สื่อเมืองเบียร์ตัดเกรดฟอร์ม “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” เกม เยอรมนี ถล่ม ลักเซมเบิร์ก

สื่อเมืองเบียร์ตัดเกรดฟอร์ม “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” เกม เยอรมนี ถล่ม ลักเซมเบิร์ก
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ ลิเวอร์พูล ยังคงฟอร์มไม่เข้าตา หลังย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แม้ได้รับโอกาสต่อเนื่อง เกมล่าสุดทีมชาติกับ ลักเซมเบิร์ก ก็ยังไม่ถึงระดับสุดยอด

ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ค่าตัว 116 ล้านปอนด์ของ ลิเวอร์พูล ยังคงเจอปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นต่อเนื่อง หลังย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาสู่ถิ่นแอนฟิลด์เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยแม้จะได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องในยุคของบอสอาร์เน่อ แต่เจ้าตัวยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มระดับสุดยอดเหมือนในบุนเดสลีกาได้ 

ขณะที่ในเกมทีมชาติล่าสุดกับที่ทีมชาติเยอรมนี ถล่ม ลักเซมเบิร์ก 4-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก กลุ่มเอ ซึ่งเป็นเกมในบ้านเจอกับทีมอันดับ 96 ของโลกถูกมองว่าเป็นโอกาสทองที่ เวียร์ตซ์ จะได้คืนฟอร์มเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง แต่โดยรวมเจ้าตัวอยู่ในระดับพอใช้เท่านั้น โดยสร้างโอกาสสำคัญ 1 ครั้ง, จ่ายบอลสำเร็จ 88%, มี 4 คีย์พาส แต่เลี้ยงบอลไม่ผ่านเลยทั้ง 2 ครั้ง และไม่ชนะการดวลภาคพื้นดินแม้แต่ครั้งเดียว

สื่อเมืองเบียร์ต่างมีมุมมองต่อฟอร์มของดาวเตะวัย 22 ปีที่แตกต่างกันออกไปดังนี้ 

Buli News ให้คะแนน 7/10 พร้อมระบุว่า

"เวียร์ตซ์ เริ่มเกมด้วยความไม่มั่นใจ ดูระวังเกินไปในหลายจังหวะ แต่กลับมามีบทบาทมากขึ้นหลังทีมได้ประตูที่สอง

เขาน่าจะได้แอสซิสต์ หาก โวลเทอมาเดอ ไม่พลาดในจังหวะโต้กลับนาทีที่ 33 และยังมีฟรีคิกสุดสวยที่ชนเสาอีกด้วย"

ขณะที่ BILD ให้เกรดเพียง 4 (1 ดีสุด – 6 แย่สุด) พร้อมคำวิจารณ์ตรงไปตรงมาว่า

“ผลงานของ เวียร์ตซ์ ในครึ่งแรกเหมือนตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล เขาพยายามแล้วแต่ยังไม่ดีเท่าไหร่ หลายจังหวะถูกสกัดโดยแนวรับ ลักเซมเบิร์ก ฟรีคิกในครึ่งหลังก็ยังไปชนเสาอีก เราหวังว่าเขาจะปลดล็อกได้ในเร็ววัน”

ด้าน Der Spiegel วิเคราะห์เชิงลึกว่า

“เขาหลุดจากการประกบได้ดีด้วยการโยกออกไปรับบอลทางริมเส้น แสดงให้เห็นถึงพลังและความกระตือรือร้น แม้จะมีจังหวะเลี้ยงบอลติดขัดช่วงต้นเกม ในจังหวะโต้กลับนาทีที่ 32 เขาจ่ายให้ โวลเทอมาเดอ ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังเปิดบอลให้ คิมมิช ก่อนจบครึ่งแรก แต่เพื่อนร่วมทีมก็ยังเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นประตูไม่ได้ ขณะที่หนึ่งชั่วโมงต่อมาฟรีคิกของเขายังชนเสาอีกครั้ง”



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport