ฟ้าหลังฝนแล้วใช่ไหม ?

ฟ้าหลังฝนแล้วใช่ไหม ?
มันอาจจะยังบอกไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ ๆ กองเชียร์ในแอนฟิลด์เมื่อคืนวันเสาร์พร้อมลุยฝ่าพายุฝนไปด้วยกันกับอาร์เน่อ..

กระทั่งตอนที่เกมเสมอกันอยู่ 0-0 ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะออกหัวหรือก้อย เสียงตะโกนเชียร์เรียกชื่อเขาก็ยังดังกึกก้อง

"อ๊าาา เนอ ชลอต! หล่า ลา ลา ละ หล่ะ.. อ๊าาา เนอ ชลอต! หล่า ลา ลา ละ หล่ะ.. อ๊าาา เนอ ชลอต! หล่า ลา ลา ละ หล่ะ"

แน่นอนอยู่แล้ว.. คงไม่ใช่เดอะค็อปทุกคนบนอัฒจันทร์หรอกที่ประทับใจผลงานของอาร์เน่อในซีซั่นนี้ แต่พวกเขาพร้อมวางมันลงชั่วคราวเพื่อทำในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าควรทำที่สุด ณ เวลานั้น

ในช่วงเวลาที่หมองหม่นที่สุด ช่วงที่เต็มไปด้วยคำถามที่สุด อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะให้กำลังใจกัน

"มันมีความหมายมากเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินมัน (เสียงตะโกนร้องเพลงให้) ตอนที่สกอร์ยัง 0-0 ตอนที่เราไม่ได้ขึ้นนำหรือเป็นจ่าฝูงของลีก แต่เป็นในช่วงเวลาที่ผมกำลังพบกับความยากลำบาก"

คำพูดของ อาร์เน่อ หลังจบเกมบอกความรู้สึกทุกอย่าง พลังที่ได้รับจากแอนฟิลด์นั้นท่วมท้น ทุกคนรู้ว่าทีมกำลังพบกับปัญหา ตัวอาร์เน่อเองก็กำลังถูกมรสุมรุมเร้าอย่างหนัก ถูกก่นด่า โดนดูแคลน

เสียงตะโกนร้องเพลงอาร์เน่อ เพื่อส่งกำลังใจให้เขา ในห้วงเวลาที่แม้บางคนยังอาจขุ่นมัวและไม่แน่ใจ แต่พวกเขาก็ไม่รีรอที่จะตะเบ็งเสียงเชียร์เพื่อส่งต่อพลังให้กับคนที่กำลังต่อสู้กับอุปสรรค

ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ลุยมันไปด้วยกัน จะหกล้มคลุกคลานก็กลิ้งโค่โล่ไปด้วยกัน

เป็นการแสดงออกอย่างมีระดับและถูกเวลาทีเดียวของเดอะค็อปในแอนฟิลด์เมื่อคืนนี้ คือไม่ปล่อยให้คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาต้องสู้อย่างลำพังเดียวดาย

และมันย่อมช่วยได้มาก.. เพราะแรงใจด้านบวกนั้นแผ่ขยายออกไปปกคลุมกลายเป็นบรรยากาศที่ดี กดดันคู่ต่อสู้จากมิดแลนด์ได้

กับเกมที่ออกมา มันอาจจะยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ ความมุ่งมั่นกลายเป็นเกร็งและกดดันจนมีจังหวะล้นไปบ้าง แต่เราก็ได้เห็นความพยายาม เห็นการเล่นอันเข้มข้น เห็นการไม่ยอมปล่อยผ่านอะไรง่าย ๆ

การไล่บีบเร่งให้ผู้มาเยือนต้องรีบคายบอล การอ่านทางแย่งชิงบอลจังหวะสอง การเอาชนะในการดวลตัวต่อตัว ปฏิกิริยาตอบสนองของนักเตะหงส์แดงเป็นไปในทางที่ดี

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาอยู่ในความกระฉับกระเฉงขู่เกมรับฝ่ายตรงข้าม โดมินิก โซโบซไล วิ่งและวิ่ง ๆๆ ปรี่เข้าบีบผู้เล่นเกมรับแอสตัน วิลล่า ตลอดเวลา

การตอบสนองเรื่องเกมป้องกันจากแดนบนดี ประสิทธิภาพการไล่ล่าแย่งบอลดี การทำเกมรุกยังมีภาพของความรัดกุม ไม่เปิดบอลเสี่ยงหากไม่ใช่จังหวะชัดเจนจริง ๆ

วิธีการเล่นของ แอสตัน วิลล่า เองก็เป็นประโยชน์กับลิเวอร์พูลด้วย ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ไม่เล่นบอลยาวแล้วเน้นเก็บบอลจังหวะสองที่เป็นเหมือนของแสลง แต่เลือกการต่อบอลขึ้นเกมจากแดนหลัง ทำให้การบีบแย่งบอลแดนบนได้ผลที่น่าพอใจ ฉกเอาบอลมาครองได้หลายครั้ง

ประตู 1-0 จากซาลาห์ในช่วงทดเวลาครึ่งแรกแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขา

บอลส้มหล่นจาก เอมี่ มาร์ติเนซ ไหลมาเข้าทางตอนนั้นซาลาห์มีทางเลือกมากกว่า 1 ทาง

จะยิงสวนทีเดียวเข้าไปเลย หรือจะแต่งบอลก่อน

ถ้าเลือกยิงสวนเลย จะยิงด้วยเท้าซ้าย หรือเท้าขวา.. ทางเลือก 2 ข้อนี้มีความเสี่ยงแตกต่างกันอยู่

-ถ้ายิงด้วยขวา บอลจะหนีการพุ่งรับแก้ตัวของมาร์ติเนซแน่เพราะทิศทางบอลจะเข้าเสาแรก ไกลมือมาร์ติเนซที่สุด แต่ความเสี่ยงคือมันเป็นเท้าข้างไม่ถนัด ทั้งยังมี เปา ตอร์เรส ยืนขวางอยู่

-ถ้ายิงด้วยซ้าย มันคือเท้าถนัด ควบคุมน้ำหนักและทิศทางได้ดีกว่า บังคับบอลให้หนีตอร์เรสได้ง่ายกว่า แต่ทิศทางบอลจะใกล้ตัวมาร์ติเนซ

ถ้าเลือกแต่งบอลก่อน จะเป็นการแต่งให้เข้าเท้าซ้ายข้างถนัด ข้อดีของทางเลือกนี้คือซาลาห์จะมีโอกาสวางเท้ายิงอย่างถนัดถนี่ ใช้ความแรงได้เต็มที่ แต่ความเสี่ยงอยู่ที่การสังหารจะช้าไปแน่ ๆ อย่างน้อยหนึ่งจังหวะ เปา ตอร์เรส อาจขยับมาบีบ หรือมาร์ติเนซกลับมาตั้งหลักป้องกันได้อีกครั้ง

ในสถานการณ์นั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน ซาลาห์ก็มีโอกาสส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้เกินครึ่งเหมือน ๆ กัน แต่ผมคิดว่าเขาเลือกวิธีที่ถูกต้องที่สุด คือตัดโอกาสการกลับมาแก้ตัวของผู้รักษาประตูมหัศจรรย์อย่างมาร์ติเนซไปก่อนเลยด้วยการยิงสวนทันทีส่งบอลเข้ามุมที่ไกลมือนายทวารอาร์เจนไตน์ที่สุด แลกกับความเสี่ยงที่ต้องบังคับบอลด้วยเท้าข้างไม่ถนัด

มันบ่งบอกถึงความเฉียบคมในการตัดสินใจ และความเชื่อมั่นที่เต็มที่ บางทีมันอาจมีที่มาจากความรู้สึกพึงพอใจกับผลงานของตัวเองที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติเล่นงาน ลูก้า ดีญ แบ๊กซ้ายวิลล่าจนหัวปั่นตลอดครึ่งแรกก็ได้

ส่วนประตู 2-0 มาจากการเก็บบอลจังหวะสองที่ดี

จังหวะบีบกดดันแดนบนของลิเวอร์พูลทำให้ เปา ตอร์เรส ตัดสินใจไม่ต่อบอลหน้าเขตโทษเหมือนเคยแต่เลือกหวดบอลขึ้นหน้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งดักง่าย ๆ ให้ โกดี้ กักโป แตะต่อให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ไหลให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก แต่งบอลยิงแฉลบเข้าประตู

อีกเรื่องหนึ่งที่อาร์เน่อและลูกทีมของเขาดูจะเน้นมากคือเกมรับที่พยายามเล่นอย่างมีสมาธิและอดทน จังหวะสุ่มเสี่ยงหรือ 50-50 ไม่เข้าพรวดเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสก่อความผิดพลาดใหญ่ แม้จะยังไม่เนียนตาในบางจังหวะแต่ก็ไม่เห็นภาพความปั่นป่วนอย่างที่ผ่านมา

จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ก็มีจังหวะป้องกันประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เห็น 2-3 ครั้ง

คลีนชีตแรกในรอบ 11 เกมน่าจะเรียกความมั่นใจกลับมาสู่ของทีมได้ไม่น้อย

ลิเวอร์พูลคว้า 3 คะแนนได้ด้วยผลงานที่ดี แน่นอนเราคงยังตอบไม่ได้ว่ามันเป็นฟ้าหลังฝนที่สดใสไหมเพราะเพิ่งจะเป็นแค่เกม ๆ เดียว และอย่างน้อยยังมีอีก 2 แมตช์หนักอึ้งรออยู่ทั้ง เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเบรกทีมชาติ

หากกระนั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแอนฟิลด์เมื่อคืนวันเสาร์คือความสวยงาม..

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพของการสนับสนุนและร่วมหัวจมท้ายกันในยามยากลำบาก

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งโค้ช นักเตะ กองเชียร์ และทุก ๆ คน

แอนฟิลด์ทำให้เราเห็นอีกครั้งถึงความพิเศษของมัน..

พิเศษทั้งสถานที่.. พิเศษทั้งผู้คน

ตังกุย 



ที่มาของภาพ : reuters
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport