แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองกับ ลิเวอร์พูล ในฐานะหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพเมื่อปี 2017 แต่การมาของ มิลอช เคอร์เคซ ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้เขาโดนเบียดไปเป็นตัวสำรอง
"หงส์แดง" อาจจะตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แค่คะแนนเดียว แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือฟอร์มการเล่นของพวกเขาโดยเฉพาะช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งโดนคู่แข่งจับทางได้เรียบร้อยแล้ว
การแพ้ 3 เกมติดต่อกันในทุกรายการครั้งแรกในอาชีพ ทำให้ อาร์เน่อ สล็อต ต้องหาทางแก้ไขปัญหาเป็นการด่วน เพื่อนำทัพ "เดอะ เร้ดส์" หลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากในช่วงเวลานี้
หนึ่งในปัญหาที่ โค้ชอาร์เน่อ ต้องแก้ให้ได้ก็คือตำแหน่งแบ็กซ้าย เนื่อง เคอร์เคซ ซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นตัวหลัก แต่ผลงานของนักเตะยังไม่น่าประทับใจ และจำเป็นต้องพัฒนาฟอร์มการเล่นมากกว่านี้
ขณะที่ "ร็อบโบ้" ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเขาอีกครั้งในเกมที่ลงมาเป็นตัวสำรองแมตช์พบ เชลซี แม้เขาจะประกบ เอสเตเวา ไม่ดีช่วงท้ายเกมจนเสียประตู แต่ก็น่าจะทำให้ กุนซือชาวดัตช์ ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะยังคงใช้ เคอร์เคซ เป็นตัวเลือกแรกต่อไป หรือจะหันกลับมาไว้วางใจ โรเบิร์ตสัน อีกครั้ง
- เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับ มิลอส เคอร์เคซ
ด้วยการที่ ท่านรองร็อบโบ้ อายุเข้าหลักสามสิบแล้ว และไม่สามารถเล่นด้วยฟอร์มมาตรฐานเดิมได้อีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจดึงแบ็กซ้ายตัวใหม่เพื่อสร้างความสดใหม่ให้กับทีม
ค่าตัวฟูลแบ็กชาวฮังการี วัย 21 ปีมูลค่าแค่ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,760 ล้านบาท) ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดเป็นอันดับสองที่สโมสรจ่ายเพื่อคว้ากองหลังมาร่วมทัพหลังเซ็นสัญญากับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ตอนที่เล่นให้กับ บอร์นมัธ นั้น เคอร์เคซ ได้รับการโหวตให้เป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024/25 ด้วยผลงาน 6 แอสซิสต์กับ 2 ประตูจากการลงสนาม 38 เกมในลีกให้กับทีมของกุนซืออันโดนี่ อิราโอล่า
เรื่องของพละกำลังต้องบอกว่านักเตะโดดเด่นสุดๆ โดยมีผู้เล่นแค่ 4 คนเท่านั้นที่สามารถวิ่งสปรินต์ได้เหนือกว่า เคอร์เคซ เกมลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่สำคัญผลงานการจ่ายบอลสุดท้ายที่แม่นยำผสมกับความเร็วของเขา ทำให้นักเตะถูกมองว่าเหมาะที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของ โรเบิร์ตสัน ได้อย่างเหมาะสม
- ตัดสินใจได้ถูกต้องไหมที่ส่ง เคอร์เคซ ลงตัวจริง ?
เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ถูกตั้งคำถามในเรื่องเกมรับ โค้ชอาร์เน่อ จึงตัดสินใจใส่ชื่อ เคอร์เคซ ลงเป็นตัวจริงทันที แต่การตัดสินใจดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ?
ประเด็นนี้มีการถกเถียงกันพอสมควร เพราะผลงานของ เคอร์เคซ ที่ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล 2 เกมแรกเห็นได้ชัดว่าเขาคือจุดอ่อน แต่หลังจากนั้นก็สามารถยกระดับฟอร์มการเล่นได้ดีขึ้น
แม้ผลงานจะพัฒนาขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ตำหนิ โค้ชอาร์เน่อ ว่า เคอร์เคซ ควรต้องรอโอกาสก่อนขึ้นมาเป็นตัวจริง เหมือนที่ โรเบิร์ตสัน เคยต้องทำเพื่อแย่งตำแหน่งจาก อัลเบร์โต้ โมเรโน่ เมื่อปี 2017
แม้ตอนนี้ กองหลังชาวสกอตแลนด์ จะไม่ได้อยู่ในช่วงพีคสุดของเขา แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าเขาทำผลงานได้ดีกว่า เคอร์เคซ เมื่อได้รับโอกาสในฤดูกาลนี้ สาเหตุอาจมาจากการที่นักเตะเล่นภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวดัตช์มานานกว่า จึงคุ้นเคยกับวิธีการทำงานของโค้ชมากกว่า
- ร็อบโบ้ คุ้นเคยกับระบบ อาร์เน่อ มากกว่า เคอร์เคซ
โค้ชชาวดัตช์ มักสั่งให้ฟูลแบ็กของเขาขยับเข้ามาเล่นด้านในมากกว่าการยืนริมเส้น ซึ่งสามารถเห็นได้ว่า เคอร์เคซ ไม่ค่อยได้รับคำสั่งลักษณะนี้สมัยเล่นภายใต้การทำงานกับ อิราโอล่า
สำหรับ ลิเวอร์พูล "ร็อบโบ้" มักวิ่งอ้อมเข้าด้านในมากกว่าการวิ่งเติมจากด้านนอก โดยตลอดฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2024/25 เจ้าตัวทำอย่างแรกไป 39 ครั้ง เทียบกับการทำอย่างหลัง 33 ครั้ง ตามข้อมูลของออปต้า
ตลอดปีที่ผ่านมา FBRef แพลตฟอร์มสถิติฟุตบอล ระบุว่า โรเบิร์ตสัน เป็นนักเตะที่ส่งบอลขึ้นหน้าได้ดีกว่า โดยมีค่าเฉลี่ย 6.38 ครั้งต่อ 90 นาทีในลีกเมืองผู้ดี เทียบกับ เคอร์เคซ ที่ทำได้ 4.29 ครั้งต่อ 90 นาที
ในขณะเดียวกัน เคอร์เคซ ชอบพาบอลบุกโดยมีค่าเฉลี่ย 2.38 ครั้งต่อ 90 นาที ส่วน โรเบิร์ตสัน ก็ทำค่าเฉลี่ยเท่ากันที่ 2.38 ครั้งต่อ 90 นาทีในด้านนี้
สถิติยังชี้ให้เห็นว่า เคอร์เคซ มักได้รับบอลในพื้นที่สูงของสนาม สะท้อนบทบาทแบ็กซ้ายที่วิ่งเติมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย ฟูลแบ็กฮังการี ได้รับบอลในการเล่นเกมบุก 5.31 ครั้งต่อ 90 นาที ขณะที่ โรเบิร์ตสัน มีสถิติอยู่ที่ 3.91 ครั้งต่อ 90 นาที
- แล้วใครควรได้ลงตัวจริงในตอนนี้
กุนซือหัวเหม่งจากแดนทิวลิป มักถูกมองว่าเปลี่ยนสูตรการเล่นที่ใช้แล้วได้ผลจากฤดูกาลที่แล้วเร็วเกินไป แม้ว่าจะมีปัจจัยบางอย่างที่บังคับให้ต้องทำ เพราะทีมมีการเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่ง
สำหรับตอนนี้ยังไม่มีคำตอบชัดเจนว่าใครควรเป็นตัวเลือกแรก แต่เชื่อว่าการให้โอกาส โรเบิร์ตสัน กลับมาลงเป็นตัวหลักน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงปรับทีมครั้งใหญ่
โค้ชอาร์เน่อ มีความสัมพันธ์ในสนามที่ดีเยี่ยมกับ โกดี้ คักโป และ ฟาน ไดค์ ดังนั้นการใช้นักเตะชุดดั่งเดิมซึ่งเล่นร่วมกับมานานหลายปีน่าจะช่วยให้เกมทางฝั่งซ้ายของ ลิเวอร์พูล ไหลลื่นมากขึ้น
กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เคอร์เคซ จะหลุดจากตำแหน่งถาวร เพราะสภาพร่างกายของ โรเบิร์ตสัน ไม่สามารถลงเล่นได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ในช่วงที่ เคอร์เคซ ต้องนั่งเป็นตัวสำรอง เขาจะมีเวลาเพื่อปรับปรุงฟอร์มการเล่นก่อนที่จะแย่งตำแหน่งตัวหลักคืน