทีมแข่งกันยกระดับความฟิต ความแข็งแรง และความดุดันในเกมรุก
ในโลกแบบนั้น การจะเล่นเหนือกว่าอย่างเดียวโดยไม่ชนะในจังหวะดวล คงเป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกที และคำตอบของคำถามนี้ อาจต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
บางทีแนวทางของ อาร์เน่อ อาจจะได้ผลในระยะยาว เมื่อวันนั้นมาถึง เราคงจะได้เห็น ลิเวอร์พูล ที่เล่นฟุตบอลเหนือกว่าคู่แข่งอย่างแท้จริง
เพียงแต่ตอนนี้ สิ่งที่เกิดคือ ลิเวอร์พูล ยังแพ้ในจังหวะที่ไม่ควรแพ้ และแพ้ในเกมที่ไม่ควรแพ้
HOSSALONSO