"แดงเดือด" ครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่เกมแห่งศักดิ์ศรี แต่มันคือเกมที่เฮดโค้ชอาร์เน่อ ต้องการใช้ทดสอบความเชื่อมั่น ทั้งระบบของตัวเอง และหัวจิตหัวใจของนักเตะที่กำลังเผชิญแรงกดดันสูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม
หลังพ่ายแพ้ 3 นัดติดต่อกัน เสียงวิจารณ์เริ่มดังขึ้น แต่สิ่งที่ อาร์เน่อ ตอบกลับคือ "นี่คือช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ทีมนี้ แกร่งจริงหรือไม่"
ชีวิตช่วงแรกของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่ แอนฟิลด์ อาจดูไม่เปรี้ยงนัก เพราะเขาเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้ลงซ้อมกับทีมเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม อาร์เน่อ จึงเลือกบริหารเวลาลงสนามอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เขาได้ปรับตัวราวกับเพิ่งเริ่มปรีซีซันส่วนตัว
เวลาผ่านไป 5-6 สัปดาห์ ตอนนี้กุนซือดัตช์มองว่า อิซัค เริ่มถึงจุดที่พร้อมจะถูกตัดสินอย่างยุติธรรมเสียที ความฟิตกลับมาใกล้ระดับที่ควรจะเป็น และโอกาสในเกมใหญ่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็รออยู่ตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม ในการเบียดยืนตัวจริงก็ไม่ได้ง่ายนัก เพราะตำแหน่งเดียวกันนั้นมี อูโก้ เอกิติเก้ ที่กำลังมั่นใจทำไปแล้ว 5 ประตูในซีซั่นนี้
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นอีกคนที่เริ่มฤดูกาลใหม่แบบไม่ได้ตามที่คาดหวัง เพราะอาการบาดเจ็บจากปลายซีซั่นก่อนทำให้ตัวเขาพลาดช่วงปรีซี-ซั่นเกือบทั้งหมด
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม อาร์เน่อ จึงยังไม่รีบเร่ง เขาให้เวลามิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ฟื้นจังหวะการเล่นทีละนิด เพราะการให้ลงสนามแบบสามนัดต่อสัปดาห์ทันทีอาจเป็นดาบสองคม
ข่าวดีคือ แม็ค อัลลิสเตอร์ เพิ่งยิงสองลูกในเกมทีมชาติที่ถล่ม เปอร์โตริโก 6-0 และได้เล่นครบ 90 นาที ซึ่ง อาร์เน่อ เชื่อว่าจะช่วยให้เขากลับเข้าจังหวะของเกมได้ดีขึ้น
เขาคือหนึ่งในสามชื่อที่ อาร์เน่อ ระบุชัดว่าต้องสร้างความต่อเนื่องให้ได้ ร่วมกับ อิซัค และ คอเนอร์ แบรดลีย์ เพราะทั้งสามยังไม่ถึงระดับฟิตเต็มร้อย แต่คือคีย์แมนของโครงสร้างใหม่ในระยะยาว
.............
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูเงียบลงในฤดูกาลนี้ ตัวเลขบอกทุกอย่าง จาก 34 ประตู 23 แอสซิสต์ เหลือเพียง 3 ประตู 3 แอสซิสต์จาก 10 นัด
ค่าเฉลี่ยการสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษลดฮวบจาก 9.2 เหลือแค่ 4.9 ต่อ 90 นาที หรือแม้แต่การสร้างคีย์พาสก็ลดลงกว่า 25%
มันไม่ใช่เรื่องของฟอร์มเพียงอย่างเดียว แต่คือบทบาทที่เปลี่ยนไป
ระบบของ อาร์เน่อ ที่ใช้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เป็นหมายเลข 10 และต้องการให้ปีกกับฟูลแบ็กเติมเกมร่วมกัน พื้นที่เข้าทำของเขาก็ถูกจำกัดลงโดยธรรมชาติของระบบ
คำถามที่หลายคนตั้งคือ "ซาลาห์ ฟอร์มหายไปไหน?"
คำตอบของ อาร์เน่อ คือ "เขายังอยู่ที่เดิม เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันทั้งรุกและรับ ไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ"
และในเกมวันอาทิตย์นี้ ซาลาห์ จะได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่เขาชอบที่สุด แมนยู คือทีมที่เขายิงใส่มากถึง 16 ประตูรวมทุกรายการ
ถ้ามีเกมไหนที่ "ราชาแห่ง แอนฟิลด์" จะปลุกตัวเองให้กลับมา นี่แหละคือเกมนั้น
.............
อาการบาดเจ็บยังคงเป็นประเด็นที่ อาร์เน่อ ต้องบริหารให้ละเอียด
อิบราฮิมา โกนาเต้ กลับมาซ้อมได้แล้วและคาดว่าจะพร้อมลงวันอาทิตย์นี้
ส่วน ไรอัน กราเฟนแบร์ก ฟิตเต็มร้อยหลังแค่โดนเปลี่ยนออกเกมทีมชาติด้วยเหตุผลป้องกันไว้ก่อน
แต่ข่าวร้ายคือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ต้องพักยาวจากอาการเจ็บแฮมสตริง พลาดแน่ทั้งสามเกมถัดไป รวมถึง แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ แฟรงค์เฟิร์ต ด้วย
รายอื่นอย่าง จิโอวานนี่ เลโอนี่, สเตฟาน บายเซติช และ เจย์เดน แดนส์ ยังอยู่ในกลุ่มพักยาว
ขณะที่ วาตารุ เอนโด ยังไม่มีอัปเดตความคืบหน้าเรื่องอาการเจ็บเอ็นร้อยหวายจากการถอดทัพทีมชาติญี่ปุ่น
.............
ตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 ลิเวอร์พูล แพ้อริจากเมืองแมนเชสเตอร์ แค่ครั้งเดียวจาก 14 นัดในลีก (ชนะ 7 เสมอ 6) และไม่แพ้ที่ แอนฟิลด์ มานาน 9 เกมติด
หากไม่แพ้เกมนี้อีก พวกเขาจะเทียบสถิติไม่แพ้ ยูไนเต็ด ในถิ่น 10 นัดติดเหมือนที่ เชลซี เคยทำ
ถึงกระนั้น
แรงกดดันคือสิ่งที่ตัวเลขไม่อาจสะท้อน
ลิเวอร์พูล แพ้ 2 นัดรวดใน พรีเมียร์ลีก และถ้าแพ้อีก พวกเขาจะพ่าย 3 นัดติดครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ขณะที่ แมนยู ของ รูเบน อโมริม ไม่ชนะเกมเยือนลีกมา 8 นัดซ้อน เป็นสถิติเลวร้ายสุดตั้งแต่ยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปี 1989
เกมนี้จึงคือการวัดกันของสองทีมที่ต่าง "จำเป็นต้องชนะ" เพื่อเปลี่ยนทิศทางฤดูกาล
ลิเวอร์พูล มีถึง 4 เกมในฤดูกาลนี้ที่มีประตูเกิดในช่วงทดเวลา 90+ นาที
เวียร์ตซ์ ยิง 0 แอสซิสต์ 0 ประตูจากโอกาส 20 ครั้งสูงสุดในลีกสำหรับนักเตะที่ยังไม่มีส่วนร่วมกับสกอร์เลย
บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างโอกาสมากสุดในลีก (19 ครั้ง) แต่ยังไม่มีแอสซิสต์เช่นกัน
.............
อาร์เน่อ พูดชัดเจน "ตอนนี้ไม่สำคัญว่าเจอใคร ผู้เล่นทุกคนต้องตอบสนอง"
คำว่า "Reaction" จึงกลายเป็นธีมสำคัญของเกมนี้
จะเป็นเกมที่ อิซัค คืนลมหายใจให้แนวรุก?
จะเป็นวันที่ ซาลาห์ ปลุกความเป็นราชา?
หรือจะเป็นเกมที่ อาร์เน่อ พิสูจน์ว่าระบบของเขายังเดินต่อได้ แม้โลกภายนอกจะเริ่มสั่นคลอนศรัทธา?
คำตอบจะอยู่ที่ แอนฟิลด์ คืนวันอาทิตย์นี้ ในเกมที่ไม่ได้มีแค่สามแต้มเป็นเดิมพัน
แต่คือศรัทธาทั้งหมดของ ลิเวอร์พูล ยุคใหม่
#HOSSALONSO