มีบางประโยคที่ เดวิด มอยส์ ได้พูดเอาไว้ตอนคัมแบ็กกลับมาคุม เอฟเวอร์ตัน รอบสองตอนต้นปีที่ผ่านมา "ผมมาที่นี่ไม่ได้เพื่อทำให้ทีมอยู่รอดแค่นั้น ผมต้องการทำให้สโมสรนี้กลายเป็นทีมที่มองไปข้างบนได้มากกว่าเดิม นี่คือสโมสรที่ควรแข่งขันเพื่อไปบอลยุโรป"
ย้อนไปวันที่รับตำแหน่งแทน ฌอน ไดซ์ ก็เป็นช่วงที่สถานการณ์ของทีมกำลังย่ำแย่ ขนะเกมเดียวในรอบ11เกม อันดับจมอยู่โซนด้านล่างห่างโซนตกชั้นเพียงแต้มเดียว
เวลาผ่านไปและผ่านไป
เอฟเวอร์ตัน ประคองสถานะบนลีกสูงสุดได้สบาย ล่วงมาถึงซีซั่น 2025/26 ก็ออกสตาร์ทได้ยอดเยี่ยมสุดในรอบ 4 ปี เมื่อวันอาทิตย์ก็แซงเอาชนะคริสตัล พาเลซ2-1ซึ่งเป็นการหยุดสถิติไร้พ่าย19เกมติดต่อกันของทีมจากลอนดอนใต้ด้วย
ในแง่ของรูปเกมนั้นก็สามารถพูดได้ว่าตลอดกว่า 70 นาทีแรกของเกมเป็นทีมเยือนที่เหนือกว่า พวกเขาควรยิงได้มากกว่าหนึ่งลูกด้วย แต่ก็นั่นแหละ มันคือฟุตบอลที่อะไรก็เป็นไปได้
จุดเปลี่ยนของเกมมาจากการเปลี่ยนตัวของมอยส์ตอนพักครึ่ง ส่ง เบโต้ กับ คาร์ลอส อัลคาราซ ลงแทน เธียร์โน่ แบร์รี่ และ ไทเลอร์ ดิบลิ้ง รูปเกมมีชีวิตชีวาขึ้น บอลที่ส่งไปข้างหน้าก็มีจุดหมายกว่าในครึ่งแรก ที่สำคัญเมื่อรวมกับเสียงเชียร์สี่ทิศจากสาวกทอฟฟี่ด้วยแล้วก็จึงเหมือนเพิ่มแรงขับเคลื่อนให้นักเตะ
อีกเกมที่ แจ็ค กรีลิช โชว์ฟอร์มโดดเด่น คือไม่ใช่การสวมบทฮีโร่ทำประตูชัยในนาที 90+3 (เวลาเป๊ะๆนาที92.21) แต่ตลอดเกมก็พยายามทุกอย่างเพื่อช่วยทีม แม้แต่จังหวะในเกมรับก็วิ่งตะบึงมาสกัดได้หลายที นี่บ่งบอกว่ากรีลิชตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมสมัยเหมือนอยู่แมนฯซิตี้
นั่นเป็นชายที่แค่รอรับเงินเดือนแต่ไม่มีจิตวิญญาณ
หลังเกมก็มีข่าวออกมาว่ากรีลิชต้องฝืนลงสนามสองเกมที่ผ่านมาแม้มีอาการบาดเจ็บ เขาถึงเข้าไปสแกนมาแล้วแต่เจ้าตัวก็ขอมอยส์เองว่า"เจ้านาย...ผมไหว"
จากจังหวะประตูชัย2-1ก็สะท้อนได้ชัดเจนเมื่ออดีตกัปตันแอสตัน วิลล่าพุ่งเข้าหาบอลที่ดีน เฮนเดอร์สันเซฟลูกโขกเบโต้ออกมาตรงกลางประตู ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทีมจึงส่งผลเพราะในจังหวะนั้นเองที่ดาเนี่ยล มูนยอซ วิงแบ็กพาเลซเคลียร์บอลมาโดนพอดี
โชคแน่นอนครับแต่โชคที่เกิดมาจากความทุ่มเท
ก็เชื่ออีกว่าด้วยฟอร์มเช่นนี้คงทำให้โธมัส ทูเคิ่ลต้องคิดหนักในการเรียกตัวนักเตะเข้าแค้มป์ทีมชาติอังกฤษครั้งต่อไป
ผ่านมา7เกม ชนะ3 เสมอ2 แพ้2 อยู่อันดับ8ของตาราง ห่างจากพื้นที่ยุโรป 2 แต้ม เทียบกับฤดูกาลก่อนที่ 7เกมแรกชนะแค่นัดเดียวก็ต่างกันลิบ
เอฟเฟกต์การกลับมาคุมทีมของมอยส์ส่งผลในเชิงบวก แน่นอนว่าทีมชุดนี้ไม่ได้เพอร์เฟกต์ มันยังมีข้อบกพร่องในบางจุดที่ต้องแก้ไขแต่ก็อย่าลืมว่าเรือผุๆลำหนึ่งย่อมไม่ใช่ว่าจะแล่นฉิวได้เลยภายในเวลาอันสั้น ในฟุตบอลก็เช่นกันตลาดซื้อขายรอบเดียวก็ย่อมไม่เพียงพอ
ถูกต้อง ซีซั่นยังอีกยาวไกล อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
แต่สิ่งที่ปรากฎตอนนี้ก็น่าจะเป็นขวบปีที่เอฟเวอร์โตเนี่ยนทั้งหลายไม่ต้องมาหายใจไม่ทั่วท้องลุ้นเรื่องความอยู่รอดเหมือน 3-4 ปีก่อนนี้ ส่วนทีมจะจบตรงไหน ได้ตั๋วไปเตะบอลยุโรปหรือเปล่าต้องดูกันต่อไป
ที่อยากให้จดจำมันคือยุคเปลี่ยนถ่ายของสโมสรสีน้ำเงินแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์
มีเจ้าของใหม่ มีบอร์ดบริหารชุดใหม่และมีสนามแห่งใหม่
"ไก่ป่า"......