บทเรียนที่อาจชี้ชะตาเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก

บทเรียนที่อาจชี้ชะตาเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก เพิ่งผ่านพ้นสัปดาห์ที่ทำให้คำว่าลูกตั้งเตะ กลายเป็นคำต้องห้ามสำหรับแฟน ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง

เกมที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ตอกย้ำจุดอ่อนที่ถูกพูดถึงมานับตั้งแต่เปิดฤดูกาล และที่เจ็บกว่าคือ อาร์เซน่อล คู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรงกลับใช้สิ่งเดียวกันเป็นอาวุธพลิกสถานการณ์ได้ทันที

สองประตูที่เสียให้ คริสตัล พาเลซ ต่างมาจากลูกตั้งเตะ และมันคือการเตือนซ้ำว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับปัญหานี้ แม้เกมโอเพ่นเพลย์จะเหนือกว่า แต่มันก็ไร้ความหมายเมื่อพลาดจังหวะที่ควรจะควบคุมได้

สิ่งที่บาดลึกย้ำลงไป คือวันต่อมา อาร์เซน่อล บุกเยือน นิวคาสเซิ่ล แม้ถูกนำก่อน แต่กลับใช้ลูกเตะมุมเป็นอาวุธพลิกแซงชนะ 2-1 

สามแต้มที่หล่นหายไปจากมือ ลิเวอร์พูล กลายเป็นการส่ง อาร์เซน่อล ขึ้นมาไล่หายใจรดต้นคอแบบจัง ๆ

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ทำประตูจากเซตเพลย์ได้เพียง 1 ลูก ซึ่งมันเป็นลูกฟรีคิกโดยตรงของ โดมินิค โซโบซไล ขณะเดียวกัน 4 ประตูคือจำนวนที่เสียไป น้อยกว่าแค่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมเดียว

ตรงข้ามกับ อาร์เซน่อล ที่สอยประตูจากลูกตั้งเตะไปแล้วถึง 7 ลูก และเสียเพียง 2 ลูก ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่าความแตกต่างกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญบนเส้นทางลุ้นแชมป์

แม้โอกาสจะมีให้เห็น ตัวเลข xG ของ ลิเวอร์พูล จากลูกเซตเพลย์อยู่ที่ 2.06 แต่กลับเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ เทียบกับ อาร์เซน่อล ที่ 4.11 

เมื่อถูกถามถึงจุดอ่อนนี้ เฮดโค้ชอาร์เน่อ ตอบตอนแถลงข่าวก่อนเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบตรงไปตรงมา 

เขามองว่าปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่ที่แนวรับหรือการเปลี่ยนฟูลแบ็ก แต่เป็นเรื่องของทั้งทีม

"เรายอมรับว่าเสีย 4 ประตูจากลูกตั้งเตะ แต่ถ้าดูจริง ๆ มันไม่ได้เกิดจากฟูลแบ็ก มันคือการทำงานของทีมมากกว่า…เมื่อฤดูกาลก่อนเรามีจุดแข็งที่แทบไม่เสียประตูจากลูกเซตเพลย์ ปีนี้เรากลับเป็นอีกอย่าง แม้ว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแท็กติกอะไรเลย"

อาร์เน่อ เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงโชคร้ายในระยะสั้น แต่ก็ยอมรับว่าทีมต้องเร่งแก้ไข เพราะ พรีเมียร์ลีก ทุกวันนี้ ลูกตั้งเตะคือตัวตัดสินที่ซ่อนอยู่ในเกม และมันสามารถตัดสินผลการแข่งขันได้โดยตรง

เฮดโค้ช ลิเวอร์พูล ยังขยายความไปถึงภาพใหญ่ เขายกตัวอย่างเกม เบรนท์ฟอร์ด-แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตลอด 25 นาทีที่เขาดูนั้น การเล่นลูกทุ่มไกล, เตะมุม และเซตเพลย์ กินเวลาไปถึง 20 นาที พร้อมอธิบายว่านี่คือวิวัฒนาการของฟุตบอลยุคใหม่

"ในพรีเมียร์ลีก คุณสามารถกดดันผู้รักษาประตูได้มากกว่าลีกอื่น ๆ หลายครั้งแม้มีการปะทะกันแต่ก็ไม่ถือว่าเป็นฟาวล์ นี่คือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลลีกนี้แตกต่าง และเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกเซตเพลย์จึงมีบทบาทมาก"

แม้ ลิเวอร์พูล เพิ่งเสียประตูจากจุดนี้ แต่ อาร์เน่อ ย้ำว่าทีมของเขาก็มีศักยภาพเช่นกัน ตัวอย่างคือประตูชัยของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก หรือโอกาสเกือบสำเร็จในเกมกับ พาเลซ 

สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ลิเวอร์พูล ยังสามารถใช้มันเป็นอาวุธได้ เพียงแต่ต้องกลับไปเหลาให้คมเหมือนเมื่อซีซั่นก่อน

"ตอนนี้การประชุมเรื่องลูกตั้งเตะใช้เวลาเท่ากับการประชุมแท็กติกทั้งทีม นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าทุกทีมให้ความสำคัญมากแค่ไหน และเราก็ต้องทำเช่นเดียวกัน" อาร์เน่อ กล่าว

ฟุตบอลระดับสูง ลูกตั้งเตะคือพื้นที่ที่สามารถสร้างแต้มได้เสมอ

หากไม่เร่งแก้ จุดอ่อนนี้จะกลายเป็นรอยรั่วที่ทำลายความเหนือกว่าที่อุตส่าห์สร้างโอเพ่น เพลย์ที่ดีได้ และบนเส้นทางลุ้นแชมป์ ทุกแต้มมีค่ามหาศาล การเสียประตูจากสถานการณ์ที่ควรควบคุมได้ถือเป็นการทำร้ายตัวเอง

ฤดูกาลยังอีกยาวไกล และ อาร์เน่อ ก็ย้ำว่าภาพรวมอาจบิดเบือนหากมองจากแค่ 5–6 เกม แต่การปล่อยให้ปัญหานี้คาราคาซังคือความเสี่ยงที่ไม่ควรยอมรับ

ลิเวอร์พูล เคยทำได้ดีมากกับการป้องกันลูกตั้งเตะเมื่อปีก่อน และก็มีศักยภาพที่จะกลับไปยืนตรงนั้นอีกครั้ง เพียงแต่ต้องรีบแก้ รีบปรับ รีบทำให้มันกลับมาป็นจุดแข็งไม่ใช่จุดตาย

ถ้า ลิเวอร์พูล ไม่รีบแก้ อาร์เซน่อล ที่ใช้เซตเพลย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจแซงพวกเขาได้ง่าย ๆ

เรื่องราวของบาดแผลลูกตั้งเตะ ที่กำลังจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญบนเส้นทาง พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : getty image
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport