ลิเวอร์พูล กำลังตกอยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่มั่นคง หลังฟอร์มการเล่นของทีมตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2025/26 ยังไม่น่าประทับใจ แม้จะเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผลงาน 2 แมตช์หลังสุดถือว่าน่าผิดหวังทั้งผลการแข่งขัน และรูปเกม !
"เดอะ เร้ดส์" เล่นได้แย่มากๆ ในแมตช์เยือน คริสตัล พาเลซ โดยโดน "ดิ อีเกิ้ลส์" ปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง แม้สุดท้ายเกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้สกอร์ 1-2 แต่ความจริงแล้วพวกเขาน่าจะเสียประตูเยอะกว่านั้นด้วยซ้ำ หากไม่ได้ อลีสซง เบ็คกอร์ ช่วยเซฟอุตลุด
ขณะที่แมตช์เยือน กาลาตาซาราย ทีมก็เล่นแบบสะเปะสะปะ เกมรับหละหลวมเล่นผิดพลาดหลายครั้งโดยเฉพาะ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ส่วนเกมรุปเล่นแบบไม่ปะติดปะต่อ ขาดทั้งความแม่นยำในการส่งบอล และไร้ซึ่งความเฉียบคมในการจบสกอร์
ตอนนี้ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์มีโจทย์ 5 ข้อใหญ่ที่จะต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด เพราะแมตช์ต่อไปพวกเขาต้องออกไปเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม หากไม่สามารถแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้ งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" อาจได้เห็นทีมรักแพ้ 3 เกมติดต่อกันก็ได้ !!!
1. เกมรับที่แสนอ่อนยวบ
ลิเวอร์พูลสูญเสียความเหนียวแน่นและการคุมเกมที่เคยเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของพวกเขาเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในช่วง 10 นัดแรกของซีซั่นนี้ พวกเขาเก็บคลีนชีตได้เพียง 2 ครั้ง เมื่อเทียบกับ 6 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาล 2024-25
การยิงประตูชัยช่วยท้ายเกมในแมตช์ชนะ บอร์นมัธ, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แอตเลติโก มาดริด ช่วยกลบจุดอ่อนหลังจากที่พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งไล่ตามทันจากการนำ 2-0 แต่โดยรวมแล้วทีมเล่นเปิดเกมมากเกินไป และเปราะบางทั้งต่อการสวนกลับ และลูกตั้งเตะ
โกนาเต้ ผลงานช่วงต้นซีซั่นแย่สุดๆ ก่อนจะเรียกฟอร์มกลับมาทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งหลายเกม ทว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์มหลุดน่าใจหาย เพราะทำผิดพลาดหลายครั้งในเกมกับ พาเลซ และ กาลาตาซาราย โดยเฉพาะจังหวะจ่ายบอลไม่ดี จนทีมเสียกระบวนและนำไปสู่อาการบาดเจ็บของ อลีสซง ซึ่งช่วยเซฟจังหวะนั้น
ตอนนี้ โค้ชอาร์เน่อ ต้องคิดหนักเพราะผลงานของ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส ในเวลานี้ค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่ถ้าเลือกจะดร็อปนักเตะ ทีมก็เหลือตัวเลือกแค่ โจ โกเมซ เท่านั้น
ส่วนตำแหน่งฟูลแบ็กก็เป็นอีกปัญหา เนื่องจากแบ็กขวาอย่าง เจเรมี่ ฟริมปง และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอย การใช้งาน โดมินิค โซโบซไล ผลงานก็ไม่แน่นอน ล่าสุดก็มีส่วนทำให้ทีมเสียจุดโทษแพ้ กาลาตาซาราย
ส่วนแบ็กซ้ายต้องยอมรับว่า มิลอส เคอร์เคซ ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยเกมรับก็ไม่แข็งแกร่ง ส่วนเกมรุกก็เปิดบอลไม่ดี วิ่งทะลุทลวงก็ไม่ได้ งานนี้อาจได้เห็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กลับมาประจำการตำแหน่งนี้อีกครั้ง
2. โรเตชั่นผิดพลาด
โค้ชอาร์เน่อ มีขุมกำลังเชิงลึกที่น่าสนใจอย่างมาก และต้องบอกว่าเป็นขุมกำลังที่ดีกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังสโมสรทุ่มเงินสร้างทีมถึง 449 ล้านปอนด์ (ราว 19,756 ล้านบาท) ในช่วงซัมเมอร์นี้
หากจำกันได้ "หงส์แดง" ฟอร์มแผ่วลงไปเยอะมากในช่วงท้ายของซีซั่น 2024/25 เนื่องจากทีมมีขุมกำลังค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องใช้ผู้เล่นเดิมๆ และใช้งานนักเตะแกนหลักมากเกินไป จนนำไปสู่อาการล้า
เกมกับ กาลาตาซาราย เห็นได้ชัดว่าทีมมีการโรเตชั่นจากแมตช์แพ้ พาเลซ ด้วยการส่ง อูโก้ เอกิติเก้, ฟริมปง, โกดี้ คักโป และ เคอร์ติส โจนส์ ลงตัวจริง ที่น่าสนใจก็คือการพัก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ประจำทีม
สำหรับการดร็อป "บังโม" กลายเป็นว่าทีมขาดสมดุลในเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด ฟริมปง ไม่สามารถทดแทนตำแหน่งได้เลย แม้เขาจะมีความรวดเร็ว แต่บ่อยครั้งการเปิดบอลไม่มีความเฉียบคม
เมื่อหนึ่ง ปีก่อน โค้ชอาร์เน่อ ได้ประโยชน์อย่างมากจากความต่อเนื่องในทีม แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ามารับงานใหม่ แต่ผู้เล่นที่เขาได้รับมรดกมาจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ต่างเล่นได้อย่างเข้าขาและรู้ใจกันเป็นอย่างดี
ในฤดูกาลที่สองของเขา ความท้าทายช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะการที่ทีมมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "หงส์แดง" มจะดูขาดความลงตัว นักเตะหน้าใหม่ยังคงปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ และความสัมพันธ์ในสนามก็ยังอยู่ระหว่างการสร้างขึ้น ซึ่งปรากฏชัดให้เห็นในฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา
3. เวียร์ตซ์ และสมดุลในแดนกลาง
ตอนนี้หนึ่งในนักเตะที่โดนวิจารณ์อย่างหนักคงหนีไม่พ้น ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพราะนับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาล นักเตะยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยที่เล่นให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เลย
ตอนนี้ เวียร์ตซ์ ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 8 เกมในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ยังไม่มีทั้งประตู หรือแอนซิสต์ นั่นทำให้เจ้าตัวโดนวิจารณ์อย่างหนักว่าเล่นไม่คุ้นกับตัวเลข 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) ที่ทีมจ่ายให้ทัพ "ห้างขายยา"
กระนั้นอย่าลืมว่านักเตะเพิ่งอายุ 22 ปี และย้ายจากถิ่นกำเนิดในเยอรมนีเป็นครั้งแรก การต้องปรับตัวกับประเทศใหม่, ภาษาใหม่ และสไตล์การเล่นใหม่ นั่นทำให้เขาต้องการเวลา ด้วยเหตุนี้แฟนหงส์จึงน่าจะเข้าใจเหตุผลที่ โค้ชอาร์เน่อ พยายามจับเขาเล่น เพราะถ้านักเตะจับจังหวะการเล่นได้เมื่อไหร่ งานนี้ "เดอะ เร้ดส์" อันตรายแน่นอน
สิ่งที่น่าจะทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" มีความหวังก็คือข้อมูลที่น่าสนใจจาก Opta เกี่ยวกับการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมจบกสอร์ จะเห็นได้ชัดว่า เวียร์ตซ์ เป็นแข้งในพรีเมียร์ลีกที่มีสถิติสูงสุดจำนวน 21 ครั้ง เพียงแต่มันยังไม่เปลี่ยนเป็นประตูหรือแอสซิสต์เท่านั้น
ฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมมักใช้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ยืนกลางรับโดย อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โซโบซไล หรือ โจนส์ ทำหน้าที่อยู่ข้างหน้า แต่สมดุลดังกล่าวเปลี่ยนไปเพราะ "โซโบ" จำเป็นต้องลงไปยืนแก้ปัญหาแบ็กขวา ส่วน แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ฟิตเต็มร้อยทำให้ฟอร์มยังไม่โดดเด่นเหมือนเก่า
4. แนวรุกฟอร์มฝืด
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะครองบอลได้ถึง 67 เปอร์เซนต์ และสร้างโอกาสในการยิงประตู (xG) 1.78 เทียบกับ 1.32 ของคู่แข่ง พวกเขาควรจะได้ผลการแข่งขันที่ดีบ้าง แต่เหตุผลที่ไม่ได้เพราะใช้โอกาสเปลืองในพื้นที่สุดท้าย
แมตช์ล่าสุด เอกิติเก้ กลับมายืนตัวจริงหลังไม่ได้เล่นในเกมแพ้ พาเลซ เพราะติดโทษแบน โดยฟอร์มของเขาในเกมกับ กาลาตาซาราย ค่อนข้างน่าสนใจในช่วงต้นเกม และมีโอกาสจบสกอร์แต่ทำไม่ได้
หลายเกมที่ผ่านมา สตาร์ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส ทำผลงานได้ดีฉลาดในการเล่น และเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีมได้ยอดเยี่ยม ที่สำคัญยิงประตูได้บ่อยๆ แต่สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงก็คือการใช้โอกาสเปลืองไปหน่อย
ขณะที่ อเล็กซานเดอร์ อีซัค สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเต็มร้อย โดยบางจังหวะถ้าหากเป็นช่วงที่ฟิตเต็มถัง เจ้าตัวซัดตุงตาข่ายไปแล้ว ฉะนั้น ณ ตอนนี้สิ่งที่โค้ชอาร์เน่อ ต้องทำก็คือพยายามสร้างความฟิตให้กับนักเตะให้เร็วที่สุด
ในส่วนของ ซาลาห์ ซึ่งฟอร์มไม่ร้อนแรงเหมือนหลายๆ ซีซั่นที่ผ่านมา โดนวิจารณ์ว่าไม่แกร่งอีกต่อไปแล้ว แต่ทีมยังต้องพึ่งพาเขาทางฝั่งขวา สำหรับ คักโป มักจะโดนตำหนิเรื่องสไตล์การเล่นแบบเดิมๆ ที่คู่แข่งจับทางได้ ฉะนั้นเฮดโค้ชหัวเหม่งอาจมีการปรับเปลี่ยนใช้งาน เอกิติเก้ หรือ เวียร์ตซ์ ทางฝั่งซ้ายในอนาคต
ที่น่าสนใจก็คือถ้า เฟเดรีโก้ เคียซ่า ฟิตสมบูรณ์ งานนี้อาจได้เห็นสตาร์ชาวอิตาเลียนได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ได้ เพราะฟอร์มของเจ้าตัวในช่วงที่ผ่านมาถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
5. การตัดสินใจเลือกทีมที่ดีที่สุด
ณ ตอนนี้ ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีขุมกำลังเชิงลึกที่น่าสนใจมากๆ แต่ประเด็นก็คือ โค้ชอาร์เน่อ ยังไม่กล้าตัดสินใจในการเลือกไลน์อัพที่ดีที่สุดที่จะใช้เป็นทีมหลักในการไล่ล่าความสำเร็จซีซั่นนี้
สถานการณ์หนักที่เขาต้องเขาต้องเจอก็คือการที่จะไม่มี อลีสซง 8 นัดรวมทุกรายการหลังได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาระหว่างแมตช์แพ้ กาลาตาซาราย ดังนั้น จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ จะได้รับโอกาสพิสูจน์ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่
ขณะที่ฟูลแบ็กทั้งขวาและซ้าย แม้ผลงานยังไม่ตอบโจทย์ระหว่าง แบรดลี่ย์ กับ ฟริมปง แต่ถ้าต้องเลือก 1 คนคาดว่าควรให้โอกาส แบรดลี่ย์ เพราะคุ้นเคยกับทีมและมีประสบการณ์มากกว่า ส่วน ฟริมปง ควรปรับตัวอีกสักระยะ หรืออาจใช้งานนักเตะไปเล่นปีกขวา แทน "บังโม" ในบางแมตช์
สำหรับแบ็กซ้ายเชื่อว่าสาวก "เดอะ ค็อป" อยากเห็น โรเบิร์ตสัน ลงสนามมากกว่า เคอร์เคซ เพราะฟูลแบ็กชาวฮังการี ไม่มีทีเด็ดอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นการเปิดบอล, การขึ้นเกมรุก และการเล่นเกมรับ
แดนกลางตอนนี้ กราเฟนแบร์ก คือตัวหลัก ขณะที เวียร์ตซ์ อาจต้องใช้เวลาแต่น่าจะให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โซโบซไล เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นศูนย์กลางในแผงมิดฟิลด์ เพราะ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังไม่พร้อมทั้งเรื่องฟอร์มการเล่น และความฟิต
สำหรับเกมรุกงานนี้หลายคนอาจได้เห็น เอกิติเก้ ได้เล่นร่วมกับ อีซัค โดยมี ซาลาห์ ยืนฝั่งขวา ขณะที่ คักโป ควรนั่งเป็นสำรองบ้าง แต่ที่น่าสนใจก็คือ ริโอ เอ็นกูโมฮา มีสิทธิ์ที่จะสร้างเซอร์ไพรส์หากเขายกระดับฝีเท้าได้อย่างต่อเนื่อง