หากมีใครถามว่า ใครคือตัวเปลี่ยนเกมของ ลิเวอร์พูล ในชั่วโมงนี้ คำตอบคงไม่ใช่ โม ซาลาห์ หรือ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ แต่คือชื่อที่ไม่ค่อยมีใครคาดคิด อูโก้ เอกิติเก้
ค่ำคืนที่ ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 เขาคือคนที่ยิงประตูตีเสมอ และเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมค่อย ๆ กลับมาคุมเกม ก่อนจะเดินหน้าถล่มยับ
และด้วยประตูดังกล่าว ทำให้ยอดรวมของ เอกิติเก้ ฤดูกาลนี้ขยับเป็น 6 ลูกจาก 12 นัด พร้อมมีส่วนร่วมกับสกอร์ทั้งหมด 7 ครั้ง ตัวเลขที่สะท้อนความคงเส้นคงวาของกองหน้าวัย 23 ปี ที่กำลังเล่นด้วยความมั่นใจสูงสุด
หากคุณไม่ได้ตามตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ของ ลิเวอร์พูล อย่างใกล้ชิด หรือไม่ค่อยได้ดูฟุตบอลอะไรมากมาย คุณอาจเผลอเข้าใจผิดก็ได้ว่าในสองกองหน้าที่ออกสตาร์ตเกมนี้ คนที่ค่าตัว 125 ล้านปอนด์คือ เอกิติเก้
ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเลขมหาศาลนั้นเป็นของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค
ว่ากันตามความจริง ในสนามไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่า อิซัค คือกองหน้าซูเปอร์สตาร์ที่เพิ่งถูกพูดถึงเรื่องความฟิตสมบูรณ์โดยเฮดโค้ช อาร์เน่อ เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเล่นไปได้ไม่กี่นาทีก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะอาการเจ็บโคนขาหนีบ
สิ่งที่ตามมาคือการฉายแสงของ เอกิติเก้ เขาไม่ใช่คนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด แต่กลับเป็นคนที่มีคุณค่ามากที่สุดในสนามสำหรับ ลิเวอร์พูล ตอนนี้
...
ประตูที่ เยอรมนี คือประตูที่ 6 จาก 12 นัด พร้อมกับการมีส่วนร่วมรวม 7 ครั้งในฤดูกาลนี้ ตัวเลขนี้มีเพียง โคดี้ กั๊กโป เท่านั้นที่ทำได้เท่ากัน ส่วน อิซัค, โม ซาลาห์ และ เวียร์ตซ์ ต่างตามหลังทั้งหมด
แต่สิ่งที่ทำให้ เอกิติเก้ แตกต่าง ไม่ได้อยู่แค่ในสถิติการยิง เขาแสดงให้เห็นว่าเป็นกองหน้าครบเครื่องที่สร้างประโยชน์ได้ทั่วทั้งสนาม
เขาช่วยทีมรักษาบอลในพื้นที่แคบอย่างชาญฉลาด และตัวเลขจ่ายบอลสำเร็จ 90% คือหลักฐานที่บอกได้ชัดว่าเขาไว้ใจได้แค่ไหนในจังหวะต่อเกม
ในฐานะกองหน้าตัวเป้า เอกิติเก้ ต้องค้ำบอลและเล่นชิ่งคืนหลังบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ที่นักเตะตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบ แต่สิ่งที่เขาเพิ่มเข้ามาคือการมองเห็นทางข้างหน้า
หลายครั้งเขาหมุนตัวพาบอลผ่านคู่แข่ง หรือใช้การคอนโทรลบอลอันนุ่มนวลดึงแนวรับให้ถอยลึก เปิดพื้นที่ให้แนวรุกเข้าทำ
นี่คือความแตกต่างระหว่าง "กองหน้าเก็บบอล" กับ "กองหน้าที่ทำให้ทีมขยับได้"
เขาไม่เพียงช่วยให้ทีมครองบอลได้ปลอดภัย แต่ยังทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นสูงขึ้น และสร้างแรงกดดันในพื้นที่สุดท้ายได้ตลอดทั้งเกม
อีกสิ่งที่โดดเด่นคือ "เกมรับ" เอกิติเก้ คือกองหน้าที่เพรสซิ่งดุดันที่สุดในเกม เขาไม่ลังเลที่จะลงต่ำ ไล่บีบ หรือเข้าปะทะเมื่อต้องช่วยตัดเกมตัวบน
จากเกมล่าสุด เขามีส่วนร่วมเกมรับมากกว่ากองหน้าคนใดในสนาม
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เอกิติเก้ เข้าใจหน้าที่ของตัวเองในระบบของ อาร์เน่อ อย่างถ่องแท้
...
เมื่อกองหน้าคนหนึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้ ขณะที่อีกคน (ไม่นับอาการบาดเจ็บ) ยังหาจังหวะของตัวเองไม่เจอจริง ๆ อาร์เน่อ จะยังใช้แผนเดิมที่ให้ อิซัค เป็นตัวจริงต่อไปหรือไม่?
เพราะในทุกมิติ เอกิติเก้ คือคนที่ทำได้มากกว่า
ยิงมากกว่า : 6 ต่อ 1
ยิงบ่อยกว่า : 3.38 ครั้งต่อ 90 นาที เทียบกับ 2.77
สร้างโอกาสมากกว่า : 2.62 ต่อ 1.18
แท็กเกิลมากกว่า : 1.38 ต่อ 0.95
คำตอบมันชัดอยู่แล้ว
หาก อาร์เน่อ จะกลับมาใช้ระบบกองหน้าเดี่ยวในเกมต่อ ๆ ไป คำถามว่า ใครควรยืนค้ำแดนหน้าก็คงไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
คำตอบนั้นคือ อูโก้ เอกิติเก้
ไม่ใช่เพียงเพราะเขายิงได้
แต่เพราะตอนนี้เขากำลังทำให้ ลิเวอร์พูล ดีขึ้น ทั้งเกมรุก เกมรับ และในหัวใจของแฟนบอลที่เริ่มเห็นแววของกองหน้าคนสำคัญคนใหม่ที่แอนฟิลด์
HOSSALONSO