ไม่นานมานี้ ตูร์กี อัล-ชีคห์ ประธานองค์กรงานสันทนาการทั่วไปของ ซาอุดี อาระเบีย (จีอีเอ) สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ หลังออกมาโพสต์ว่ามีกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเจรจาเพื่อที่จะเข้าซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นกลุ่มทุนกลุ่มไหน
อัล-ชีคห์ อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูแฟนบอลทั่วไปมากเท่าไหร่นัก แต่เขาถูกมองว่าเป็นคนที่รู้เรื่องเบื้องลึกในแวดวงธุรกิจกีฬาของย่านตะวันออกกลางพอตัว หลังจากที่ผ่านมาเขารับหน้าที่ดูแลงานด้านบันเทิงหลายอย่างเพื่อทำให้ราชวงศ์ของ ซาอุดี อาระเบีย ดูมีภาพลักษ์ว่าเปิดกว้างต่อโลกภายนอกมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคืองานที่เกี่ยวกับกีฬา โดยเขาเคยผลักดันให้ไฟต์มวยดังๆ มาต่อยกันที่ ซาอุดี อาระเบีย มาแล้ว
นอกจากนี้ ว่ากันว่า อัล-ชีคห์ คือคนที่รับหน้าที่เจรจากับ แมนยูไนเต็ด เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะให้ "ปีศาจแดง" เดินทางไปเล่นเกมอุ่นเครื่องที่ ซาอุดี อาระเบีย ในช่วงเทศกาลงานด้านบันเทิงของที่นั่น หรือที่เรียกกันว่า "Riyadh Season" ด้วย จนทำให้คนสงสัยว่าคำอ้างของ อัล-ชีคห์ มีความเป็นจริงมากแค่ไหน ?
ทั้งนี้ เดลี่ เมล สื่อของอังกฤษรายงานว่าปัจจุบันมีกลุ่มทุนจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังพิจารณาจะยื่นข้อเสนอขอซื้อทีมให้ตระกูลเกลเซอร์พิจารณา โดยสื่อเจ้าเดิมเสริมว่ากลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังทาบทามให้อดีตนักเตะบางคนของ แมนยูไนเต็ด มาช่วยทำหน้าที่เป็นเหมือนทูตด้วย
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีการติดต่อกับผู้ถือหุ้นหลักๆ ของ แมนยูไนเต็ด แม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่คนวงในของ แมนยูไนเต็ด ก็ช็อกทันทีที่มีข่าวเรื่องขายทีมออกมา และพวกเขาก็ไม่รู้ว่า อัล-ชีคห์ ไปเอาข้อมูลมาจากไหนถึงจู่ๆ ได้โพสต์แบบนั้น
เชื่อกันว่าในความเป็นจริงแล้วตอนนี้แผนงานมันอยู่ในช่วงขั้นต้นเท่านั้น และไม่มีสัญญาณอะไรเลยที่รับประกันว่ามันจะนำไปสู่การยื่นข้อเสนอจริงๆ
ถึงกระนั้น สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือตอนที่ตระกูลเกลเซอร์ขายหุ้นบางส่วนให้ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ นั้น มันมีเงื่อนไขที่เรียกว่า "drag-along" ด้วย โดยรายละเอียดหลักๆ ของเงื่อนไขที่ว่าก็คือตระกูลเกลเซอร์สามารถเปิดการเจรจากับผู้ลงทุนรายอื่นได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องแจ้งให้ แร็ตคลิฟฟ์ รู้ และหากตระกูลเกลเซอร์ทำข้อตกลงขายทีมให้กลุ่มทุนกลุ่มไหนก็ตามแล้วนั้น แร็ตคลิฟฟ์ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องขายหุ้นของเขาตามไปด้วยนั่นเอง
-เด็กเกร็ดบอล-