คาร์โล อันเชล็อตติ : ความกดดันในการทำงานกับ โรมัน อบราโมวิช ที่ เชลซี

คาร์โล อันเชล็อตติ : ความกดดันในการทำงานกับ โรมัน อบราโมวิช ที่ เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ เล่าประสบการณ์แรงกดดันมหาศาลจาก โรมัน อบราโมวิช ระหว่างคุมเชลซี 2009-11 พร้อมเผยความท้าทายและดราม่าต่อเนื่องในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ลีก

1 มิถุนายน 2009 คือวันที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ เชลซี ก่อนที่เขาจะโดนปลดออกจากตำแหน่งตอนจบฤดูกาล 2010-11 โดยเจ้าตัวพาทีมได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 ครั้ง และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1 หน

ทั้งนี้ ล่าสุด อันเชล็อตติ ออกหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่ชื่อว่า "The Dream - Winning the Champions League" ซึ่งบอกเล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานกับสโมสรต่างๆ นั่นรวมถึง เชลซี ด้วย ซึ่งเป็นทีมที่เขายอมรับว่าเจอกับแรงกดดันอันมหาศาลจาก โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมในตอนนั้น

"ผมรู้ดีว่าผลงานที่ผ่านๆ มาของผมจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก อบราโมวิช แสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมากับผมว่าเขาอยากให้ เชลซี ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงต้องการให้ เชลซี มีเอกลักษณ์กับการเล่นในสนามที่ชัดเจน ตอนนี้กลายเป็นว่าผมต้องทำงานให้ผู้มีอำนาจชาวรัสเซียนที่คาดหวังว่าทุกอย่างต้องไปได้สวยตลอดเวลา และถ้าผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาก็อยากจะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น มันเป็นงานของผมที่ต้องให้คำตอบกับเขาให้ได้"

แค่ฤดูกาลแรกกับ เชลซี กุนซือชาวอิตาเลียนก็ยอมรับว่าเขาเจอกับแรงกดดันจากเบื้องบนทันที นั่นคือหลังจากที่เขาพาทีมแพ้ วีแกน แอธเลติก แบบพลิกล็อก 1-3 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ปี 2009 "นั่นคือครั้งแรกที่เกิดเค้าลางของความกดดันสำหรับช่วงเวลาของผมกับที่นั่น เช้าวันต่อมา อบราโมวิช เข้ามาที่สนามซ้อมเพื่อต้องการคำตอบว่ามันเกิดความผิดพลาดตรงไหน"

"ต้องบอกว่าสมัยทำงานกับ แบร์ลุสโคนี่ (หมายถึง ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ สมัยที่ร่วมงานกันที่ เอซี มิลาน) ผมยังไม่เคยโดนเพ่งเล็งมากขนาดนี้เลย แน่นอนล่ะว่า แบร์ลุสโคนี่ เป็นเจ้าของทีมที่มีความต้องการสูง และบางครั้งก็ซื้อนักเตะที่ผมไม่อยากได้เข้ามาแล้วอยากให้ผมจัดเข้าใส่ทีมทันที หรืออาจจะเถียงกับผมเรื่องแท็กติกอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาต้องทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของ อิตาลี ดังนั้นเขาเลยไม่มีเวลามาจ้ำจี้จ้ำไชกับผมมากนัก เขามีเรื่องสำคัญกว่าให้ต้องคิด"

อันเชล็อตติ ต้องเผชิญหน้ากับความพิโรธของ อบราโมวิช อีกครั้งเมื่อเขาพาทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากการแพ้ อินเตอร์ มิลาน ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 1-3 แบ่งเป็น 1-2 ในนัดแรกที่อิตาลี และ 0-1 คา สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะที่มันน่าช้ำใจมากเป็นพิเศษก็คือกุนซือ อินเตอร์ ในตอนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น โชเซ่ มูรินโญ่ นั่นเอง

"วันต่อมา อบราโมวิช ไม่คุยกับผมรวมถึงทุกคนในทีมเลย ปัญหาของผมก็คือความสำเร็จของ มูรินโญ่ มันส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของผมกับ อบราโมวิช ผมถูกมองว่าควรจะเป็นคนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับ มูรินโญ่ นั่นคือคนที่ใจเย็น, มีความพินิจพิเคราะห์ที่ดี และชุบชีวิตทีมได้หลังจากเกิดเรื่องดราม่า แต่กลายเป็นว่าผมทำลายบทที่เขาวาดเอาไว้ ผมทำให้เจ้าของทีมต้องอับอายขายขี้หน้า"

ในฤดูกาล 2010-11 เชลซี ตกรอบก่อนรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากสกอร์รวม 1-3 ซึ่งในนัดสองของรอบดังกล่าว อันเชล็อตติ ก็ทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่ามันส่งผลให้ อบราโมวิช ไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก นั่นคือการเปลี่ยน เฟร์นานโด ตอร์เรส ออกจากสนาม

"คืนก่อนลงเล่นนัดสอง อบราโมวิช เตือนกับทุกคนในทีมว่าถ้าพวกเขาไม่ชนะแล้วล่ะก็มันก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง จากนั้นเขาก็บอกกับผมว่าถ้าเราแพ้แล้วน่ะผมก็ไม่ควรจะแบกหน้ากลับมาทำงานอีกในวันถัดไป ตอนนั้น ตอร์เรส ได้รับผลกระทบจากการขาดความมั่นใจอย่างชัดเจน แถมยังกดดันจากการมีค่าตัวมหาศาลอีก"

"ตอนอยู่ในห้องแต่งตัว อบราโมวิช แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าการแพ้มันมีความหมายว่ายังไง และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ตอร์เรส คือการซื้อที่มาจากการตัดสินใจส่วนตัวของเขา และการเปลี่ยนเขาออกก็เป็นเหมือนการดูหมิ่นเจ้าของทีม ต้องยอมรับว่าจังหวะนั้นผมลืมคิดถึงเรื่องที่ว่าไป และท้ายที่สุดแล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าคุณไม่สามารถเอาชนะคนที่เป็นเจ้าของทีมได้"

แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะโดนปลด แต่ว่า อันเชล็อตติ ก็ไม่ได้แค้นเคือง อบราโมวิช เลย พร้อมบอกว่าตนยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อ เชลซี อยู่เสมอ

"บางที อบราโมวิช อาจจะทำถูกแล้วก็ได้ที่ไล่ผมออก เพราะฤดูกาลต่อมา เชลซี ก็ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้เขาจะปลดคนที่คว้าถ้วยที่ว่าให้กับเขาในอีก 6 เดือนหลังจากนั้นก็เถอะ สำหรับผมแล้วนั้นผมยังมองว่าทุกวันที่ทำงานกับ เชลซี เป็นวันที่งดงามอยู่"



ที่มาของภาพ : Gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport