ทำไมสถิติของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ถึงสะท้อนปัญหาใหญ่ในแนวรุก ลิเวอร์พูล

ทำไมสถิติของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ถึงสะท้อนปัญหาใหญ่ในแนวรุก ลิเวอร์พูล
ค่ำคืนที่ อิสตันบูล เสียงกองเชียร์ กาลาตาซาราย ดังกึกก้องทั้งสนาม กองหน้าค่าตัว 125 ล้านปอนด์อย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ลงมาในครึ่งหลังท่ามกลางความหวังว่าจะเปลี่ยนเกม

แต่ภาพที่เราเห็นกลับตรงกันข้าม เขายืนเงียบ ๆ อยู่แดนบน รอเพื่อนป้อนบอลเหมือนคนถูกตัดขาดออกจากเกม

36 นาทีบนสนาม มีบอลมาถึงเท้าเพียง 4 ครั้ง เฉลี่ยทุก ๆ 9 นาทีถึงจะได้สัมผัสหนึ่งครั้ง 

ตัวเลขนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่แค่เรื่องของกองหน้าที่ปรับตัวไม่ทันหรือยังไร้ความฟิต แต่มันสะท้อนปัญหาตรงระบบเกมรุกที่ยังหาความลงตัวไม่เจอ

เกมนี้ กาลาตาซาราย เก็บคลีนชีตได้เป็นครั้งแรกในรอบ 24 นัดบนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ฝั่ง ลิเวอร์พูล นี่เป็นเพียงครั้งที่ 5 เท่านั้นที่พวกเขายิงประตูไม่ได้ภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชอาร์เน่อ และเป็นครั้งที่สองที่ทีมแพ้ติดต่อกันในยุคกุนซือดัตช์

เมื่อย้อนเทียบกับฤดูกาลก่อน ตัวเลขชัดเจนยิ่งกว่า ดิโอโก้ โชต้า เคยสัมผัสบอลทุก 2 นาที 14 วินาทีในเกมที่แพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ทั้งที่วันนั้น ลิเวอร์พูล ครองบอลแค่ 30% แต่ยังหาทางพาเขามีบทบาทได้ 

ส่วน อิซัค กลับแทบไม่มีส่วนร่วมเลย ทั้งที่ทีมครองเกมมากกว่า

ฤดูกาลก่อน ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสแบบจะแจ้ง (Big Chances) ในลีกได้มากถึง 150 ครั้ง หรือเฉลี่ยเกือบ 4 ครั้งต่อเกม แต่ซีซันนี้ลดลงเหลือเพียง 2.5 ครั้งต่อเกม นี่คือสิ่งที่พอจะบอกได้ว่าทีมขาดความลื่นไหลในการเข้าทำ

เจาะไปที่รายคน โม ซาลาห์ ฤดูกาลก่อนสร้างโอกาสได้ 2.4 ครั้งต่อ 90 นาที ปีนี้เหลือเพียง 1.3 ซึ่งสาเหตุหลักคือการถูกขยับไปเล่นกว้างขึ้น รวมถึงการขาดคู่หูอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เคยสร้างจังหวะร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดเกือบ 8 ปี

...

"นี่มันบาสเก็ตบอล ไม่ใช่ฟุตบอล" เจมี่ คาร์ราเกอร์ บรรยายหลังเกมที่ ตุรกี ได้อย่างตรงไปตรงมา 

ครึ่งแรกคือการแลกหมัดเหมือนบาสเก็ตบอล ไม่มีทีมไหนควบคุมเกมได้จริง ๆ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล เจอภาพนี้ในฤดูกาลปัจจุบัน

ซีซั่นก่อน อาร์เน่อ พยายามสร้างสมดุล ลดความบ้าคลั่งของ เกเก้นเพรสซิ่ง แล้วทดแทนด้วยการครองบอลและควบคุมจังหวะ ทว่าปีนี้ ลิเวอร์พูล กลับไปสู่เกมเปิดหน้าแลกอีกครั้ง

สถิติชัดเจน ความเร็วในการเคลื่อนบอลจากแดนหลังเพิ่มจาก 1.75 เมตรต่อวินาที เป็น 1.82 และจำนวนการเสียบอลเฉลี่ยต่อเกมเพิ่มจาก 123 ครั้งเป็น 130 ครั้ง ซึ่งคือสิ่งที่ทำให้ทีมเสียการควบคุมในจังหวะสำคัญ

การเข้ามาของ อูโก้ เอกิติเก้, เจเรมี่ ฟริมปง และ มิลอส เคอร์เคซ คือการยืนยันว่า ลิเวอร์พูล กำลังกลับไปเล่นเกมรุกดุดัน แต่สิ่งที่แลกมาก็คือความสมดุลที่หายไป

การขยับ โดมินิค โซโบซไล ไปยืนแบ็กขวาเพราะเป็นนักเตะที่เก็บบอลกลับได้มากที่สุดในทีม (5 ครั้งต่อ 90 นาที) ก็เหมือนการดัดแปลงให้ทีมพอไปได้ แต่ในภาพรวม ระบบที่เสี่ยงเกินไปยังเปิดพื้นที่ด้านหลังให้คู่แข่งโจมตีได้บ่อยครั้ง

...

เมื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ถูกเสริมเข้ามา ระบบจึงเปลี่ยนใกล้เคียง 4-2-3-1 มากกว่า 4-3-3 ที่เคยเป็นจุดแข็ง 

การมีมิดฟิลด์กลางสนามลดลง ทำให้ช่องว่างเปิดมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เติมเกมรุกบ่อยกว่าเดิม คู่แข่งจึงหาทางโต้กลับได้ง่าย

ผลลัพธ์คือ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถฆ่าคู่แข่งด้วยการจ่ายบอลอย่างที่ อาร์เน่อ เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามา

ฤดูกาลก่อน โม ซาลาห์ ไม่เพียงยิงไป 29 ประตู แต่ยังแอสซิสต์อีก 18 ครั้ง มากที่สุดในลีก รวมแล้วมากกว่าทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป แต่ฤดูกาลนี้เขากลับฟอร์มตกลง ยิงจากโอเพ่นเพลย์ได้เพียงลูกเดียวจาก 6 นัดแรกในลีก

หาก ซาลาห์ ยังไม่ถูกดึงกลับไปสู่บทบาทที่เหมาะสม แนวรุกของ ลิเวอร์พูล ก็ยากจะกลับมาอันตรายเหมือนเดิม และ อิซัค จะยังคงถูกตัดขาดจากเกม

ตอนนี้ปัญหาของ ลิเวอร์พูล คือระบบยังไม่ลงล็อกเกมรุกไม่สร้างโอกาสเหมือนเดิม 

ซาลาห์ ยังไม่กลับสู่จุดที่เคยเฉียบคม และ อิซัค ก็ดูเป็นเพียงกองหน้าที่รอบอลอย่างไร้ความหมาย

โจทย์ใหญ่ที่สุดของ อาร์เน่อ คือการหาสมดุลระหว่างแท็กติกที่เขาเชื่อ กับการดึงศักยภาพสูงสุดของผู้เล่นที่มีอยู่ในมือ หากเขาทำได้ 

บางครั้งตัวเลขที่โหดร้ายก็เป็นเพียงช่วงหนึ่งของเส้นทาง ฤดูกาลยังอีกยาวไกล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล ต้องสะดุดระหว่างทาง ประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้เต็มไปด้วยการลุกขึ้นกลับมาได้เสมอ

อเล็กซานเดอร์ อิซัค อาจถูกจดจำว่าเป็นกองหน้าที่สัมผัสบอลน้อยที่สุดในค่ำคืนนั้น แต่ถ้า อาร์เน่อ หาความลงตัวเจอ วันหนึ่งสถิติเดียวกันนี้อาจถูกพลิกกลับกลายเป็นหลักฐานว่า ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ตรงจุดนี้

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : Getty Image
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport