หลังจาก ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้พวกเขาพ่ายเป็นเกมที่สี่ติดต่อกันในทุกรายการ ความกังวลเกี่ยวกับระบบการเล่นของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต เริ่มเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้การมองภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ "หงส์แดง" แพ้ทั้งสี่เกมด้วยผลต่างเพียงประตูเดียว และพวกเขาน่าจะชนะได้ทุกเกมหากการจบสกอร์ดีกว่านี้ แต่มีบางอย่างที่ทีมยังไม่ลงตัวมาตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2025/26
แล้วอะไรคือปัญหาของลิเวอร์พูล ? โค้ชอาร์เน่อ จะปรับแก้อย่างไร และรวดเร็วแค่ไหน ? หรือว่าปัญหานี้จะทำให้ทีมต้องพบกับความยากลำบากในระยะยาว? และนี่เป็นการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ "เดอะ เร้ดส์" หลังจากเริ่มต้นซีซั่นใหม่ด้วยฟอร์มกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน
1. ต้องเล่นเพรสซิ่งสูง และจับจังหวะให้ดีกว่านี้
จนถึงตอนนี้ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่มีความเข้มข้นที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ต้องกดดัน และพวกเขาถูกโต้กลับได้ง่ายเกินไป นี่เป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทีมจะเน้นการเพรสซิ่งสูงเต็มความเข้มข้นและปรับจังหวะได้อย่างลงตัว
ตอนนั้น "หงส์แดง" เป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องจากการเล่นเพรสซิ่งสูง จนได้รับฉายา "เฮฟวี่เมทัลลูกหนัง" ตั้งแต่เริ่มเกม, ทำประตูเร็ว และปิดเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก่อนพักครึ่ง
ปัจจุบันไม่มีการเล่นแบบนั้นให้เห็นอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่กองหน้า หรือมิดฟิลด์ตัวรุกขึ้นไปเพรสซิ่งสูงใส่คู่แข่ง นักเตะที่เหลือกลับไม่เดินตาม จนเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ และทำให้ทีมขาดการเชื่อมเกมกัน
ที่สำคัญการเจาะแนวรับลิเวอร์พูลง่ายมาก และเป็นวิธีเดียวกับที่บอร์นมัธ, คริสตัล พาเลซ และเชลซี สร้างปัญหาให้ทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต ตอนนี้ทีมคู่แข่งจับทางการเล่นของ "เดอะ เร้ดส์" ได้แล้ว
พวกเขาเน้นการทำลายเกมเพรสซิ่งของ "หงส์แดง" ด้วยการโยนบอลยาวข้ามแผงกองกลาง แล้วโจมตีแบ็กทั้งสองฝั่งเพื่อดึงเซ็นเตอร์แบ็กออกมาจากตำแหน่ง และเปิดช่องกลางในการเจาะเข้าไปทำประตู
สิ่งสำคัญที่สุดที่ ลิเวอร์พูล ต้องทำให้ถูกต้องคือการรู้ว่าควรเพรสซิ่งเมื่อไหร่และใส่ความเข้มข้นเท่าไร บางครั้งไม่เพรสซิ่งสูงก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจเพรสซิ่งก็ต้องทำพร้อมกันเหมือนยุคของคล็อปป์
2. เอกิติเก้ ควรได้ลงเล่นจริงมากกว่า อีซัค
หากมองความเป็นจริงฟอร์มของ อูโก้ เอกิติเก้ ควรได้ลงเล่นตัวจริงมากกว่า อเล็กซานเดอร์ อีซัค ในเกม "แดงเดือด" เพราะเกมนี้นอกจากจังหวะยิงติดเซฟ เซนเน่อ ลัมเมนส์ แล้วเขาก็ไม่มีบทบาทอะไรอีกเลย
สวนทางกับ เอกิติเก้ ที่ได้โอกาสลงสนามประมาณ 30 นาที แต่ดูอันตรายกว่าอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าตอนนี้เขาควรได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พบ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต วันพุธนี้
อีซัคไม่ได้ลงเล่นช่วงปรีซีซั่น และฟอร์มก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเขายังไม่คมพอและต้องการการฝึกซ้อมเพิ่มเติมเพื่อเรียกความฟิตสูงสุด นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลอยากได้ยินเกี่ยวกับนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แต่ความจริงก็คือ การส่ง สตาร์ชาวสวีดิช ลงเล่นบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ตอนนี้ อีซัค ต้องอยู่ในระดับความฟิตสูงสุดและมั่นใจในการยิงประตูเพื่อสร้างความแตกต่างในช่วงเวลาสำคัญ ขณะนี้ เอกิติเก้ ฟิตกว่า คมกว่า และมั่นใจกว่า จึงควรได้ลงเล่นตัวจริง
สำหรับ อีซัค นั้น สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่ต้องเป็นห่วงนักเตะจะกลับมาสร้างผลงานสุดยอดได้แน่นอน เพียงแต่การให้เขาเป็นตัวจริงต่อเนื่องตอนนี้จะยิ่งทำลายความมั่นใจและฟอร์มของนักเตะ
3. หยุดการเน้นบังคับเกม และโฟกัสที่ความสมดุลในเกมรับ
คำพูดของ โค้ชอาร์เน่อ ในช่วงซัมเมอร์และต้นฤดูกาลคือการให้ ลิเวอร์พูล เล่นให้สนุกและรุกใส่คู่แข่ง ทำไมพวกเขาต้องเปลี่ยนอะไรจากสิ่งที่ทำได้ดีมากในฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะซีซั่นนั้นพวกเขาเน้นคุมเกมได้มาก เล่นในจังหวะที่ช้ากว่า ไม่รีบร้อน เกมไม่วุ่นวาย และมีคุณภาพเพียงพอที่จะคว้าชัยชนะในแต่ละเกม
ลิเวอร์พูล ต้องกลับไปมีเกมรับที่มั่นคง และไม่จำเป็นต้องบุกอยู่ตลอดเวลา แต่รอโอกาสที่เหมาะสมในการโจมตี นั่นคือทักษะและศิลปะเช่นกัน คุณไม่สามารถส่งผู้เล่นตัวรุกจำนวนมากลงสนามแล้วสั่งให้โจมตีคู่แข่งโดยหวังผลลัพธ์ที่สุด แต่สุดท้ายแพ้ในช่วงท้ายเกม
โค้ชอาร์เน่อ ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตัวรุกหลายครั้งตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ซึ่งดูเหมือนจะตื่นตระหนก ลิเวอร์พูลกำลังพยายามบังคับให้เกิดอะไรบางอย่างโดยไม่จำเป็น พวกเขามีคุณภาพเพียงพอที่จะชนะเกมที่สูสีเหล่านี้ หากเพียงแค่สงบใจและเชื่อมั่นในตัวเอง
เป้าหมายการเล่นผิดเพี้ยนไป แทนที่จะปล่อยให้เกมดำเนินไปตามธรรมชาติและเชื่อมั่นในคุณภาพของตนเอง ลิเวอร์พูลกลับพยายามบังคับเกม มันดูรีบร้อนและไม่เหมาะกับผู้เล่นที่มีอยู่ เช่น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง และ ไรัอัน กราเฟนแบร์ก ที่ถูกเปิดช่องให้ถูกโต้กลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
รวมถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ อีซัค ที่ไม่ได้เล่นตามจุดแข็งของตัวเอง เพราะจังหวะการโจมตีไม่ได้ต่อเนื่องหรือถูกควบคุมจังหวะ ทำให้นักเตะเหล่านี้ไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่
4. ซาลาห์ และ เคอร์เคซ ต้องถูกพัก
ผลงานของ ซาลาห์ ในต้นซีซั่นนี้แปลกมากๆ มันไม่ปกติ หลังจากนักเตะผ่านฤดูกาลที่สุดเหลือเชื่อเมื่อฤดูกาล 2024/25 สาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังให้เขาทำประตูทุกครั้งที่มีโอกาส แต่จริงๆ แล้ว "บังโม" ฟอร์มตกและขาดความมั่นใจนี้มีมาตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อนแล้ว
นี่เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก สิ่งที่ดีที่สุดที่ กุนซือชาวดัตช์ สามารถทำได้ตอนนี้คือดร็อป ซาลาห์ ออกจากทีมและให้เขาได้พัก เขาอาจไม่ชอบ แต่ความรู้สึกผิดหวังและเวลาพักนี้อาจช่วยให้เจ้าตัวกลับมาคืนความเฉียบคมอีกครั้ง
หลายเกมที่ผ่านมา ซาลาห์ พลาดโอกาสำคัญหลายครั้ง โดยเฉพาะในเกมกับ แมนฯ ยูฯ นอกจากนี้นักเตะยังไม่ค่อยช่วยเกมรับซึ่งสิ่งนี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดสมดุลในการเล่น
อีกปัญหาที่ต้องรับแก้ไขก็คือ มิลอส เคอร์เคซ ซึ่งควรโดนจับพักเช่นกัน เพราะตั้งแต่ย้ายมาเล่นกับ "หงส์แดง" นักเตะทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเลยแม้แต่เกมเดียว โดยเขาคือบ่อน้ำมันที่คู่แข่งโจมตีอย่างหนัก
จะเห็นได้ชัดในเกมกับ แมนฯ ยูฯ ทั้ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาเตอุส คุนญ่า และ อาหมัด ดิยัลโล่ จ้องเล่นงานนักเตะอย่างหนัก และทำให้ ฟาน ไดค์ ต้องขยับออกจากตำแหน่งเข้ามาช่วย ซึ่งนำไปสู่ช่องว่างในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก
สตาร์ทีมชาติฮังการี เป็นนักเตะที่มีทักษะทั้งเกมรับและรุก แน่นอนว่าเขาจะกลับมาสู่ฟอร์มเก่งได้ แต่เมื่อ "เดอะ เร้ดส์" มีนักเตะมากประสบการณ์อย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รออยู่ข้างสนามซึ่งพร้อมลงเล่น นี่อาจเป็นเวลาที่ เคอร์เคซ ต้องโดนดร็อปเพื่อกลับไปทบทวนผลงานและเรียกสติกลับมา
5. ใช้งาน "โซโบ" ให้เหมาะสม
อีกหนึ่งปัญหาที่ โค้ชอาร์เน่อ ต้องรีบแก้ไขนั่นก็คือการใช้งาน โดมินิค โซโบซไล ให้เหมาะสมกับตำแหน่งของเขา เพื่อให้เขาแสดงศักยภาพชั้นยอดออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่โดนจับเล่นเป็นจับฉ่ายเหมือนอย่างที่เห็น
การที่ กุนซือชาวดัตช์ จับ "โซโบ" ไปยืนตำแหน่งแบ็กขวาจำเป็นในช่วงที่ทีมมีปัญหาบาดเจ็บถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีมากๆ แต่ไม่ใช่การจับเขาไปยืนทุกครั้งที่มีการแก้เกม ทั้งๆ ที่มีออปชั่นให้เลือกใช้งาน เพียงแค่เขาขาดความเชื่อมั่นในตัว คอเนอร์ แบรดลี่ย์ กับเจเรมี่ ฟริมปง
ในฤดูกาลนี้ โซโบซไล ทำผลงานได้ดีทั้งตำแหน่งแบ็กขวา และกองกลาง ด้วยเหตุนี้เวลาที่ โค้ชอาร์เน่อ จะปรับแท็กติกเขามักจะเก็บ "โซโบ" เอาไว้ในทีม และขยับให้ลงไปเยือนแบ็กขวา แล้วอินเวิร์ตเข้ามาตรงกลาง การทำแบบนี้เป็นการลดทอนประสิทธิภาพของ กัปตันทีมชาติฮังการี อย่างเห็นได้ชัด
ฉะนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือ โซโบซไล ต้องเล่นในตำแหน่งกองกลางที่เขาถนัด และนั่นจะทำให้ทีมได้ใช้ศักยภาพของเขาได้อย่างเต็มที่ มากกว่าการจับไปยืนตำแหน่งแบ็กขวาจำเป็นบ่อยๆ