บอลโยน...เตะมุม..ทุ่มไกล แท็กติกยุคเดิมสมัยโน้นคือ old school นั่นแหละ วันนี้ทีมบอลพรีเมียร์ลีกนำกลับมาใช้เอิกเกริก กลายเป็นแนวนิยมกันเกิน 10 ทีมของลีก
จะว่าไปมีข้อสังเกตจากสื่อหลักมาตั้งแต่ ก.ย.
ตัวเลขมันฟ้อง ข้อสังเกตมาติดตามแบบใกล้ชิด
เริ่มจากสำนักสถิติออพต้า ต่อด้วยบีบีซี และอีกหลายเจ้า
ผมก็นั่งตามอ่านตามดูมาสักพัก....
จนกระทั่ง ดีโอโก ดาโลต์ ทุ่มไกลแล้วแมนฯยูฯ ได้ประตู
บวกกับการเปิดบอลจากกรอบประตูของ เซนเน ลัมเมนส์
ที่แฟนผีฝั่ง สเตรทเฟิร์ด เอ็นด์ ตะโกนแซวว่า "ชไมเคิลจำแลง"
พอได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า....แท็กติกพื้นๆ เหล่านี้ “กลับมาละ”
ผมสังเคราะห์พรีเมียร์ลีกและบีบีซี
ที่ต่างซื้อข้อมูลจากสำนักออพต้า มาฝากกันครับ
1. ผ่านบอลน้อยลง
มันมีตัวเลขสนับสนุนเชิงแท็กติกชัดเจน
การผ่านบอลเทียบกับปี 2016-17 ซีซั่นแรกของเป๊ป
ในนามของเจ้าพ่อบอลสั้น ผ่านบอลเพื่อครองบอล
มันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ซีซั่นแรกของเป๊ป ทุกทีมผ่านบอล 881.7 ครั้ง/เกม
ตัวเลขเพิ่มระดับ 900+ กว่า 7 ซีซั่น
จนถึง 5 นัดแรกซีซั่นนี้ ลดฮวบเหลือ 849.1 ครั้งต่อเกม
แล้วตัวเลขที่ลดลงเมื่อดูการเล่นระหว่างเกมพบว่า...
ผ่านบอลน้อยลง...อดทนมากขึ้นในการให้บอล
คือไม่เร่งรีบ ฝั่งรุกเมื่อบอลขึ้นโดยเซนเตอร์แบ็ก
พวกเขาจะครองบอลไว้นานหน่อย ส่งบอลสั้นๆ เพื่อรอข้างบนขยับ
พอเปิดช่อง หรือวิ่งหลังไลน์พร้อม...จึงให้
เท่ากับลดการเล่นแดนกลางที่การจราจรคับคั่งออก
บอลไปข้างหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิม
2. ทำไมเน้นบอลโยนมากขึ้น
บอล direct ถึงแดนสามคู่แข่งมากขึ้น เพราะ...
ทุกวันนี้การบิลด์อัพจากหน้าบ้านตัวเองโดนจับทางได้
หลายทีมซ้อมเพื่อเพรสแดนบน มีความฟิต นักเตะเพรสพร้อมกัน
ตั้งแต่หน้า กลาง หลัง ความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
ซีซั่นที่แล้ว ออพต้า ระบุว่ามี 7 ทีมที่เล่นบิลด์อัพ
เริ่มจากเขตโทษตัวเอง เกิดความผิดพลาด 30 ครั้ง
ทั้งโดนตัดได้หรือเสียบอล ถูกคู่แข่งได้จังหวะยิง
ทางตรงกันข้าม ทีมที่เล่นบอลโยนยาว 8 ทีม (ยกเว้นอิปสวิช)
จบด้วยการยิงจากความผิดพลาดนั้น 30 ครั้ง
ซีซั่นนี้เจ้าพ่อบิลด์อัพอย่างแมนฯซิตี้ของเป๊ป
ลดการเล่นบอลบิลด์อัพลง เช่นเดียวกับลดการไฮเพรสลง
นัดแพ้สเปอร์สชัดเลย ขึ้นเพรสสูงโดนไป 2 ลูก
เกมนั้นพวกเขาเน้นบอลโยนให้ฮาลันด์บ่อย
เกือบได้ผล...แต่ไปได้ผลเกมอื่นๆ
ล่าสุดเตะเบรนต์ฟอร์ด กวาร์ดิโอลาเปิดหลังไลน์
ฮาลันด์หลุดเข้าไปยิงขึ้นนำ 1-0 จากนั้นเล่นปิดเกม
ครองบอลแบบเน้นๆ ไม่ผลีผลาม
มาร์กอส เซเนซี เซนเตอร์บอร์นมัธ เปิดบอลยาวมากสุด
อันนี้คือตัวอย่างการออกบอลด้วยกองหลัง
นั่นเท่ากับบอลไปข้างหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิม
ออพต้าชี้ว่า บอลไปข้างหน้า 9.6 วินาที (12.1 เมตร)
เทียบกับปีก่อน 10.4 วินาที (ระยะ 12.4 เมตร)
แล้วเทียบกับตัวเลข 10 ซีซั่น พบว่า
ซีซั่น 2025-26 นี้ บอลไปข้างหน้าเร็วที่สุด
จริงๆ อาร์เน่อ สลอด มาปรับการรุกหงส์แดง
ปีก่อนบอลบุกหงส์บิลด์อัพก็จริง
แต่... 3-4 พาสจบด้วยการยิง ปีนี้ทำไม่ได้เหมือนเดิม 5555
เป๊ปเองก็ปรับวิธีการเล่นบอลบิลด์อัพของตัวเอง
ตอนแรกผมเอะใจ...ว่าทำไมซื้อดอนนารุมมา
นายประตูที่ใช้เท้าและมือเซฟดีกว่าการออกบอลสั้น
วันนี้เป๊ปเฉลยแล้ว เขาปรับกลยุทธ์ในการออกบอล
ดอนนารุมมาออกบอลยาวดีกว่าบอลสั้น
ข้างหน้าคุณมีฮาลันด์พร้อมวิ่ง
ล่อซื้อว่าจะบิลด์อัพ จากนั้นใช้ดอนนารุมมาหรือแม้กระทั่ง
เซนเตอร์คอยออกบอลยาวหลังไลน์
แนวโน้มวันนี้จึงลดขั้นตอนการต่อบอลจากแดนหลัง
เรียกว่าไม่ต้องมาเสียเวลาผ่านบอลไปมา
แม้ก่อนหน้านี้โค้ชพูดกันว่า...
“การครองบอลเอาไว้กับตัว คือโอกาสปิดประตูแพ้” (ต้องไม่เสียบอลนะ)
และเพิ่มโอกาสให้ตัวเองพาบอลถึงแดนสามเพื่อยิง
แต่วันนี้แนวคิดนั้นปรับ...
บอลไปข้างหน้าเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
3. ฟรีคิก เตะมุม ทุ่มไกล เน้นๆ
ทั้งหมดนี้ไม่นับจุดโทษ — มันคือ set-piece
ตัวเลขชี้ชัดว่า “ได้ประตู” มากกว่า 9 ซีซั่นก่อนถึง 25.0%
หรือหนึ่งในสี่ของแท็กติกการรุก
จะบอกว่าคือทางลัด, ลูกหากิน, อาวุธลับ ก็ได้หมดครับ
เพราะมันคือทางที่ง่ายกว่าบิลด์อัพเกม
พาบอลบุก ได้ฟาวล์, ทุ่มใกล้มุมธง หรือเตะมุม
จากนั้นซ้อมเข้าสูตรของตัวเอง
มีตัวเตะมุมโดยเฉพาะ ไม่ใช่ใครเตะก็ได้
อาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้นำเทรนด์
มี เดแคลน ไรส์, บคาโย (คนอังกฤษไม่ออกเสียง “บูคาโย”)
กระทั่งโอเดการ์ด เตะมุมแบบอินสวิง หรือโค้งเข้า
เน้นไปที่เสาแรกและเสาสอง
หรือเตะมุมสั้นเพื่อเปลี่ยนจุด
เกมนิวคาสเซิลแพ้อาร์เซนอล เตะมุมได้ประตู
โตนาลีมุมสั้นแล้วเปิดให้โวลเตอมาเด้อโหม่ง
ของปืนใหญ่ประตูชนะ 2-1 จากกาเบรียล
โอเดการ์ดคือตัวเตะมุมโค้งเข้าที่เสาแรก
ที่สำคัญ ทุกการซ้อม ลูกสูตรมีโค้ชเซตพีสประจำ
ปืนใหญ่ยังคงเป็นเจ้าลูกเตะมุม — 36 ลูกในสองปี
นิโกลาส โยแวร์ (คนพากย์อังกฤษออกเสียง) คือโค้ชเซตพีส
แอสตัน วิลล่ามี ออสติน แมคฟีย์
ลิเวอร์พูลดึงมาจากเรือใบ อารอน บริกกส์
มารั้งตำแหน่งโค้ชพัฒนานักเตะ ปีนี้ตั้งเป็นโค้ชเซตพีส
มี ลูอิส มาโอนีย์ ลูกมือ
แมนฯยูฯ ก็มีทีมงานของ รูเบน อโมริม, การ์โลส แฟร์นานเดส
ส่วนที่มีอยู่แล้วไม่ต้องจ้างใครคือ เบรนต์ฟอร์ด
พวกเขาแต่งตั้งโค้ชเซตพีส คีธ แอนดรูว์ คุมทีม
หลังจากเสีย โทมัส แฟร้งค์ ให้สเปอร์ส
เรียกว่าได้ 2 จ๊อบ ไม่ต้องจ้างเพิ่ม 55
ลูกทุ่มไกลทุกทีมมีจอมทุ่มไกลกันหมด
เบรนต์ฟอร์ดยุคนี้ คาโยเด วิงแบ็กขวา
ถ้าไม่ได้ลง เควิน ชาเด้ มือสองทุ่มไกล
บอร์นมัธมีเซเมนโย คอยทุ่ม
คริสตัล พาเลสมีเจฟเฟอร์สัน เลอรมา (ริชาร์ดส์)
นิวคาสเซิลมีลิฟราเมนโต้
กระทั่งแมนฯยูฯ พึ่งเห็นดาโลต์ทุ่มแล้วได้ประตู
ยุค JK จ้างโค้ชทุ่มไกล โธมัส โกรนเนมาร์ค มาติว
เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหม่อยู่แล้ว
ตำนานทุ่มไกลพรีเมียร์ลีกคือ รอรี ดีแลพ
พ่อของเลียม ดีแลพ ดาวยิงเชลซี
คือเจ้าพ่อทุ่มไกลและจัดว่าเป็น “ตำนานสโต๊ค” ตัวจริง
ส่วนตำนานสโต๊คอีกคนนั้น “ของปลอม”
เห็นมั้ยว่า... “ทุ่มไกล” ยังคงนำมาใช้ได้
จากทั้งตัวเลขที่บ่งชี้ และวิธีการเล่นในสนาม
เรามองเห็นภาพนี้ชัด...เอาเจ้าพ่อบิลด์อัพอย่างเป๊ป
วันนี้บางเกมเน้นรับลึก (นัดเจอปืน) รอสวน
หลายจังหวะ ดอนนารุมมากับเซนเตอร์เตะยาวขึ้นหน้า
ถ้าจะครองบอลนานๆ นั่นคือพวกเขาได้ประตูนำ
หรือกำลังจะยิงประตูคืน....
เมื่อรวมกับเตะมุม ทุ่มไกล ที่เน้นกันมาก
นี่คือแนวโน้มการปรับแท็กติกของ PL
เอาเป็นว่าถ้ายังคิดแท็กติกอะไรใหม่ๆ ไม่ได้
หันกลับไปใช้ “ของเก่า” old school ไม่เสียหาย
แถมได้ประโยชน์อีกต่างหาก
เขียนถึงเรื่องนี้ พึ่งอ่านเจอโพสต์ FB ของรุ่นพี่
ท่านเป็นระดับผู้บริหาร AIA
ได้โพสต์ภาพเข็มกลัดขึ้นมา
ดูแล้วเข้ากับเรื่องที่ผมเขียนพอดี
มนุษย์เริ่มใช้เข็มกลัดมาตั้งแต่ปี 1849
แล้วก็ใช้มาตลอดโดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
ปีนี้ 2025 เข็มกลัดก็ยังใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม
บอลโยน..เตะมุม...ทุ่มไกล ก็ไม่ต่างกัน
วันนี้บอลพรีเมียร์ลีกนำกลับมาใช้อย่างไม่เคอะเขิน
ที่ประดิษฐ์แท็กติกซับซ้อนมาหลายปี —
บอลบิลด์อัพ, เพรสแดนบน, โอเวอร์โหลด, ฟูลแบ็กอินเวิร์ต
สุดท้าย...ก็มาตายกับ บอลโยน, เตะมุม, ทุ่มไกล
แท็กติกแบบ old school นี่แหละ
นี่แหละครับ...ของเก่ายังมีคุณค่า
ขึ้นอยู่กับว่าคุณเห็นมัน แล้ว “นำมาใช้ได้หรือไม่”
JACKIE