เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...
1. หลังเปิดฉากฤดูกาลใหม่ ด้วยชัยชนะติดต่อกันถึง 5 นัดในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ก็เสียหลักไปแฉลบความปราชัยถึง 4 เกมติดต่อกันพร้อมปัญหาสารพัน
ล่าสุด พวกพรี่ๆ จำนวนหนึ่งจุดกระแสขับไล่ อาร์เน่อ ชล๊อต กันแล้ว ซึ่งพอจะเข้าใจได้ เพราะ 4 เกมล่าสุด 'หงส์แดง' โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานอย่างแรง
เฉพาะอย่างยิ่งการศึกครั้งล่าสุดที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยจนต้องทาถูๆ ด้วยยาหม่อง ตราวานรนั่งชักว่าวยิกๆๆๆ
2. ปัญหาของ ลิเวอร์พูล ที่เด็กหงส์ปลอมตัวมาอย่างผมมองเห็นด้วยตาเปล่า มันเพียบไปหมดแทบทุกจุด
ตัวแทน 'พ่อหมี' อย่าง 'มาม่า'
ฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างที่กลายเป็นจุดอ่อน
คู่เซ็นเตอร์ฯ ที่ฟอร์มตกฮวบฮาบ
โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ที่กดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
โม ซาล่าห์ ไม่อันตรายเหมือนเดิม
อเล็กซานเดอร์ อีซัค ที่ซื้อมาแล้วร่างกายไม่พร้อม
การปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากเดิมมากเกินไป
ผู้เล่นเก่ากับผู้เล่นใหม่ยังผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกันไม่ได้
ผู้จัดการทีมเหมือนจะธาตุไฟแตกทั้งตำหนิลูกทีมออกสื่อ, คิดมากจนหาทีมที่ลงตัวไม่ได้ แถมยังพูดโทษโน่นโทษนี่จนมั่วไปหมด
เรียนตามตรงว่ามันมากไม่น่าเชื่อ !!!
3. ขอบอกว่าในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ - ลิเวอร์พูล ก็เคยเจอวิกฤตนิวเคลียร์ล้างโลกแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป
ครั้งแรก หลังกะซวกแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/20 แล้วฤดูกาลต่อมากลับประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บกันระนาวถึงขนาดต้องถอย ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปเป็นกองหลัง
ช่วงหนึ่งนอกจากจะปราชัย 4 นัดติดต่อกันในลีกแล้วยังพ่ายแพ้คาบ้านถึง 6 นัดติดต่อกัน
อีกครั้งบังเกิดขึ้นในฤดูกาล 2022/23 หลังจากที่มีลุ้นถึง 4 แชมป์ และลงเล่นเต็มแม็กซ์ในทุกรายการของซีซั่น 2021/22
ปัญหาอุบัติขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทีม และถ่ายเลือด เมื่อปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกไปพลางคว้านักเตะใหม่เข้ามาคล้ายๆ กับฤดูกาลนี้นี่แหละ
ลิเวอร์พูล เปิดฉากด้วยการไม่ชนะใครใน 3 นัดแรก แถมเก็บได้แค่ 2 แต้ม จำได้ไหมครับ ???
4. อย่างไรก็ตาม
สุดท้าย ลิเวอร์พูล สามารถฝ่าวิกฤตทั้ง 2 ครั้งได้แบบหวุดหวิด
ฤดูกาล 2020/21 พลพรรคหงส์แดงมาเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้าย ด้วยการชนะถึง 8 จาก 10 นัด ก่อนจบฤดูกาล แล้วคว้าอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2022/23 ลูกทีมของกุนซือตะโปดเหล็กก็มาอัดเต็มสปีดในช่วงปลายซีซั่น ด้วยการชนะ 7 เสมอ 4 ใน 11 เกมสุดท้าย
น่าเสียดายที่ไม่ทันเวลา โดยได้แค่อันดับ 5 ของตาราง อดไปแชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะดันถูกทิ้งห่างมากเกินไปตั้งแต่แรก
5. ณ จุดนี้ ผู้เล่นของหงส์แดงหลายคนฟอร์มตกอย่างจงหนัก ขณะที่ผู้จัดการทีมก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนออกอาการฟั่นๆ เฟือนๆ
ถ้ามองโลกในแง่ดี
คุณภาพและมาตรฐานของ ลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบันยังคงสูงส่งเพียงพอที่จะเอาตัวรอดจากความย่ำแย่เหมือนที่เคยแสดงให้เห็นมาแล้วในอดีต
เพราะผสมผสานกันลงตัวเมื่อไหร่ ทีมชุดนี้ที่มีมูลค่ากว่า 500 ล้านปอนด์ ก็สามารถโขยกคู่แข่งแบบ -อันสต๊อปเอเบิ้ล เรด แมชชีน ได้สบายๆ
แต่หากยังคงเสียหลักอย่างต่อเนื่องพลางนั่งเบียดกับความกระท่อนกระแท่นต่อไปก็เป็นได้เช่นกันที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นกับ ราฟาเอล เบนิเตซ หรือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่พอเหลาลงไปดันกลายเป็นบ้องกัญชา
...ว่าแล้วช่วงนี้เด็กหงส์ก็อาศัยสมุนไพรใบไม้ร่าเริง เพื่อความเพลิดเพลินพลางประสานรอยต่อของหัวใจที่ปวดร้าวกันไปก่อนนะจ๊ะ 5555555555