3 เหตุผลที่ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ต้องพิสูจน์ เกมพาเลซ ดวล ลิเวอร์พูล ชี้ชะตาโอกาสคุมแมนยู

3 เหตุผลที่ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ต้องพิสูจน์ เกมพาเลซ ดวล ลิเวอร์พูล ชี้ชะตาโอกาสคุมแมนยู
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ นายใหญ่คริสตัล พาเลซ มี 3 บทพิสูจน์สำคัญในเกมพบ ลิเวอร์พูล ศึกพรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้ เพื่อโชว์บอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าเหมาะสมก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้กุนซือแทน รูเบน อโมริม

ช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ของ รูเบน อโมริม ค่อนข้างจะผ่อนคลายบ้าง หลังนำ แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ เชลซี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กระนั้นเก้าอี้ของเขายังไม่มั่นคง เพราะหากทำผลงานไม่ดีก็มีสิทธิ์โดนเฉดหัวออกจากตำแหน่งทันที

เหตุผลที่บอร์ดบริหาร "ผีแดง" พร้อมเปลี่ยนคนกุมบังเหียนทีม เพราะพวกเขามีตัวเลือกที่น่าสนใจแล้วนั่นก็คือ กลาสเนอร์ ซึ่งสร้าง พาเลซ ได้อย่างสุดยอด แถมยังเล่นระบบกองหลังสามตัว ทำให้ แมนฯ ยูฯ ไม่ต้องปรับอะไรมากนักหากต้องปลด อโมริม 

ผลงานไม่แพ้ใคร 8 เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่าน (รวมรอบชิง เอฟเอ คัพ) และบวกเพิ่มอีก 9 แมตช์ในซีซั่น 2025/26 ทำให้ "ดิ อีเกิ้ลส์" ไร้พ่ายรวมทุกรายการ 17 แมตช์ ซึ่งหากไม่แพ้ ลิเวอร์พูล ในเกมลีกวันเสาร์นี้ พวกเขาจะสร้างสถิติไร้พ่ายยาวนานสุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรเทียบเท่าที่เคยทำไว้ 18 นัดที่สิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม ปี 1969

ฟอร์มที่โดดเด่นของ พาเลซ มาจากการปลุกปั้นของ กลาสเนอร์ และนั่นทำให้เขาเป็นหนึ่งในกุนซือที่แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมพิจารณาดึงตัวมากุมบังเหียน และในเกมที่ "ดิ อีเกิ้ลส์" มีคิวเปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล อาจเป็นโอกาสที่เขาจะสร้างความประทับใจให้กับบอร์ดบริหาร "ผีแดง" 

ดังนั้นในเกมพบ ลิเวอร์พูล นั้นจึงเป็นโอกาสที่ กุนซือชาวออสเตรีย วัย 51 ปีจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะเข้ามารับงานแทนที่ รูเบน อโมริม ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 

1. มีไหวพริบของกุนซือระดับโลก

ทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต รั้งตำแหน่งจ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ พร้อมกับสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นหลังผ่านไป 5 เกม แม้ฟอร์มของ "หงส์แดง" ยังไม่คงเส้นคงวา แต่การจบสกอร์มีความเฉียบคมอย่างมาก

แม้แต่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ก็โดนทีเด็ดของ ลิเวอร์พูล มาแล้ว อย่างไรก็ตาม กลาสเนอร์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีกึ๋นเจ๋งมากแค่ไหนในการพบกับ "เดอะ เร้ดส์" เกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ และถ้าเขาทำได้อีกครั้ง มันคงสร้างความประทับใจให้กับ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมแมนฯ ยูฯ อย่างมาก 

มีกุนซือไม่กี่คนที่เคยเอาชนะโค้ชอาร์เน่อ ในอังกฤษ หาก กลาสเนอร์ ทำได้ จะเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าเขาสามารถทำสิ่งที่ อโมริม ยังทำไม่ได้นับตั้งแต่ที่เข้ามารับงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

2. แสดงให้เห็นว่า พาเลซ สามารถน็อกทีมใหญ่กว่าได้

"ดิ อีเกิ้ลส์" เคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่าพวกเขาเป็นทีมที่ไม่ธรรมดาหลังจากปราบ ลิเวอร์พูล ในการดวลจุดโทษ ชิงโล่การกุศล ที่สนามเวมบลีย์ และนั่นเป็นการส่งข้อความสำคัญที่บ่งบอกว่า พาเลซ ชุดนี้กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

คริสตัล พาเลซ เป็นทีมระดับกลางตารางมานาน และแน่นอนว่าแฟนบอลของพวกเขารู้สึกผิดหวังกับสิ่งนี้ แต่หลังจากที่ กลาสเนอร์ เข้ามาคุมทัพ ก็สามารถนำสโมสรเข้าไปเล่นในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป (คอนเฟอเรนซ์ ลีก) เป็นครั้งแรก ทั้งที่ทีมมีงบประมาณเสริมทัพจำกัด

พาเลซ หลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ได้เพียง 5 จาก 18 นัดหลังสุดที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ดังนั้นหากทีมได้ผลการแข่งขันที่ดีนอกจากจะเป็นการปรับปรุงสถิติของสโมสรให้ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับบอร์ดบริหารแมนฯ ยูฯ ที่อยากได้ตัวเขาไปคุมทัพ

แม้ แมนฯ ยูไนเต็ดจะมีสัญญาณบวกกับผลงานของ นายใหญ่ชาวโปรตุกีส แต่ตอนนี้บรรดาสาวกแฟนผีโปรเจกต์ เริ่มใจร้อนและอยากเห็นความสำเร็จแบบรูปธรรมของทีมรักซะที 

3. รับมือกับแรงกดดันได้เป็นอย่างดี

แมนฯ ยูฯ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัดสินใจผิดที่แต่งตั้ง อโมริม เข้ามาทำงานในช่วงกลางซีซั่น โดยกุนซือเคราดกจากแดนฝอยทอง ยอมรับเองว่าเคยคิดเรื่องลาออกในช่วงที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่

หากมีการจ้างกุนซือคนใหม่ บอร์ดบริหารแมนฯ ยูฯ ต้องไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมๆ อีกครั้ง ที่สำคัญใน "โรงละครแห่งความฝัน" ไม่มีที่ให้หลบหากคุมทีมไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้น กลาสเนอร์ ก็ต้องเจอแบบเดียวกับ อโมริม หากเขารับงาน "เร้ด เดวิลส์" และทีมไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ 

ดังนั้นการวางหมากของ กลาสเนอร์ ในเกมพบกับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นการจัด 11 ตัวจริง, การเปลี่ยนตัวระหว่างเกม และการวางแท็กติก จะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดจากแฟนบอลโดยเฉพาะสาวก "เร้ด อาร์มี่", ทีมคู่แข่ง, แฟนบอลคู่แข่ง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เซอร์จิม แอนด์ โค. 

การต้องนำทีมรับมือแชมป์เก่าในถิ่นเซลเฮิร์ตซ์ พาร์ค เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ กลาสเนอร์ ในการพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะเข้าไปนั่งเก้าอี้นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที หาก "ผีแดง" ต้องการ



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport