3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ฟอร์มยังไม่ร้อนแรง

3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ฟอร์มยังไม่ร้อนแรง
ความไม่เฉียบคมของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค เมื่อลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมกับ กาลาตาซาราย ไม่ได้สะท้อนว่านักเตะฟอร์มตก แต่เกิดจากผลงานโดยรวมที่ย่ำแย่ของ ลิเวอร์พูล

 นี่เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล แพ้ติดต่อกันภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ โดยครั้งก่อนเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมด้วยการแพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (รอบชิง คาราบาว คัพ)

 เกมแพ้ กาลาตาซาราย 0-1 เมื่อกลางสัปดาห์นี้ เป็นเพียงแมตช์ที่ 5 เท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเจาะประตูคู่แข่งได้นับตั้งแต่ที่ อาร์เน่อ สล็อต เข้ามากุมบังเหียน แต่กระนั้นสถิติแบบนี้ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าพอใจ และสะท้อนให้เห็นถึงการขาดการประสานงานของทีมโดยเฉพาะ อีซัค ที่มีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 4 ครั้งตลอด 36 นาทีที่อยู่ในสนาม จากรายงานของ FotMob 

  สถิติแบบนี้แสดงให้เห็นว่า อีซัค สัมผัสบอลเพียงครั้งเดียวทุกๆ 9 นาที เมื่อเทียบกับกองหน้าลิเวอร์พูลในเกมเยือน "เปแอสเช" เมื่อซีซั่นที่แล้ว อย่าง ดีโอโก้ โชต้า สามารถสัมผัสบอลเฉลี่ยทุกๆ 2 นาที 14 วินาที ในเกมที่ "หงส์แดง" ครองบอลเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

  มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติ หาก ลิเวอร์พูล ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งของ กองหน้าค่าตัว  125 ล้านปอนด์ (ราว 5,500 ล้านบาท) ออกมาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าเขาจะอยู่ในช่วงเรียกความฟิตก็ตาม

 แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ อีซัค ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ล่ะ ? สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ลิเวอร์พูล ไม่สามารถสร้างโอกาสได้อย่างที่พวกเขาเคยทำ

 บ่อยครั้งที่กองหน้าไม่ได้มีส่วนร่วมในเกม นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทีมล้มเหลวในการสร้างความต่อเนื่องด้านเกมรุก การสร้างโอกาสไม่เคยเป็นปัญหาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่ากองหน้าจะไม่สามารถจบสกอร์ได้ แต่ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในเกม

 สำหรับซีซั่นนี้แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะส่งผู้เล่นแนวรุกมากขึ้น และดึง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เข้ามาเสิรมแกร่ง แต่การสร้างโอกาสของทีมกลับลดลง โดยฤดูกาลที่แล้ว FotMob รายงานว่า "หงส์แดง" สร้างโอกาสใหญ่ได้ 150 ครั้งในพรีเมียร์ลีก เฉลี่ย 3.9 ครั้งต่อเกม

  ในทางกลับกัน ตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสใหญ่ได้เฉลี่ยเพียง 2.5 ครั้งต่อเกมในลีก เห็นได้ชัดที่สถิติลดลงแบบนี้เกิดขึ้นในระดับรายบุคคลด้วย โดย โม ซาลาห์ สร้างโอกาสเฉลี่ยน้อยลง 1.1 ครั้งต่อ 90 นาที เมื่อเทียบกับ 2.4 ครั้งต่อเกมเมื่อซีซั่นที่แล้ว  

2. เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสได้น้อย ?

 ตอนที่ โค้ชอาร์เน่อ เข้ามาคุมลิเวอร์พูล เขาต้องการปลูกฝังสไตล์การเล่นที่เน้นการควบคุมเกมเหนือคู่แข่งมากกว่าทีมในยุคที่เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียน ซึ่งเน้นการเล่นเกมเร็วในสไตล์ "เฮฟวี่เมทัล" 

 คำขวัญที่มักได้ยิน กุนซือหัวเหม่งชาวดัตช์ ตะโกนใส่ลูกทีมว่า "ฆ่าคู่แข่งด้วยการผ่านบอล" เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แทบจะถูกลืมไปเลยในช่วงต้นฤดูกาลนี้ ลองดูเกมครึ่งแรกของ พบ กาลาตาซาราย ทัพ "เดอะ เร้ดส์" แทบไม่สามารถครองบอลได้ และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเกมของลิเวอร์พูลซีซั่นนี้

  การขาดการควบคุมของ ลิเวอร์พูล ในบางแมตช์ของฤดูกาลนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแผนการเล่น เนื่องจากทีมคว้าตัว เวีร์ตซ์ มาร่วมทัพ ทัพ "หงส์แดง" จึงใช้แผนการเล่น 4-2-3-1 มากกว่า 4-3-3 ซึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

  ระบบนี้ใช้แผงกลางเหลือ 2 คนและการวิ่งเติมเกมรุกบ่อยครั้งของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ทำให้แนวรับของลิเวอร์พูลเปิดโหว่ ส่งผลให้ทีมคู่แข่งสามารถฉีกเกมได้บ่อยขึ้น และบอลทะลไปถึงแนวรับ นั่นจึงเป็นการหยุดการควบคุมเกมของ ลิเวอร์พูล  

 ทีมของโค้ชอาร์เน่อ ไม่ได้กดดันคู่แข่งด้วยการจ่ายบอลต่อเนื่องเหมือนเดิมอีกต่อไป แถมยังล้มเหลวในการรักษาความเข้มข้นรอบกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ อีซัค ไม่สามารถสร้างความอันตรายได้มากนัก 

3. ดึงศักยภาพสูงสุดของ ซาลาห์ ออกมาให้ได้  

 นอกจากจะเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยผลงาน 29 ประตูแล้ว ซาลาห์ ยังจบอันดับหนึ่งในตารางแอสซิสต์ด้วยผลงาน 18 แอสซิสต์ เหนือ เจค็อบ เมอร์ฟี่ย์ อันดับสองถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว 

 อย่างไรก็ตาม ฟอร์มที่ลดลงอย่างชัดเจนของ "บังโม" มีส่วนทำให้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานใน 2 เกมที่ผ่านมา แต่จริงๆ แล้วระดับฟอร์มการเล่นของเขาต่ำกว่ามาตรฐานมานานกว่าแค่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่านั้น

  ซาลาห์ ทำได้แค่สองประตูจากการออกสตาร์ต 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก เห็นได้ชัดว่า ดาวเตะชาวอียิปต์ ได้รับผลกระทบจากการถูกดันไปเล่นทางกว้างจนติดริมเส้นมากกว่าเมื่อซีซั่นที่แล้ว โดยสถานการณ์นี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อำลาทีม ซึ่งเขาเล่นได้อย่างเข้าขารู้ใจ ซาลาห์ มานานเกือบแปดปี

  การกลับมาเล่นในระบบที่ใกล้เคียงกับเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะช่วยทำให้ ซาลาห์ หวนคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง และได้รับบอลในพื้นที่อันตรายมากขึ้น จริงๆ แล้วมันก็น่าแปลกที่จำกัดบทบาทของนักเตะที่ทำประตูกับแอสซิสต์มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป 

 ดังนั้นถ้าหาก "คิง ออฟ อียิปต์" กลับมาสู่ฟอร์มที่แสนร้อนแรงอย่างเต็มที่อีกครั้ง แน่นอนว่า อีซัค จะได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ด้วย ลองนึกภาพหาก สตาร์ชาวสวีดิช ได้รับบอลสสวยๆ จาก ซาลาห์ ตัวเลขสถิติของเขาจะเจ๋งขนาดไหน



ที่มาของภาพ : reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport