ครั้งล่าสุดที่ลิเวอร์พูลป้องกันแชมป์ได้คือ..... ซีซั่น 1983-84 โจ เฟแกน คือ ผ.จ.ก. ทีมงานบูทรูม คนสุดท้ายที่ได้แชมป์ลีก รับไม้ต่อจาก บ๊อบ เพสลีย์ พอดี
ผ่านมา41 ปีแล้ว....ที่หงส์แดง ยังป้องกันแชมป์ไม่ได้
เซอร์ เคนนี ดัลกลิช ทำทีมยุคกลาง80 แชมป์ปีเว้นปี
เจอร์เก้น คลอปป์ ได้1 ครั้ง ปีต่อมาวืด
อาร์เน่อ สลอด ส่อแววว่าจะป้องกันแชมป์ไม่ได้
หลังจากแพ้ 4 นัดติดต่อกันในลีกล่าสุด
ยุคพรีเมียร์ลีก...ทีมแชมป์เก่าแพ้สี่นัดติดวืดแชมป์หมด
ทั้งเลสเตอร์,ลิเวอร์พูล ยุคJK และแมนฯซิตี้เมื่อซีซั่นก่อน
ดังนั้นดัชนีชี้วัดง่ายๆ พอบอกว่าโอกาสหงส์แทบไม่เหลือ
แม้ว่ายังเหลืออีก 29 นัดให้เล่น
แต่การแพ้ 4 จาก 9 เกมที่ลงสนาม...นี่ไม่ใช่คุณสมบัติแชมป์
ยิ่งเมื่อมองดูวิธีการเล่นตลอด 9 นัด...ที่ผ่านมา
ยังไม่มีนัดไหนเลยที่เล่นได้ดี
โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่แพ้นั่นคือเล่นได้แย่สุดๆ
ใช้คำว่า "ห่วย" คงไม่ผิดจากความจริง
ควันหลงเกมนี้คงไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมาก
นอกจากโยนคำถามที่รอ สลอด ตอบ...
ตอบได้หรือไม่ เดี๋ยวคงได้เห็นกันนะครับ
1 จะแก้ปัญหาเกมรับอย่างไร (14 ลูกใน9เกม)
2 จะผสมผสานนักเตะใหม่และการรุกได้คลิ๊กมั้ย
สองคำถามอันเกิดจากความพ่ายแพ้ทั้งสี่นัดติด
รวมทั้งการแพ้ในแบบที่เรียกได้ว่าแพ้ราบคาบ
การป้องกันลูกทุ่มไกลที่เห็นมาจากนัดบอร์นมัธ
นิวคาสเซิล, พาเลส ล่าสุด เบรนต์ฟอร์ด
มันกลายเป็นจุดบอดที่เห็นชัดมากและ อาร์เน่อ ยังแก้ไม่ได้
เมื่อบวกกับภาพรวมเกมรับโดนไป 14 ลูกใน 9 เกม
มันคือจุดเปราะบางหงส์แดง แค่เฉียดก็แตกแล้ว
ปีที่แล้วเล่นไป 16 นัดถึงจะเสีย 14 ลูก
ปีนี้ยังไม่ถึงสิบนัดเสียมากกว่าจำนวนนัดที่เล่น
ชัดเจนที่สุดกับการป้องกันการโจมตีทุกแบบ
กลายเป็นจุดที่อารเน่อ ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
ถือว่าเป็นเป้าหมายแรกก่อนเลย
เกมรุก....เช่นกัน การประสานงานระหว่าง...
โม ซาลาห์ ที่ฟอร์มตกไปมาก เอกิติเก้
ฟลอเรียน เวียร์ตส์ นักเตะใหม่ ยังไม่เข้ากันซักที
วิธีการโจมตีแดนสามคืออะไรเมื่อมีนักเตะใหม่
นี่คือโจทย์สองข้อที่ต้องเร่งแก้ไข...
หาไม่แล้วจะเป็นเชื้อลุกลามเหมือนเรือใบปีก่อน
เสียแล้ว เสียอีก แพ้แล้วแพ้อีก
แก้ไม่หายสุดท้ายต้องยอมรับสภาพเมื่อถึง ธ.ค.
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เชิงแทกติก
แบ๊กสองข้าง รับไม่ได้ รุกไม่ดี
เคอร์เคส ที่ก่อนย้ายมาทอปฟอร์มกับทีมเก่า
มาเป็นเด็กหงส์...วิ่งมั่วไปหมด ถึงขั้นสะดุดบอลประจำ
แบรดลีย์ ไม่ใช่ เทรนต์ และอย่าคาดหวังให้เหมือน
นี่คือโจทย์ที่ สลอด ต้องแก้ไข...
หลายคนตั้งคำถามว่า...เมื่อเปลี่ยนทีมเป็นของตัวเอง
เยอะไปมั้ย....จนเล่นไม่เข้ากัน
ผมเห็นด้วยที่ทีมชุด JK ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว
ถ้าไม่เปลี่ยนวันนี้จะเปลี่ยนวันไหน
การทุ่มทุนซื้อนักเตะคุณภาพด้วยราคาแพง
โดยมีแกนนำประสบการณ์อย่าง โม และ ฟานไดจ์
ยังไม่เห็นผลในช่วงออกตัวแบบทันทีทันใด
อาจจะล้มเหลวเลยก็ได้...ต้องรอดูเมื่อจบซีซั่น
เมื่อเริ่มเปลี่ยนแปลง....คงต้องยอมรับการปรับตัว
เปลี่ยนแล้วดี...มันก็เป็นโบนัส
เปลี่ยนแล้วยังไม่ดี เป็นแบบที่เห็น
ที่ต้องทำใจคือ.... "เฝ้ารอ" ผลของการเปลี่ยนแปลง
ผมมองว่าทีมหลังบ้านวิเคราะห์และทำถูกครับ
เพียงแต่ว่า....ตอนนี้มันคือยาขมที่ต้องยอมรับ
เมื่ออะไรก็ไม่เป็นใจไปซะทั้งหมด
ดังนั้น... เด็กหงส์ ณ จุดนี้
คงต้องเฝ้ารอดูว่า สลอด จะแก้ปัญหา
พร้อมนำทีมกลับมารับให้รัดกุม และรุกอย่างดีเยี่ยม
ได้เร็วขนาดไหน....
ผมจะยังไม่ตัดสิน อาร์เน่อ สลอด
เร็วไปที่จะทำเช่นนั้น
รอดูงานแก้ของเขานับจากนี้
เชื่อว่ารอไม่นานครับ.....
เราคงมีคำตอบว่าเขาทำได้หรือไม่