ไรอัน กราเฟนแบร์ก หัวใจแดนกลาง ลิเวอร์พูล

ไรอัน กราเฟนแบร์ก หัวใจแดนกลาง ลิเวอร์พูล
ซีซั่นแรกกับ ลิเวอร์พูล ไรอัน กราเฟนแบร์ก ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แต่จากนั้นเขาก็ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญ จนกลายเป็นหัวใจบนแผงแดนกลางของทีมเมื่อซีซั่นที่แล้ว

ฤดูกาลก่อน กราเฟนแบร์ก ลงเล่น 49 นัดทุกรายการ แม้จะได้รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี พรีเมียร์ลีก และติดทีมยอดเยี่ยมของ PFA แต่ตัวเลข 0 ตรงหน้าประวัติทำประตูคือสิ่งที่เจ้าตัวยอมรับว่าผิดหวัง จนเคยพูดติดตลกว่าจะขอ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงจุดโทษแทน

ฤดูกาลนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพียง 4 นัดแรกใน พรีเมียร์ลีก กราเฟนแบร์ก ยิงได้แล้ว 2 ประตู และในขณะเดียวกัน เขาก็ยังทำหน้าที่เชิงรับได้เหนียวแน่นเช่นเดิม

ลูกยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล อาจเป็นลูกแฉลบ แต่ทิศทางตรงกรอบอยู่แล้ว ส่วนลูกยิงผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด บ่งบอกถึงความมั่นใจ

เขาวิ่งสอดระหว่างคู่เซนเตอร์แล้วจบสกอร์อย่างเฉียบขาด

จากสถิตินั้น ทำให้ กราเฟนแบร์ก เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่อายุน้อยที่สุดในยุค พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งยิงและจ่ายในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ พูดถึงรุ่นน้องร่วมชาติ "ไรอัน สุดยอดเอามาก ๆ  เขามีความสำคัญต่อวิธีการเล่นของเราสุด ๆ"

"คุณจะเห็นว่าผมพยายามมองหาเขาบ่อยแค่ไหน มันเป็นประโยชน์ต่อเขา, ผม และทีม เขาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของชีวิต ต้องรักษามาตรฐานนี้ต่อไป"

ซึ่งสิ่งที่ท้าทายคือการรักษามาตรฐานนี้ให้ได้ทุกๆ 3-4 วัน

กราเฟนแบร์ก คือการผสมผสานระหว่างการมีพละกำลัง และความละเมียดละไม

เขาแท็กเกิลมากที่สุดในเกมที่ผ่านมา (5 ครั้ง)

ชนะการดวลมากที่สุดร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน (7 ครั้ง)

จ่ายบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย 8 ครั้ง เป็นรองแค่ ฟาน ไดค์

อีกทั้งยังทำแอสซิสต์ให้ อูโก้ เอคิติเก้ ด้วยน้ำหนักพอดี และตลอดทั้งเกมเขาทำผ่านบอลทำลายแนวรับได้ถึง 10 ครั้ง

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ กราเฟนแบร์ก คือการใช้ร่างกายบังบอล หลบหลีกจากพื้นที่แคบ และหาทางสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งเสมอ

ความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการใส่ใจทุกรายละเอียด 

เขาเพิ่งเป็นคุณพ่อ และใช้คำแนะนำจาก ฟาน ไดค์ ทั้งเรื่องการแช่น้ำแข็ง, ซาวน่า, อาหารการกิน และการพักผ่อนเพื่อดูแลร่างกาย

ทีมงานสมรรถภาพของ ลิเวอร์พูล อย่าง โจนาธาน เพาเวอร์ และ คอเนล เมอร์ทา ก็ช่วยให้เขากลายเป็นนักเตะที่ฟิตและทนทานต่อโปรแกรมอันหนักหน่วง

"ฤดูกาลนี้ผมอยากทำประตูและแอสซิสต์มากขึ้น" กราเฟนแบร์ก ให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports

"โค้ชคือคนที่มอบความมั่นใจให้ผม ฤดูกาลก่อนผมเล่นอยู่แค่ตำแหน่งเบอร์ 6 แบบถอยลึกมาก ๆ แต่ตอนนี้ผมสามารถเติมเกมรุกขึ้นไปข้างหน้าได้มากขึ้น"

"ซึ่งคุณก็เห็นแล้วในวันนี้ จุดแข็งของผมก็อยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ผมมีความสุขกับสิ่งนี้"

ตอนแรก ลิเวอร์พูล มอง กราเฟนแบร์ก เป็นแผนสำรองของตำแหน่งเบอร์ 6 หลังดีล มาร์ติน ซูบีเมนดี้ และ มานูเอล อูการ์เต้ ไม่เกิดขึ้น แต่วันนี้เขากลายเป็นหัวใจของทีม และได้รับอิสระให้เล่นเกมรุกมากขึ้น

"ไรอัน อาจถูกพูดถึงเพราะประตูและแอสซิสต์ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือการวิ่งช่วยเพื่อน การสปรินต์ไล่บอล และการทำให้เราสามารถปล่อยให้ ซาลาห์ ยืนสูงได้" อาร์เน่อ กล่าว

ถ้า ลิเวอร์พูล เคยอิจฉาทีมอื่นที่มีเบอร์ 6 ผู้ทรงอิทธิพลตรงแดนกลาง

แต่ตอนนี้โลกกำลังหมุนกลับมา และทีมอื่นต่างหากที่อาจต้องเริ่มอิจฉาพวกเขาที่มี ไรอัน กราเฟนแบร์ก เป็นสัญลักษณ์แห่งกองกลางตัวรับยุคใหม่

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : reuters
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport