ลิเวอร์พูล ประสบกับความปราชัยเป็นเกมแรกของซีซั่นจนได้หลังบุกไปพ่ายต่อ คริสตัล พาเลซ ในช่วงทดเวลา 2-1 ของการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เซลเฮิร์ส พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.ย.แม้ หงส์แดง ทำท่าว่าจะโกงความตายพร้อมส่อแววแซงชนะคู่แข่งในนาทีบาปเหมือนหลายๆเกมก่อนหน้านี้ แต่สุดท้าย อินทรีผงาดฟ้า ย้อนรอยแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างเจ็บแสบ และผงาดเป็นทีมเดียวที่ยังแพ้ไม่เป็นในซีซั่นนี้
1. อีเกิ้ลส์เปลี่ยนโผตัวจริงรายเดียว
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือทีม คริสตัล พาเลซ ที่กำลังมือขึ้นเปลี่ยนทีมตัวจริงรายเดียวเท่านั้นหลังจากนัดก่อนเขาคุมทีมบุกไปชนะ เวสต์แฮม ในเกมลีก 2-1
เจ้าบ้านได้ อิสไมล่า ซาร์ คีย์แมนคนสำคัญฟิตกลับมาลงสนามได้ทำให้ วิลล์ ฮิวจ์ส ต้องหลุดไปนั่งข้างสนาม
นอกจากนี้ อินทรีผงาดฟ้า ยังใจชื้นเพิ่มอีกเนื่องจาก เยเรมี่ ปิโน่ เช็กฟิตผ่านหลังเจ็บเข่าจากเกมบู๊กับ ขุนค้อน และสามารถลงเล่นเป็นตัวจริงได้ต่อ ขณะที่ มาร์ค เกฮี ได้เผชิญหน้ากับทีมที่เขาเกือบได้ย้ายไปร่วมก๊วนก่อนปิดตลาดในช่วงซัมเมอร์
2. หงส์ส่ง อิซัก ยืนตัวจริงต่อ
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนโผตัวจริงสองรายเมื่อเทียบกับเกม พรีเมียร์ลีก นัดก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเปิดบ้านสยบ เอฟเวอร์ตัน 2-1
จากการติดโทษแบนหนึ่งเกมของ อูโก้ เอกิติเก้ ที่โดนไล่ออกนัดชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ในถ้วย คาราบาว คัพ รอบสามทำให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัก ซึ่งยิงประตูแรกให้ทีมได้แล้วในเกมที่ว่าได้เสียบแทนเป็นการลงสนามตัวจริงหนแรกในลีกให้กับ หงส์แดง เช่นกัน
ส่วนอีกตำแหน่ง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กองกลางทีมชาติ เยอรมนี ได้กลับมาลงเล่นเป็น 11 คนแรกแทน โคดี้ กัคโป ที่ตกไปเป็นตัวสำรอง
สำหรับโผดังกล่าว หากเทียบกับเกมกลางสัปดาห์ แชมป์ พรีเมียร์ลีก โรเตชั่นทีมสิบรายโดยเหลืออดีตศูนย์หน้าทีม นิวคาสเซิ่ล ออกสตาร์ตต่ออีกนัดรายเดียว
3. ซาร์ เกิดมาเพื่อยิงประตูหงส์
เปิดฉากมาได้แค่ 9 นาที ซาร์ กองหน้าทีมชาติ เซเนกัล ก็ทำแสบให้กับ ลิเวอร์พูล อีกจนได้จากจังหวะเตะมุมที่ ไรอัน กราเฟนแบร์ก โขกสกัดไม่ดีโดยบอลย้อนกลับมาหน้าปากประตูตัวเองเปิดทางให้ดาวยิงวัย 27 ปีเช็กบิลได้สำเร็จพา อินทรีผงาดฟ้า นำเร็ว 1-0
ก่อนหน้านี้ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซาร์ ยิงให้ พาเลซ ไล่ตีเสมอ ลิเวอร์พูล เป็น 2-2 ได้เช่นกันก่อนที่แชมป์ เอฟเอ คัพ จะคว้าโล่การกุศลไปครองด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน
ไม่เพียงเท่านั้น ซาร์ น่าจะเพิ่มสกอร์ให้ตัวเองในเกมบู๊กับ หงส์แดง เป็นลูกที่สี่จากสามเกมที่ได้ต่อกรกันด้วย แต่จะอย่างไรก็ตาม ถึง
ตอนนี้เขายิงประตูใส่ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์รายนี้ได้รวม 5 เม็ดแล้วในทุกรายการจาก 8 เกมนับรวมสมัยที่ค้าแข้งกับ วัตฟอร์ด ด้วย และมีแค่ แอสตัน วิลล่า ทีมเดียวที่เสียประตูให้ ซาร์ มากกว่า ลิเวอร์พูล (8 ประตู) ตลอดการค้าแข้งในลีกเมืองผู้ดีของเขา
จบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ซึ่งโชคดีมหันต์ที่เสียประตูแค่เม็ดเดียวเนื่องจากได้ อลิสซง เบ็คเกอร์ โชว์ความหนึบช่วยเซฟเอาไว้ได้ครองบอลมากกว่าถึง 71.50%:28.50% แต่เป็น พาเลซ ที่ส่งบอลเข้ากรอบได้ดีกว่า 4:2 ครั้งจากโอกาสสับไกที่มากกว่าเช่นกัน 10:6 ครั้ง
4. เอ็นเคเทียห์ ปาดหน้า เคียซ่า คว้าซูเปอร์ซับ
เท่าที่ผ่านมาในซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงการเป็นเจ้าพ่อนาทีบาปด้วยการคว้าชัยในช่วงท้ายเกมได้ตลอดเวลาทั้งๆที่ฟอร์มการเล่นไม่ได้ดีเหมือนผลการแข่งขัน
สำหรับเกมนี้ หงส์แดง เกือบทำได้สำเร็จอีกเช่นกันเนื่องจากพวกเขามาได้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวสำรองลุกไปซัดลูกตีเสมอ 1-1 ให้ทีมได้ก่อนหมดเวลาสามนาทีซึ่งแน่นอนว่าทำให้แชมป์เก่ายังมีเวลาเดินหน้าคว้าประตูชัยในช่วงทดเวลาเจ็บเหมือนหลายๆเกม
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า อินทรีผงาดฟ้า ย้อยรอย หงส์แดง ด้วยการเช็กบิลในนาทีบาปสยบทีมเยือนได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-1 จากฝีเท้าของ เอ็นเคเทียห์ ซึ่งกลายเป็นซูเปอร์ซับของเกมแทนปีกอิตาเลี่ยนจนได้
ขณะเดียวกัน เกมนี้ ลิเวอร์พูล ยังคงเล่นกันได้ด้วยฟอร์มที่ไม่ดีพออีกเช่นเคย แต่พวกเขาคว้าผลลัพธ์ไม่สำเร็จเหมือนกับหลายๆนัดกระทั่งต้องเสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกของซีซั่นหลังชนะรวดเจ็ดนัดในทุกรายการสวนทางกับฟอร์มการเล่นแทบทุกนัด
หลังโม่เกือกกันครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เหนือกว่าในด้านการครองบอล 72.1%:27.9% และพลิกกลับมาแซงหน้าจากจังหวะสับไก 20:16 ครั้ง แต่ พาเลซ เหนือกว่าในจังหวะส่งบอลเข้ากรอบ 7:4 ครั้ง
5. หงส์รอถอนแค้น (หรือจะโดนย้ำแค้นเพิ่ม?)
ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล บุกมาเยือน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ฟาดแข้งเกม พรีเมียร์ลีก 10 หนหลัง และชนะได้ถึง 9 นัดโดยอีกนัดออกผลเสมอ
ถึงกระนั้นก็เถอะ หากจะนับรวมการพะบู๊กันในทุกรายการ และทุกสนาม 8 เกมหลัง หงส์แดง ได้เฮแค่ 2 เกมเท่านั้นนับตั้งแต่ออกสตาร์ตซีซั่น 2022/23 (เสมอ 4 แพ้2) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อินทรีผงาดฟ้า สร้างความลำบากใจให้กับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้มากขึ้นทุกทีอันเป็นสถิติเทียบเท่าการเอาชนะคู่แข่งของ หงส์แดง ที่น้อยที่สุดเท่าที่พวกเขาได้ต่อกรด้วยไม่น้อยกว่าสี่นัดในช่วงเวลาเดียวกันนี้
พร้อมกันนี้ พาเลซ เพิ่มสถิติไม่แพ้ในทุกรายการรวมเป็น 18 นัดติดต่อกันแล้วซึ่งกลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดร่วมของสโมสรซึ่งเคยไร้พ่ายมานาน 18 นัดเช่นกันก่อนสิ้นสุดลงในเดือนส.ค.1969
อย่างไรก็ดี อย่างที่รู้กันว่า ลิเวอร์พูล จะได้ห้ำหั่นกับ คริสตัล พาเลซ อีกครั้งในเกม คาราบาว คัพ รอบสี่หลังผลการจับสลากประกบคู่ปรากฏออกมาโดย เร้ด แมชีน จะได้เล่นในบ้านตัวเอง
ฉะนั้นแล้ว สล็อต จึงมีโอกาสชำระแค้น กลาสเนอร์ หรือจะโดนย้ำแค้นเพิ่มก็ต้องรอดูกันในช่วงปลายเดือนต.ค.
แต่ที่แน่ๆ ถึงตอนนี้ พาเลซ ไม่แพ้ ลิเวอร์พูล นานสามนัดแล้วในทุกรายการ แถมสามเกมหลังในลีกที่ แอนฟิลด์ ทีมจากลอนดอนไม่เพลี่ยงพล้ำให้กับเจ้าบ้านเช่นกันจากผลเสมอ 1-1 ในซีซั่น 2022/23 ,บุกชนะ 1-0 ในซีซั่น 2023/24 และเสมอ 1-1 ในซีซั่น 2024/25