เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก และถึงตอนนี้ ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2025/26 ฟาดแข้งกันครบ 10 นัดแรกแล้วโดย อาร์เซน่อล รั้งตำแหน่งจ่าฝูง ตามด้วย แมนฯ ซิตี้ ที่ไล่หลังหกแต้ม และแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล
จากอันดับตารางที่ปรากฏ บอร์นมัธ สร้างความฮือฮากระโดดขึ้นสู่อันดับ 4 ของตารางโดยมี 18 แต้มเท่ากับ ลิเวอร์พูล รวมถึง ซันเดอร์แลนด์ ทีมน้องใหม่ซึ่งหากพวกเขาเฝ้าบ้านพิชิต เอฟเวอร์ตัน ได้ในเกมเมื่อคืนวันจันทร์ แมวดำ ก็จะผงาดเป็นรองจ่าฝูงทันที
จากสถานการณ์ที่เป็นไป อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ได้ทำการตัดเกรดผลงานของทีมในข่าย "บิ๊กซิกซ์" ซึ่งไม่ได้หมายถึงทีมในหกอันดับแรกของตารางโดยทั้งหกทีมได้รับการตัดเกรดออกมาดังนี้
- อาร์เซน่อล (อันดับตาราง 1, เกรด A)
หลังคว้าอันดับรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก สามปีซ้อน มาคราวนี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่ขอพลาดเป็นปีที่สี่ติดต่อกันซึ่งหากเป็นไปอย่างที่บรรดากูรูคาดหมาย ทีม ปืนใหญ่ จะได้แชมป์มาครองเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2004 หลังลงทุนเสริมทัพขนานใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ด้วยเม็ดเงินเกินกว่า 250 ล้านปอนด์
แน่นอนว่ายังมีความเสี่ยงที่ทีมเมืองหลวงอาจแผ่วปลายซ้ำรอยเดิมอีกเนื่องจากซีซั่นยังเหลือเส้นทางอีกยาวไกลดังจะเห็นว่าทีม ปืนใหญ่ เสียแต้มให้กับสองทีมผู้ท้าชิงทั้งออกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 1-0 และต้องไล่ตีเสมอ แมนฯ ซิตี้ ในบ้านแบบตาลีตาเหลือก 1-1 ช่วงทดเวลา
อย่างไรก็ดี อาร์เซน่อล มีจุดแข็งในด้านการทำประตูด้วยลูกเซ็ตพีซ บวกกับเกมรับที่แข็งแกร่งหลังดึง กาเบรียล ไฮน์เซ่ อดีตกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด มาร่วมเป็นสตาฟฟ์โค้ชช่วยติวเข้มเกมรับเมื่อช่วงซัมเมอร์อันทำให้พวกเขาเสียแค่ 3 ประตูในเกมลีก
ถึงกระนั้น สิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องระวังคือโปรแกรมในเดือนพ.ย.ซึ่งเขาต้องพาทีมบู๊กับสองทีมร่วมเมืองทั้ง สเปอร์ส และ เชลซี หลังออกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์
- ต้องปรับปรุงตรงไหน?
แน่นอนว่า อาร์เซน่อล ยังขาดคุณสมบัติการยิงประตูในจังหวะโอเพ่นเพลย์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสร้างสรรค์เกมได้ไม่มากพอจนต้องอาศัยลูกเซ็ตพีซ และเกมรับที่แข็งแกร่งพาทีมคว้าผลลัพธ์
นอกจากนี้ วิคตอร์ โยเคเรส (4) หัวหอกคนใหม่กับ บูคาโย่ ซาก้า (2) เป็นนักเตะตัวรุกแค่สองรายในทีมที่ยิงประตูในเกมลีกซีซั่นนี้ได้มากกว่าหนึ่งเม็ด นอกนั้นล้วนคลำเป้ากันได้แค่คนละเม็ดเท่านั้นอันแสดงให้เห็นว่าทีมของ อาร์เตต้า ไม่อาจขาด เดอะแบก ในแดนหน้าได้แม้ เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ ,มาร์ติน ซูบิเมนดี้ และ เดแคลน ไรซ์ จะเป็นอีกสามรายที่สอยตาข่ายเกมลีกซีซั่นนี้ได้ 2 ประตู
- แมนฯ ซิตี้ (อันดับตาราง 2, เกรดC)
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซีซั่นนี้อยู่ในช่วงของการผ่องถ่ายสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกชุดหลังจาก เอแดร์ซอน , อิลคาย กุนโดกัน และ เควิน เดอ บรอนย์ โบกมือลา เอติฮัด สเตเดี้ยม
ฉะนั้นแล้วจึงไม่แปลกที่ เรือใบสีฟ้า ยังมีผลงานที่ไม่เสมอต้นเสมอปลาย และแพ้เกมลีกไปแล้ว 3 นัดจาก 10 นัดแรกซึ่งถือว่าผิดวิสัยทีมของยอดกุนซือสแปนิช
อย่างไรก็ดี ในเมื่อซีซั่นเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แมนฯ ซิตี้ จึงยังมีเวลาปรับจูนทีม และหาก อาร์เซน่อล สะดุดเหมือนซีซั่นก่อน โอกาสลุ้นคว้าแชมป์ของทีมตราเรือใบก็จะเพิ่มขึ้นทันที
และที่สำคัญ นาทีนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กลับมายิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกครั้งโดยสตาร์วัย 25 ปีตะบันประตูในเกมลีกไปแล้ว 11 เม็ดส่อเค้าได้รางวัลรองเท้าทองคำมาเชยชมเห็นๆ
กระนั้นก็ดี สิ่งที่เป็นปัญหาของ แมนฯ ซิตี้ หนีไม่พ้นสภาพความฟิตของ โรดรี้ ห้องเครื่องคนสำคัญที่กลับมาไม่เหมือนเดิมอีกแล้วหลังล้มเจ็บไปนาน
- ต้องปรับปรุงตรงไหน?
แม้จะได้ฟอร์มฮอตของ ฮาลันด์ พาทีมกำชัย แต่หากศูนย์หน้าทีมชาติ นอรเวย์ บาดเจ็บ เรือใบสีฟ้า จะลดความน่าเกรงขามลงไปหลายขีดขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้ กวาร์ดิโอล่า จึงจำเป็นต้องมีนักเตะรายอื่นสร้างผลงานได้เฉกเช่นหัวหอกร่างยักษ์เพื่อทำให้ทีมเกาะกลุ่มลุ้นคว้าแชมป์ไปจนถึงโค้งสุดท้าย
- ลิเวอร์พูล (อันดับตาราง 3, เกรด D)
ถือว่ายังไม่เสียของทั้งๆที่ ลิเวอร์พูล แพ้เกมลีกสี่นัดซ้อน แต่หลังเปิดบ้านสยบ แอสตัน วิลล่า ได้ 2-0 พวกเขาก็รั้งอันดับสามของตารางซึ่งยังมีโอกาสลุ้นป้องกันแชมป์ได้
อย่างไรก็ดี ช่วงออกสตาร์ตชนะ 7 นัดรวด ทีมของ อาร์เน่อ สล็อต มีโชคช่วยเช่นกันจากการได้ประตูสำคัญในช่วงทดเวลากระทั่งความจริงแจ้งประจักษ์ว่าพวกเขาก็แพ้เป็น
ยิ่งไปกว่านั้น การคว้านักเตะใหม่มาเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวงเงิน 415 ล้านปอนด์กลับทำให้ หงส์แดง เสียสมดุลเหลือเชื่อเนื่องจากมีแค่ อูโก้ เอกิติเก้ รายเดียวที่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ นอกนั้นยังโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีอย่างที่คาดทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัก , มิลอส เคอร์เคซ และ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ซึ่งย้ายมารับบทตัวสำรองหลายเกม
หลังเสีย หลุยส์ ดิอาซ ประกอบกับการเสียชีวิตของ ดีโอโก้ โชต้า ลิเวอร์พูล ไม่สามารถทดแทนการจากไปของสองตัวรุกได้ และอาจต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่นักเตะใหม่จะลงหลักปักฐานได้สำเร็จ
- ต้องปรับปรุงตรงไหน ?
บอกเลยว่าทุกขุมกำลังไล่ตั้งแต่แผงหลังยันแผงหน้าเนื่องจาก เคอร์เคซ โชว์ฟอร์มได้แย่จนต้องนั่งเป็นตัวสำรองของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ รับมือกับลูกโด่งได้ไม่ดีพอในยามที่ถูกฝ่ายตรงข้ามทิ้งบอลยาวบอมบ์ใส่
สำหรับแดนหน้า ชัดเจนว่า โม ซาลาห์ หมดพิษสงไปเยอะหลังจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ย้ายทีมจนไม่มีคนป้อนบอลยาวให้ซัดประตูในจังหวะโต้กลับ ขณะที่ อิซัก ย้ายมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บ ส่วน เวียร์ตซ์ ไม่ต้องพูดถึงเนื่องจากมีแววได้ตำแหน่งการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดในซีซั่นนี้
- สเปอร์ส (อันดับตาราง 5, เกรด C)
ซีซั่นก่อน สเปอร์ส จบอันดับ 17 แม้จะคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ได้ซึ่งส่งผลให้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ตกเก้าอี้โดยมี โธมัส แฟร้งค์ ย้ายจาก เบรนท์ฟอร์ด มากุมบังเหียนแทน
จากสถานการณ์ล่าสุด ไก่เดือยทอง รั้งอันดับ 5 ของตารางโดยมีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล ทีมคู่แค้นร่วมเมือง 8 แต้ม แต่รวมแล้วต้องถือว่าพวกเขายังมีฟอร์มที่แกว่งไปแกว่งมาชนิดสามวันดีสีวันไข้
แม้จะเคยบุกไปพิชิต แมนฯ ซิตี้ 2-0 แต่เกมล่าสุด สเปอร์ส ปราชัยให้กับ เชลซี คารัง 1-0 กระทั่งโดนแฟนบอลโห่ใส่
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ ไก่เดือยทอง ชนะเกมลีกนัดเหย้าแค่ 4 จาก 19 นัดหลังนับตั้งแต่ขยี้ แอสตัน วิลล่า 4-1 เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2024
ไม่เพียงเท่านั้น สเปอร์ส ยังโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานด้วยเนื่องจาก เจมส์ แมดดิสัน กับ โดมินิค โซลันกี้ ยังลงเล่นไม่ได้หลังจาก ซน ฮึง มิน อำลาทีมไปแล้ว ขณะที่ ริชาร์ลิซอน ฝืดยังไงก็ฝืดอย่างนั้น
- ต้องปรับปรุงตรงไหน ?
ไม่บอกก็รู้ว่า สเปอร์ส จำเป็นต้องเล่นในบ้านให้ดีกว่าที่เป็นอยู่เนื่องจากการคว้าชัยชนะนัดเหย้าถือเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับทีมที่ต้องการความสำเร็จ
ขณะเดียวกัน แฟร้งค์ ต้องพยายามพาทีมโชว์ฟอร์มที่ดีออกมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายให้ได้เช่นกันโดยเฉพาะความหลากหลายในเกมเนื่องจากนายใหญ่เดนิชยังติดสไตล์การคุมทีมมาจาก เดอะ บีส์ ซึ่งเน้นเล่นแบบเถรตรงด้วยการสาดบอลยาวไปข้างหน้า และอาศัยลูกเซ็ตพีซทำประตู
- เชลซี (อันดับตาราง 6,เกรดC)
เชลซี เป็นอีกทีมที่ยังเอาแน่เอานอนในเรื่องฟอร์มการเล่นไม่ได้แม้จะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์สโมสรโลก แต่ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า โดนนักวิจารณ์รุมชี้ว่าคาดเดาผลลัพธ์ได้อย่างลำบากยากเย็นมากที่สุด
ดังจะเห็นว่าพวกเขาชนะได้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส แต่เสียท่าคาบ้านให้กับ ไบรท์ตัน และ ซันเดอร์แลนด์
แต่ที่แน่ๆ สิงห์บลูส์ เต็มไปด้วยนักเตะหนุ่มที่มีประสบการณ์ไม่มากพอ และกลายเป็นทีมที่ได้ใบแดงพร่ำเพรื่อซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายต่อการพยายามคว้าความสำเร็จในระยะยาว
นอกจากนี้ เศรษฐีลอนดอนยังมีเกมรับที่ไม่ลงตัว และไม่มีนายทวารที่สามารถทำให้ทีมอุ่นใจได้แม้ข้อดีคือพวกเขาพังประตูได้ 18 เม็ดเท่ากับ อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียว (20) ทั้งๆที่ โคล พาลเมอร์ ล้มเจ็บ รวมถึง เลียม ดีแลป ที่เพิ่งฟิตกลับมาลงเล่นได้
- ต้องปรับปรุงตรงไหน ?
ประการแรกคือ มาเรสก้า ต้องขันเกมรับให้เหนียวแน่น และรอการคืนสนามของ พาลเมอร์ ซึ่งเจ็บขาหนีบ
นอกจากนี้ กุนซืออิตาเลี่ยนต้องกำชับลูกทีมถึงเรื่องการได้ใบแดงด้วยเนื่องจากการติดโทษแบนของนักเตะไม่เป็นผลดีต่อทีม
- แมนฯ ยูไนเต็ด (อันดับตาราง 8, เกรด c)
หลังจบอันดับ 15 ปีก่อน ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีฟอร์มการเล่นที่กระเตื้องขึ้นแล้วซึ่งฟ้องให้เห็นว่านักเตะเริ่มคุ้นชินกับระบบการเล่น 3-4-3 ของ รูเบน อโมริม
แน่นอนว่า ผีแดง ประสบกับความขายหน้าตกรอบสองถ้วย คาราบาว คัพ ด้วยพิษสงของ กริมสบี้ ทีมระดับ ลีกทู จากการดวลลูกโทษตัดสิน แต่ในเมื่อกุนซือโปรตุกีสได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดให้ทำงานต่อ เขาค่อยๆปลุกปั้นทีมขึ้นมาได้หลังได้รับการสนับสนุนให้เสริมทัพขนานใหญ่
จากที่เห็น ผีแดง ในกำมือของ อโมริม เปลี่ยนโฉมไปมากหลังจากเขาลอยแพนักเตะออกไปหลายรายทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ,อันโตนี่, อ็องเดร โอนาน่า , เจดอน ซานโช่ , อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ฯลฯ ตลอดจนคว้า เซนเน่อ ลัมเมนส์ , ไบรอัน เอ็มเบอโม่ , มาเตอุส คุนญ่า และ เบนยามิน เชชโก้ เข้ามาแทนที่
ถึงตรงนี้พอจะพูดได้ว่า ผีแดง กำลังดีวันดีคืน แต่สิ่งที่ต้องรอดูกันต่อคือพวกเขาจะยืนระยะได้นานแค่ไหน
- ต้องปรับปรุงตรงไหน ?
กาเซมีโร่ อาจกลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์ม แต่ด้วยวัย 33 ปี อโมริม จำเป็นต้องมองหาตัวแทนกองกลางทีมชาติ บราซิล เนื่องจาก มานูเอล อูการ์เต้ มีฟอร์มที่เลวร้ายไม่เลิก ขณะที่ ค็อบบี้ เมนู ชัดเจนว่าไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้านายเอาซะเลย
นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเสีย อาหมัด กับ เอ็มเบอโม่ ให้กับศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ด้วยจึงเชื่อได้เลยว่าจะส่งผลกระทบต่อเกมรุกของทีม
ต่อประเด็นนี้ อโมริม เผยหมาดๆว่าจะมีนักเตะย้ายเข้าและย้ายออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกระลอกในช่วงตลาดหน้าหนาวเนื่องจาก ฟุตบอลโลก 2026 รออยู่ไม่ไกล ฉะนั้นแฟนบอล เร้ด อาร์มี่้ ต้องรอดูกันว่าทีมรักจะได้สตาร์คนไหนย้ายมาสวมเครื่องแบบ อสูรแดง ในช่วงปีใหม่