มีเรื่องราวหนึ่งจากตอนวัยเด็กของ โดมินิค โซโบซไล ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละ
ในวันที่เริ่มต้นอาชีพกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เขาหมกมุ่นกับเป้าหมายเดียว คือ การทำลายสถิติการทดสอบสมรรถภาพของสโมสร
เขาขึ้นลู่วิ่งไฟฟ้า เร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งตัวเลขบนหน้าจอพุ่งทะลุขีดจำกัดเดิมได้สำเร็จ
สถิติที่ โซโบซไล สร้างไว้วันนั้น ยังไม่มีใครทำลายได้มาจนถึงวันนี้
และเรื่องราวนี้เอง คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เมื่อ โดมินิค โซโบซไล ตั้งเป้ากับสิ่งใด ไม่มีอะไรจะมาหยุดเขาได้
แล้วฤดูกาลนี้ โซโบซไล ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง
...
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ขณะที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ต่างช่วยกันคาดเดารายชื่อ 11 ตัวจริงก่อนเกมเปิดสนามเจอ บอร์นมัธ ที่ แอนฟิลด์
หลายคนเลือกไม่ใส่ชื่อดาวเตะหมายเลข 8 อยู่ในแผน เนื่องจากสโมสรเพิ่งคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มาด้วยค่าตัวสูงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์
หลายคนจึงมองว่า โซโบซไล จะต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเอง
แต่แทนที่เขาจะยอมถอยเพราะแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้น แข้งฮังกาเรียนวัย 25 ปี กลับยกระดับผลงานของตัวเองขึ้นไปอีกขั้น
เฮดโค้ชอาร์เน่อ ใช้งานเขาเต็ม 90 นาทีในทุกนัดของ พรีเมียร์ลีก ทั้ง 10 เกม รวมถึงทั้ง 4 นัดบนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก
โดยบางช่วง ยังต้องโยกไปยืนแบ็กขวาเพื่ออุดช่องโหว่ยามขาดคนเล่นตำแหน่งนั้น
ความหลากหลายและความสม่ำเสมอ ทำให้ โซโบซไล กลายเป็นผู้เล่นที่ไว้ใจได้มากที่สุดในทีมชุดนี้ และหลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้งในเกมที่เอาชนะ เรอัล มาดริด 1-0 เมื่อคืนวันอังคาร เขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของ ลิเวอร์พูล
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กล่าวถึง โซโบซไล หลังจบเกมกับ มาดริด ว่า
"สิ่งที่คุณเห็นในสนาม ก็คือสิ่งที่คุณจะได้จาก ดอม ทุกครั้ง เขามีความสำคัญกับเรามาก พลังงานที่เขามอบให้กับทีมมันมหาศาล"
"คุณภาพที่เขามีมันก็น่าทึ่ง และเขากำลังเรียนรู้จากทุกเกม กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นนักเตะในแบบที่ทุกคนเชื่อว่าเขาสามารถเป็นได้"
"เขาได้แสดงให้เห็นสิ่งนั้นกับทีมชาติของเขาแล้ว และตอนนี้มันคือการรักษามาตรฐานนี้ไปตลอดทั้งฤดูกาล ก้มหน้าทำงานต่อไป และโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดเรื่อย ๆ"
...
วันนี้ โซโบซไล อาจยังไม่ใช่กัปตันทีม ลิเวอร์พูล แต่ทั้งทัศนคติ, ความมุ่งมั่น และความเป็นผู้นำที่เปี่ยมพลังในสนาม ล้วนทำให้เขาดูเหมือนอนาคตกัปตัน ลิเวอร์พูล ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของเขาจะทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ลิเวอร์พูล จะยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้เขาเมื่อไหร่
สัญญาฉบับปัจจุบันของ โซโบซไล จะหมดลงตอนเดือนมิถุนายน ปี 2028 และแม้จะมีรายงานว่ามีการพูดคุยเบื้องต้นระหว่างตัวนักเตะกับสโมสรเกี่ยวกับการต่อสัญญาแล้ว แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ ลิเวอร์พูล ก็ยืนยันว่ายังไม่มีข้อตกลงใดใกล้จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ไม่เพียงเท่านั้น ไรอัน กราเฟนแบร์ก ก็มีสัญญาที่จะหมดในปีเดียวกัน และจากผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ เขาเองก็มีเหตุผลมากพอที่จะได้รับการปรับปรุงสัญญาเช่นกัน
เมื่อมองจากฟอร์มของ โซโบซไล ในฤดูกาลนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนัก หาก ลิเวอร์พูล จะพิจารณาขยายสัญญาและแต่งตั้งเขาเป็นกัปตันทีมคนใหม่
ด้วยสถานะที่ โซโบซไล มีในตอนนี้ เขาถือเป็นตัวเต็งสำหรับบทบาทผู้นำ โดยเฉพาะเมื่อสัญญาของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ อิบราฮิมา โกนาเต้ กำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายนปีหน้า
ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็จะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ปี 2027
หากหนึ่งหรือหลายคนในกลุ่มนี้ย้ายออกจากทีมไปจริง ๆ โซโบซไล ก็จะเป็นหนึ่งในนักเตะอาวุโสที่สุดของสโมสรทันที
แม้เขาจะไม่ใช่ผู้นำที่ชอบตะโกนปลุกใจหรือใช้เสียงดังในสนาม แต่ โซโบซไล เป็นผู้นำด้วยผลงาน และรู้ดีว่าการแบกทีมทั้งทีมไว้บนบ่าเป็นอย่างไร
ขณะอายุเพียง 22 ปี เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติ ฮังการี่ ซึ่งถือเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แม็กยาร์
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล กล่าวถึงในรายการของ Prime Sport ระหว่างเกมกับ เรอัล มาดริด เมื่อคืนวันอังคารว่า
"เขาอาจไม่ใช่คนที่ตะโกนปลุกทีม หรือเรียกเสียงเชียร์จากแฟน ๆ ด้วยคำพูด แต่เขานำทีมด้วยการกระทำ ด้วยวิธีที่เขาวิ่งอย่างไม่หยุดยั้งในสนาม"
...
ยุคของ อาร์เน่อ ไม่มีระบบกลุ่มผู้นำของนักเตะที่เคยมีเหมือนสมัย คล็อปป์
ตอนนี้มีเพียง ฟาน ไดค์ ที่เป็นกัปตัน และ โรเบิร์ตสัน เป็นรองกัปตัน แต่ โซโบซไล ซึ่งกลายเป็นตัวจริงคนสำคัญของทีมกำลังรู้สึกว่าพร้อมจะมีบทบาทความเป็นผู้นำในทีมมากขึ้น
นอกสนาม ชีวิตของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข
โซโบซไล เพิ่งเป็นคุณพ่อคนใหม่ และใช้ชีวิตอย่างมั่นคงกับครอบครัวในเมืองลิเวอร์พูล
เขารักบรรยากาศของ แอนฟิลด์ รักความสัมพันธ์ที่มีกับแฟนบอล และชื่นชอบกับการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ที่ทีมได้รับ
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ทางการของสโมสรในช่วงซัมเมอร์ว่า
"ผมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในอาชีพ ทั้งในและนอกสนาม"
"ผมรู้สึกว่าผมได้พบกับผู้คนที่ใช่ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ชีวิตนอกสนามก็ด้วย"
ความสามารถในการรับมือกับช่วงเวลาสำคัญ และการลุกขึ้นสู้หลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก คือสิ่งที่แบ่งแยกผู้ประสบความสำเร็จออกจากผู้ล้มเหลวที่ แอนฟิลด์
และ โซโบซไล เองก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาอยู่ในกลุ่มแรก เขามีเหรียญแชมป์ พรีเมียร์ลีก อยู่แล้วหนึ่งสมัย และตั้งเป้าที่จะเพิ่มให้มากกว่านั้น
เขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ ซาลาห์ ทั้งคู่มีจุดร่วมที่คล้ายกันคือความกระหายในทุกนาทีที่ลงเล่น และความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์คุณภาพของตัวเองให้เห็นในทุกเกม
หนึ่งในภาพจำของฤดูกาลที่แล้ว คือภาพ โซโบซไล นอนราบกับพื้นสนามด้วยความเหนื่อยล้าสุดขีดหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
เกมนั้นเขาวิ่งจนแทบหมดแรง และได้รับเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในชัยชนะครั้งแรกของ ลิเวอร์พูล ที่สนามแห่งนั้นรอบเกือบ 10 ปี
ทันทีที่เขาลุกขึ้นจากพื้น เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็เดินเข้ามาหาเพื่อแสดงความชื่นชมต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขา
สุดสัปดาห์นี้ โซโบซไล จะต้องแสดงความเข้มข้นในระดับเดียวกันอีกครั้ง เมื่อทีมกลับไปเยือนฝั่งตะวันออกของ แมนเชสเตอร์ อีกหน
แต่แน่นอนว่า ความกดดันแบบนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาหวั่นไหว
รูเบน ปีเตอร์ส หัวหน้าทีมโค้ชฟิตเนส ลิเวอร์พูล เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเบลเยียม GVA เมื่อฤดูกาลก่อนว่า หากให้เลือกนักเตะที่ประทับใจที่สุดในแง่สมรรถภาพร่างกาย เขาจะเลือกใคร? คำตอบของเขาคือ โดมินิก โซโบซไล
"ความสามารถในการวิ่งของเขา และระดับความเข้มข้นที่เขาใส่ลงไปในเกมตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย มันไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อน" ปีเตอร์ส กล่าว
...
เกมกับเรอัล มาดริด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตัวเลขของ โซโบซไล นั้นยอดเยี่ยมอีกครั้ง
เขาคือผู้เล่นที่ยิงเข้ากรอบมากที่สุดในทีม (5 ครั้ง), จ่ายบอลสำเร็จมากที่สุด (40 ครั้ง), เปิดบอลมากที่สุด (3 ครั้ง) และมีจำนวนสัมผัสบอลมากเป็นอันดับสอง (55 ครั้ง)
เขากดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนบน วิ่งไล่ปิดพื้นที่อย่างมีวินัย ไล่ประกบผู้เล่น มาดริด ทุกจังหวะ และยังทำแอสซิสต์สุดงามให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โขกประตูชัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งเดียวที่น่าเสียดาย คือเขาไม่ได้ปิดท้ายผลงานอันครบถ้วนด้วยการยิงประตู เพราะ ติโบต์ กูร์กตัวส์ โชว์ซูเปอร์เซฟ ปฏิเสธหลายครั้งตลอดทั้งเกม
ปกติแล้ว มิดฟิลด์สายทำงานหนักมักไม่ได้รับคำชื่นชมในระดับที่พวกเขาสมควรได้จากแฟนบอล ซึ่งส่วนใหญ่มักโฟกัสไปที่นักเตะที่ทำประตูได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม โซโบซไล กลับเริ่มได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากแฟนบอล ลิเวอร์พูล ทุกสัปดาห์ ว่าเขาคือหนึ่งในแกนหลักที่ทีมขาดไม่ได้
แม้เขายังต้องปรับปรุงเรื่องการจบสกอร์จากโอกาสสำคัญให้เฉียบคมกว่านี้ แต่สิ่งที่เขาอาจขาดในแง่จำนวนประตูก็ชดเชยได้ด้วยอิทธิพลตรงแดนกลางในทุกเกมที่ลงสนาม
ถึงตอนนี้ เขาคือผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของ ลิเวอร์พูล อย่างไม่ต้องสงสัย
และถึงแม้ฟอร์มจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกลับชัดเจนยิ่งกว่า
เส้นทางของ โดมินิก โซโบซไล กับ ลิเวอร์พูล เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง...
HOSSALONSO