นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือในปี 2013 หลังคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มานาน 26 ปี ผีแดง ตนนี้ยังไม่อาจกลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมได้สักที
ตราบถึงขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ 13 ครั้งซึ่งเป็นผลงานของอดีตผู้จัดการทีมชาวสกอตต์แต่เพียงผู้เดียวโดยนับจากนั้นมาไม่มีกุนซือคนไหนสร้างผลงานเจริญรอยตามป๋าได้เลย
นอกจากแชมป์ลีกเมืองผู้ดีแล้ว เฟอร์กี้ นำโทรฟี่ฟุตบอลถ้วยในประเทศมามอบให้สโมสรอีกเก้ารายการ รวมถึงแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกสองหน
หลังประกาศอำลาตำแหน่ง เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเลือกคนบ้านเดียวกันอย่าง เดวิด มอยส์ มาสานงานต่อ แต่เหมือนเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้ ผีแดง ตกต่ำมาจนบัดนี้
กระทั่งล่าสุด รูเบน อโมริม สร้างผลงานเลวร้ายอย่างสุดขั้วเหนือกว่ากุนซือ เร้ด เดวิลส์ ทุกรายหลังพ้นยุคสงครามโลกครั้งที่สองแม้สื่อจะเผยว่าบอร์ดของทีมยังสนับสนุนให้เขาทำงานต่อ
สำหรับประเด็นนี้ บ้างก็ว่า เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วม แมนฯ ยูไนเต็ด ถือหางผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีสอย่างเต็มที่หลังเทเงินเสริมทัพให้เขาจึงพร้อมอดทนรอดูผลงานต่อไปจนจบซีซั่น
ขณะเดียวกัน บ้างก็มองว่ามหาเศรษฐีที่เข้ามาเซฟรายจ่ายให้ทีมแบบอุตลุดไม่ต้องการควักเงินชดเชยในการปลด อโมริม จึงทำให้เขาได้ทำงานต่อแม้สโมสรจะประสบกับความขายหน้าก็ช่างปะไร
จะอย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวาระที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวกุนซืออีกราย เราจะย้อนกลับไปดูว่าเท่าที่ผ่านมาพวกเขาจ่ายเงินชดเชยในการตะเพิดนายใหญ่แต่ละคนเป็นจำนวนเท่าไหร่โดยในรายของป๋า เฟอร์กี้ ได้รับมอบเงินเป็นจำนวน 2.4 ล้านปอนด์จากสโมสรด้วยแม้จะเขาประกาศอำลาตำแหน่งก็ตาม
- เดวิด มอยส์ (2013-2014)
ถูกเลือกให้เป็นทายาทของ เฟอร์กูสัน โดยอำลา เอฟเวอร์ตัน มารับตำแหน่งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เดือนเม.ย.2014
ไม่อาจสร้างผลงานได้ดีพอ และโดนปลดออกจากตำแหน่งในเวลาเพียง 10 เดือน
คุมทีมชนะ :53% ,เงินชดเชย :5.2 ล้านปอนด์
- หลุยส์ ฟาน กัล (2014-2016)
ถูกดึงมารับงานต่อจาก มอยส์ หลังจบศึก ฟุตบอลโลก 2014 โดยกุนซือดัตช์พาทีม อัศวินสีส้ม คว้าอันดับสาม
กระเด็นออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเวลาสองปีแม้จะพาทีมซิวโทรฟี่ เอฟเอ คัพ ได้ในปี 2016 จากการเฉือนชนะ คริสตัล พาเลซ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ด้วยประตูชัยของ เจสซี่ ลินการ์ด
คุมทีมชนะ :52.40% , เงินชดเชย : 8.4 ล้านปอนด์
- โชเซ่ มูรินโญ่ (2016-2018)
แยกทางกับ เชลซี หนสอง และเข้ารับตำแหน่งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนพ.ค.2016 โดยเซ็นสัญญาสามปี
ไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้เช่นกัน และโดนปลดในเดือนธ.ค.2018 โดยเป็นกุนซือที่ได้ค่าชดเชยจากสโมสรสูงที่สุด
คุมทีมชนะ : 58.30% , เงินชดเชย :19.6 ล้านปอนด์
- โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (2018-2021)
เคยเป็นนายใหญ่ทีมสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนย้ายไปคุมทีม โมลด์ และ คาร์ดิฟฟ์ แล้วได้กลับมาคุมทีม ผีแดง แบบขัดตาทัพแทน มูรินโญ่ ก่อนซิวสัญญาอย่างถาวร
พ้นไปจากตำแหน่งในเดือนพ.ย.2021 โดยมี ไมเคิ่ล คาร์ริค รับงานแทนแบบขัดตาทัพ
คุมทีมชนะ : 54.10% , เงินชดเชย : 9.1 ล้านปอนด์
- ราล์ฟ รังนิก (2021-2022)
อดีตกุนซือทีม แอร์เบ ไลป์ซิก ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวในตอนแรกพร้อมพ่วงสัญญาที่ปรึกษาของสโมสรสองปี
หลังคุมทีมเหลวไม่เป็นท่า กุยซือด๊อยทช์ก็ตัดสินใจไม่ไปต่อพร้อมยกเลิกตำแหน่งที่ปรึกษาด้วยก่อนหันไปคุมทีมชาติ ออสเตรีย
คุมทีมชนะ : 38%, เงินชดเชย : 14.7 ล้านปอนด์
- เอริค เทน ฮาก (2022-2024)
สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ อาแจ็กซ์ ทีมในบ้านเกิดกระทั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงเขามารับงานในเดือนเม.ย.2022
ถูกปลดในเดือนต.ค.2024 โดยที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ผู้ช่วยได้คุมทีมแทนเป็นการชั่วคราวแม้จะพาทีมซิวแชมป์ คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ ได้ในซีซั่น 2022/23 และ 2023/24
คุมทีมชนะ : 54.70% , เงินชดเชย :10.4 ล้านปอนด์
- รูเบน อโมริม (2024-ปัจจุบัน
ย้ายมารับงานใน พรีเมียร์ลีก หลังสร้างชื่อกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้อย่างน่าฮือฮาโดยจรดปากกากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปจนถึงเดือนมิ.ย.2027
กลายเป็นผู้จัดการทีมที่ล้มเหลวกับ ปีศาจแดง ขณะที่สื่อบางสำนักอ้างว่ามีค่าชดเชย 12 ล้านปอนด์หาก เร้ด เดวิลส์ ตัดสินใจแยกทางกับเขา
คุมทีมชนะ : 27.30% ,เงินชดเชย :-