กลับสู่รากฐาน! 5 แนวทาง ลิเวอร์พูล ต้องปรับเพื่อฟอร์มแข็งแกร่ง
การแพ้ 2 เกมติดต่อกันในทุกรายการของ ลิเวอร์พูล ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" เรียกร้องให้ อาร์เน่อ สล็อต พิจารณาการจัดทีมในปัจจุบันอีกครั้ง รวมทั้งการกลับมาสู่แนวทางพื้นฐานของทีม เพื่อโอกาสที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดีขึ้น
"หงส์แดง" ยังคงรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ หลังจากชนะ 5 เกม และแพ้ 1 แมตช์ ดังนั้นการพูดถึงวิกฤตจึงถือว่าเกินจริงไปหน่อย แต่กระนั้นฟอร์มการเล่นของสโมสรในช่วงที่ผ่านมายังถือว่าขาดความคงเส้นคงวา และจำเป็นต้องมีการปรับแก้เป็นการด่วน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ ยังมีสิ่งที่น่ากังวลอยู่บ้าง โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นสร้างปัญหาพอสมควร ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ โค้ชอาร์เน่อ จำเป็นต้องหาทางแก้ไขเป็นการด่วน เพื่อนำทีมกลับสู่ความแข็งแกร่งอีกครั้ง
1. เล่นระบบมิดฟิลด์ 3 ตัวเหมือนซีซั่นที่ผ่านมา
หนึ่งในปัญหาที่ ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญคือการควบคุมเกมที่ไม่ดี คู่แข่งมักสามารถฉีกเกมของพวกเขาได้บ่อยครั้ง และทำให้บอลไม่สามารถไปถึงแนวรุกได้ จึงส่งผลต่อการสร้างโอกาสในการทำประตู
ฤดูกาลนี้ "หงส์แดง" ใช้ผู้เล่นกลางสนามสองคน โดยมี ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ทำหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรุก แม้ว่า จอมทัพชาวเยอรมัน จะทำงานหนักพอๆ กับเพื่อนร่วมทีม แต่เขาไม่ได้ช่วยเล่นเกมรับได้ดีเท่ากับ เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ หรือ โดมินิค โซโบซไล
การจัด ไรอัน กราเฟนแบร์ก, "โซโบ" และ "แม็คก้า" ลงตัวจริง น่าจะช่วยให้ ลิเวอร์พูล กลับมาควบคุมเกมกลางได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคู่กลางแข็งแกร่งของ เชลซี อย่าง มอยเซส ไกเซโด้ และ เอนโซ่ เฟร์นานเดซ
2. ปรับ เวียร์ตซ์ ให้เหมาะกับระบบ
ไม่มีข้อสงสัยเรื่องที่ เวียร์ตซ์ เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่การพัฒนาของเขาอาจต้องถูกพักไว้ชั่วคราวเพื่อประโยชน์ของทีม เพราะ ณ ตอนนี้นักเตะยังไม่สามารถปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่านักเตะจะต้องหลุดจากทีมโดยสมบูรณ์ โค้ชอาร์เน่อ อาจเลือกปรับให้เขาลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายก็ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องให้เล่นทางซ้ายจริงๆ ไม่ใช่ขยับให้มายืนตรงกลางเหมือนเกมแพ้ คริสตัล พาเลซ
สำหรับตอนนี้ โค้ชอาร์เน่อ ควรพิจารณาเลิกใช้ เวิร์ตซ์ เป็นจุดศูนย์กลางของทีม อย่างน้อยก็จนกว่า เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี จะปรับตัวเข้ากับความเร็วของเกมพรีเมียร์ลีก และกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
3. ใช้งาน โรเบิร์ตสัน มากขึ้น
ลองนึกย้อนกลับไปช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ตอนที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เข้าร่วมทีม และกว่าที่นักเตะจะได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอจริงๆ ก็ต้องรอไปถึงช่วงเดือนธันวาคม และจากนั้นเขาก็ยึดตัวจริงแบบถาวร
ตอนนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้เวลาปรับตัวกับ ฟูลแบ็กชาวสกอตแลนด์ ได้อย่างยอดเยี่ยม และไม่มีเหตุผลที่ โค้ชอาร์เน่อ จะไม่ทำแบบเดียวกันกับมิลอส เคอร์เคซ ซึ่งผลงานยังไม่น่าประทับใจนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม
ฟูลแบ็กทีมชาติฮังการี ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องรับผิดชอบต่อผลงานที่ดร็อปลงไปของ "หงส์แดง" แต่จากการที่ในทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะใหม่ ดังนั้น ลิเวอร์พูล ต้องการผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากขึ้นในตำแหน่งแบ็กซ้าย
แม้ "ร็อบโบ้" จะไม่ได้เล่นได้ดีที่สุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่เขายังไม่หมดไฟ และทำผลงานได้น่าประทับใจเมื่อได้รับโอกาสลงสนามในเกมกับ แอตเลติโก มาดริด และ เบิร์นลี่ย์ ฉะนั้นการให้เขาลงสนามในเกมสำคัญวันเสาร์นี้น่าจะมีประโยชน์มากๆ กับทีม
4. ใช้งานแบ็กขวาคนเดิมอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับตำแหน่งฟูลแบ็ก ไม่ใช่แค่ปัญหาทางฝั่งซ้ายเท่านั้น เพราะฝั่งขวาก็มีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากตอนนี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถใช้งานใครสักคนลงเล่นแบ็กขวาอย่างสม่ำเสมอ นับตั้งแต่หมดยุค เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
ประเด็นแรกก็เพราะ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ กับ เจเรมี่ ฟริมปง มีปัญหาบาดเจ็บช่วงต้นซีซั่น ขณะที่ โซโบซไล ต้องลงมาทำหน้าที่ในเกมชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เบิร์นลี่ย์ ขณะที่เกมแพ้ กาลาตาซาราย "โซโบ" ต้องยืนตำแหน่งนี้อีกครั้ง เนื่องจาก ฟริมปง โดนขยับไปยืนปีกขวา
แม้ โซโบซไล จะแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมในตำแหน่งนั้น แต่การทำแบบนั้นทำให้ทีมต้องเสียสมดุลในแดนกลาง และมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กราเฟนแบร์ก ต้องเจอกับงานหนักเมื่อขาดพลังของ สตาร์ชาวฮังการี วัย 24 ปี
ฟอร์มการเล่นของ ฟริมปง ยังถือว่าน่าผิดหวังนับตั้งแต่ที่เขาหายเจ็บกลับมา ดังนั้น แบรดลี่ย์ น่าจะเหมาะสวมที่จะลงไปทำหน้าที่แบ็กขวาหมายเลข 1 ในตอนนี้ ฉะนั้น โค้ชอาร์เน่อ ควรเชื่อมั่นในตัวเขาและให้โอกาสมากขึ้น
5. ใช้งาน ซาลาห์ กลับสู่ตำแหน่งอันตรายอีกครั้ง
การยิงได้สามประตูกับสามแอสซิสต์ถือว่าเป็นผลงานที่ไม่ได้แย่อะไรเลยจากการลงสนาม 8 เกมแรก แต่หากเทียบกับฟอร์มการเล่นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อาจจะผลงานดร็อปลงไปพอสมควร
สตาร์ทีมชาติอียิปต์ ดูเหมือนยังเล่นไม่ได้เต็มที่อย่างที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ นั่นอาจเป็นเพราะตำแหน่งในการยืนของเขาก็ได้ เนื่องจากซีซั่นนี้ "บังโม" มักถูกดันให้ออกไปเล่นทางกว้าง ใกล้เส้นข้างสนาม ทำให้ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในตำแหน่งทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นการหวนกลับมาเล่นในระบบเดิมที่ใช้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะช่วยทำให้ ซาลาห์ หวนกลับมาสู่ฟอร์มที่สุดยอดอีกครั้ง การใช้จุดแข็งจากทรัพยากรที่ล้ำค่าภายในทีมถือเป็นเงื่อนไขพื้นฐานสู่ความสำเร็จ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
