แมนยู แพ้ เบรนท์ฟอร์ด ใช้คำว่า 'ห่วยแตก' ได้เต็มปาก

แมนยู แพ้ เบรนท์ฟอร์ด ใช้คำว่า 'ห่วยแตก' ได้เต็มปาก
แมนยูไนเต็ด จากการทำงานของ รูเบน อโมริม เสียหลักพุ่งชนความปราชัยอีกแล้วนะครับ แถมยังถูกสโมสรผึ้งน้อยต่อยจนหน้าปูดเลยทีเดียว

1. ตอนเห็นรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของปีศาจแดง มันก็อดไม่ได้ที่จะหวังถึงชัยชนะติดต่อกันเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว

เมื่อ มาเตอุส คุนญ่า, ไบรอัน เอ็มเบอโม่ และ เบนยามิน เชชโก้ ได้ออกสตาร์ทร่วมกันเป็นครั้งแรก ขณะที่ผลงานของ เบรนท์ฟอร์ด ก็ใช่ว่าจะดี แถมยังเสียกำลังสำคัญไปหลายคน รวมถึงตัวกุนซือด้วย

ที่ไหนได้นะครับ เพราะมันเป็นอีกเกมที่สามารถใช้คำว่า 'ห่วยแตก' ได้แบบเต็มปากเต็มคำ

2. ประตูแรกที่เสีย ตัวเองเป็นฝ่ายบุกอยู่แท้ๆ พอเจอบอลยาวของเจ้าถิ่น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เช็คล้ำหน้าพลาด เพราะดัน 2 จิต 2 ใจจนยึกๆ ยักๆ ขยับตัวขึ้นไปข้างหน้าไม่ทันเวลาซะอย่างนั้น

ประตูที่ 2 ก็เช่นกันที่เกมรับปล่อยหลุดง่ายเหลือเกิน ปราการหลัง 3 ตัว ไม่มีความเข้าใจกันพลางออกอาการสับสน

เท่านั้นไม่พอ ทุกครั้งที่คู่แข่งโจมตีด้วยลูกทุ่มไกล เตะมุม และฟรีคิก พวกเขาก็จะหาวิธีป้องกันได้ไม่ดีพอจนปั่นป่วนไปหมด !!!

3. แมนยูไนเต็ด ที่อุดมด้วยผู้เล่นค่าตัวแพง แถมค่าเหนื่อยมหาศาล พูดง่ายๆ ว่าชื่อชั้นและศักดิ์ศรีสูงกว่า แต่อนิจจา...กลับไม่มีปัญญาครองบอลบุกกดดัน เบรนท์ฟอร์ด อย่างต่อเนื่อง

แม้กระทั่งตอนตามหลังแค่ประตูเดียวแล้วต้องเน้นเกมรุกมากขึ้น ปีศาจแดงก็ยังคุมเกมรุกพลางบุกกระหน่ำไม่ได้ เหตุเพราะคุณมีกองกลางน้อยกว่าคู่แข่งก็ยังดันทุรังเล่นกันเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่มีความกล้าได้กล้าเสียเหมือนเดิม

วิงแบ็ค 2 ข้าง เปิดบอลได้ส้นตีนมาก ซ้ำยังกระโดกกระเดก มิดฟิลด์ตัวกลางก็ร้อนรน คุมจังหวะไม่ได้ มิดฟิลด์ตัวรุกก็ไม่มีการประสานงานกัน ปราการหลังก็อะไรไม่รู้

4.ทีนี้มาว่ากันถึงจุดโทษอันเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะตีเสมอ

ผมมองว่าผู้เล่นเจ้าบ้านที่ทำฟาวล์ ด้วยการใช้มือดึงสมควรถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ไม่ใช่แค่ใบเหลือง เพราะเป็นฝ่ายรับตัวสุดท้าย แถมเจตนาใช้มือดึงชัดเจน

ทว่านอกจากจะไม่ไล่ออก การพิจารณาของ VAR ยังเชื่องช้า อีกทั้งกุนซือทีมพญาผึ้งยังใช้แท็คติกเปลี่ยนตัวผู้เล่นให้มันเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีก นั่นส่งผลให้ไอ้ขี้หงุดหงิดอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถือลูกรอนานมากเกินไป

แล้วแทนที่ผู้จัดการทีมอย่าง รูเบน อโมริม จะออกมากระตุ้น มาปลุกเร้า หรือให้กำลังใจลูกทีมข้างสนาม พี่แกดันนั่งก้มหน้า ไม่กล้ามอง...ซะอย่างนั้น

อืมมมมมมม...นะ

5. หลังจบเกม รูเบน อโมริม ตัดพ้อว่าเวลา แมนยูไนเต็ด ชนะ มันไม่เกี่ยวกับระบบการเล่น 3-4-2-1 แต่เวลาแพ้ ผู้คนก็มักจะออกมาโทษว่าเป็นเพราะระบบ

มันก็อาจจะจริงอย่างที่พี่แกตัดพ้อ คือไม่เกี่ยวกับระบบ เพียงแต่ผมขอเถียงว่า...ไอ้ที่แพ้เนี่ย ก็เพราะมึง เอ๊ย! เพราะคุณพี่ยึดมั่นและถือมั่นกับระบบมากเกินไปจนไม่คิดและไม่กล้าที่จะพลิกแพงด้วย

ว่าแล้วมาดูการเปลี่ยนตัว เพื่อแก้ไขสถานการณ์ของคุณพี่เขานะครับ

มันเหมือนสักแต่จะยัดๆ ตัวรุกลงไป

คุณส่ง เมสัน เมาต์ ลงมาเป็นเบอร์ 10 แล้วถ่างตัวที่ยิงประตูดีๆ อย่าง ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ที่ถนัดเท้าซ้ายออกมาเป็น 'วิง-แบ็คขวา' ให้มันห่างจากประตูคู่แข่งมากขึ้นเนี่ยนะ !!!

ต่อมาคุณเอา แพทริค ดอร์กู ออก เพื่อส่งตัวรุกอย่าง โจชัว เซิร์คซี่ ลงมาเป็นเบอร์ 10 แล้วก็ขยับ เมสัน เมาต์ ออกไปเป็น 'วิง-แบ็คซ้าย' เนี่ยนะ

จริงๆ ก็แค่เอาเซ็นเตอร์แบ็คออกไปสัก 1 ตัว เพื่อใส่ตัวรุกลงมาก็หมดเรื่อง แต่ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันเสียคอนเซ็พต์ ไม่เป็นไปตามปรัชญวยลูกหนังของตัวเอง 

ว่าแล้วขยับเอา 'วิง-แบ็คขวา' อย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ เข้ามาเป็น 'เซ็นเตอร์แบ็ค' ดีกว่า 5555

ค อ ร ข ม ครับเนี่ยยยยยยย ???

โบนัส แทร็ค: กลางสัปดาห์ไม่มีแข่ง มึงมีเวลาฝึกซ้อม และเตรียมทีม 5 วัน แล้วทะลึ่งทำได้แค่นี้ ก็อย่าไปหวังว่าฟอร์มการเล่น และผลงานมันจะไฉไลขึ้นจากการทำงานของกุนซือวัย 40 ผู้นี้เลยครับ

เพราะมันก็จะเวี่ยนว่ายอยู่ในวังน้ำวนเหมือนเดิมนั่นแหละครับ...ไอ้หอก



ที่มาของภาพ : Reuters
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport