ลิเวอร์พูล กับคำตอบที่ยังหาไม่เจอ

ลิเวอร์พูล กับคำตอบที่ยังหาไม่เจอ
ความพ่ายแพ้ต่อ กาลาตาซาราย 0-1 ที่ อิสตันบูล ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขบนสกอร์บอร์ด แต่คือภาพสะท้อนปัญหาหลายมิติของ ลิเวอร์พูล ทั้งการโรเตชั่น, ความสมดุลทีม, อาการบาดเจ็บ และมาตรฐานการตัดสิน

11 ตัวจริงที่ถูกจัดมาแบบน่าประหลาดใจในคืนวันอังคาร ทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นั่งสำรอง, เจเรมี่ ฟริมปง ออกสตาร์ตปีกขวา และ โดมินิค โซโบซไล ถูกถอยไปยืนเป็นแบ็กขวา

ผลงานที่ตามมาจึงเต็มไปด้วยความไม่เข้ากัน ลิเวอร์พูล พยายามต่อบอลขึ้นจากแดนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับติดกับดักการเพรสซิ่งอันดุดันของ กาลาตาซาราย และเสียการครองบอลตรงแดนกลางบ่อยครั้ง คล้ายกับเกมสุดสัปดาห์ที่เจอ คริสตัล พาเลซ ลิเวอร์พูล น่าจะเสียประตูมากกว่านี้แล้วด้วยซ้ำ หากไม่ได้การเซฟสำคัญจาก อลีสซง เบ็คเกอร์

ลิเวอร์พูล ยังขาดความเข้มข้นตลอดทั้งเกม แนวทางการทำเกมรุกที่พอจะฝากความหวังได้มีเพียงการวางบอลยาวไปให้ อูโก้ เอกิติเก้ ใช้ความเร็วและการวิ่งทะลุแนวรับสร้างความกดดันเท่านั้น

ต่อมาเฮดโค้ชอาร์เน่อ จึงต้องเลือกแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวสามคนพร้อมกันในนาทีที่ 60 เพื่อหวังจุดประกาย แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเกมยิ่งเล่นก็ยิ่งขาดความต่อเนื่อง

อาร์เน่อ เองยอมรับหลังเกมว่าเขาผิดหวัง แต่ก็พยายามแยกความแตกต่างจากนัดแพ้ คริสตัล พาเลซ

"เกมนี้เรามีหลายอย่างที่โอเคกว่า โดยเฉพาะครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังมันยากขึ้นเรื่อย ๆ คู่แข่งสู้เต็มที่จริง ๆ และเกมมันหยุดบ่อย บอลไม่ค่อยได้อยู่ในการเล่นเลย"

เกมนี้ ลิเวอร์พูล ปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายคน ซึ่ง อาร์เน่อ ยืนยันว่าเหตุผลไม่ได้อยู่ที่ฟอร์มการเล่นของแต่ละคน หากแต่เป็นความจำเป็นด้านสภาพร่างกาย

"เรามีนักเตะ 2-3 คนที่ไม่ได้ซ้อมปรีซีซันเต็มที่ เราเลยส่งเขาลงทุกนัดไม่ได้ ถามว่าส่งได้ไหม? ได้นะ แต่เสี่ยงเจ็บมากขึ้น… บางครั้งผมไม่ได้อยากโรเตชั่น แต่เราจำเป็นต้องทำ"

อูโก้ เอกิติเก้, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ คือกลุ่มนักเตะที่ไม่ได้มีช่วงปรีซีซั่นแบบเต็มที่

ขณะที่ มิลอส เคอร์เคซ เอง ร่างกายก็ยังไม่พร้อมสำหรับการลงเล่น 3 นัดใน 7 วัน ไม่เหมือนตอนอยู่ทีมเก่า บอร์นมัธ ที่ส่วนใหญ่เตะ 7 วันครั้ง

สิ่งนี้สะท้อนปัญหาสำคัญของ ลิเวอร์พูล (เฉพาะในตอนนี้) ที่ทีมยังมีขุมกำลังไม่ได้กว้างพอ เมื่อมีนักเตะเจ็บ 2-3 คน เหลือผู้เล่นให้เลือกจริง ๆ แค่ 15-16 คน การจัดการโปรแกรมที่ถี่ยิบจึงเต็มไปด้วยความเสี่ยง

จังหวะเสียจุดโทษคือจุดเปลี่ยนใหญ่ นี่คือสิ่งที่ พรีเมียร์ลีก กับฟุตบอลยุโรปแตกต่าง

ใน อังกฤษ จังหวะแบบนี้แทบไม่ถูกให้ แต่กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้ามีการโดนตัว ผู้ตัดสินมักตัดสินทันที และ VAR ก็ไม่อาจกลับคำได้ง่าย ๆ

อาร์เน่อ พูดประชดเล็กน้อยว่า "ถึงแม้ VAR จะกลับคำตัดสินตอนเราจะได้จุดโทษท้ายเกมก็เถอะ… แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ"

นอกจากสกอร์ที่ไม่เป็นใจ ลิเวอร์พูล ยังต้องเผชิญปัญหาผู้เล่นเจ็บเพิ่ม

อลีสซง คือรายใหญ่ที่สุด อาร์เน่อ บอกว่า "ตอนที่เขาสปรินต์ถอยกลับ เขารู้สึกเจ็บขึ้นมา ผมบอกรายละเอียดไม่ได้ แต่ถ้านักเตะของเราล้มลงไปเมื่อไหร่ ผมคิดถึงเรื่องแย่ที่สุดไว้ก่อนเสมอ คือเขาเล่นต่อไม่ไหวแน่นอน" พร้อมกับยืนยันเกือบ 100% ว่าจะพลาดเกมเยือน เชลซี

อูโก้ เอกิติเก้ เองก็เจ็บจากจังหวะยืดตัวเล่นบอล แต่คาดว่าน่าจะเป็นแค่อาการตะคริวถามหา

การที่ โซโบซไล ถูกขยับไปเป็นแบ็กขวา และ ฟริมปง ขึ้นสูงเหมือนวิงแบ็ก เป็นอีกจุดที่หลายคนตั้งคำถาม 

อาร์เน่อ ชี้แจงว่า "ฟริมปง เคยเล่นตรงนี้ตั้งแต่ เลเวอร์คูเซ่น แล้ว และเล่นให้ทีมชาติด้วย นี่คือตำแหน่งที่เขาชอบ ส่วน ดอม ถูกดันเข้ากลาง มันคือการทดลองที่ผมค่อนข้างพอใจกับฟอร์มครึ่งแรกนะ"

คำตอบนี้สะท้อนว่า อาร์เน่อ ยังคงอยู่ในโหมดลองเพื่อหาสูตรผสมที่ลงตัว แต่คำถามคือ เขาจะมีเวลามากพอไหมในสถานการณ์ที่ผลการแข่งขันเริ่มกดดัน?

การแพ้สองเกมติดกันแสดงให้เห็นว่า ทีมนี้ยังไม่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ความต่อเนื่องยังไม่มา, ความสมดุลยังไม่เจอ และอาการบาดเจ็บเริ่มเข้ามา

จากนี้ตารางจะโหดขึ้น เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และเกมยุโรปที่รออยู่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องหาคำตอบให้เร็ว เพราะในโลกฟุตบอล เวลาที่ขอปรับทีมอาจสั้นกว่าที่คิด

คำถามคือ… อาร์เน่อ จะหาคำตอบเจอก่อนปัญหาเล็ก ๆ ลุกลามเป็นวิกฤติใหญ่หรือไม่?

#HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : Gettyimages
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport