แมนยูไนเต็ด พิชิตคู่เล่นอันตรายอย่าง เชลซี ในบ้านตัวเองได้สำเร็จก็จริง แต่ก็ยังเป็นชัยชนะที่ทุลักทุเล และยากลำบาก แถมยังคงมีจุดบกพร่องให้พูดถึงเหมือนเดิม
และต่อไปคือสิ่งที่ผมอยากจะบอก
1. ตอนเห็นรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงปีศาจแดง เรียนตามตรงว่าผมอดหวั่นใจไม่ได้ เพราะเมื่อเทียบกับผู้มาเยือน จุดยุทธศาสตร์ตรงกลางถือว่าน่าเป็นห่วง
มิดฟิลด์ตัวกลางของ แมนยูไนเต็ด คือ กาเซมิโร่ กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส - คนหนึ่งโรยรา คนหนึ่งผิดที่ผิดทาง ขณะที่มิดฟิลด์ตัวกลางของ เชลซี คือ มอย ไกเซโด้ กับ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ที่ครบเครื่องกว่าทั้งรับและรุก
ดังฉะนั้น เกมของเจ้าถิ่นน่าจะเป็นรอง
2. ลูกทีมของ รูเบน อโมริม เริ่มต้นได้คึกคักกว่านะครับ เมื่อขึ้นไปบีบสูงพลางบดบี้เข้าใส่อย่างรวดเร็วแล้วชิงจังหวะบุกใส่อย่างต่อเนื่อง
ด้วย 'ห้องเครื่อง' ที่เป็นรอง กุนซือชาวโปรตุเกสเลือกที่จะวางแผนให้ลูกทีมใช้บอลยาวจากแนวลึกโจมตีคู่แข่ง
และนั่นนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ
บอลไดเร็กต์ของปีศาจแดง อัลตาย บายินดีร์ สาดบอลยาวขึ้นมาตรงๆ ก่อน เบนยามิน เชชโก้ จะโหม่งเช็ดต่อให้ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ หลุดเดี่ยวจนถูกนายทวารของทีมเยือนเจตนาทำฟาวล์
โรเบิร์ต ซานเชซ จึงถูกไล่ออกแบบไม่มีข้อแก้ตัว เชลซี เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 5
3. การที่ผู้รักษาประตูถูกตะเพิดออกจากสนามอย่างรวดเร็วเพียงนาทีที่ 5 ถือว่าเสียหายหนักมากนะคะเด็กๆ
เอ็นโซ มาเรสก้า เลือกที่จะถอดตัวรุกทางขวาอย่าง เอสเตเวา ออก เพื่อให้นายทวารสำรองลงมาแทน
แต่กุนซือสิงห์บลูส์กลับใจร้อนรีบถอดตัวรุกทางด้านซ้ายอย่าง เปโดร เนโต้ ออกอีกคน เพื่อส่งกองหลังลงมาซะอย่างนั้น
เจตนาตั้งรับแบบเต็มตัวตั้งแต่นาทีที่ 5 ซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ เพราะสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0
เท่านั้นไม่พอ หลังถูกนำ 1-0 พี่แกยังถอดตัวรุกอย่าง โคล พาลเมอร์ ออกอีกคน !!!
นั่นเท่ากับช่วยให้ทีมเจ้าบ้านครองบอลบุกขย่มอยู่ข้างเดียวแบบไม่ต้องพะวงหลัง
ประหนึ่ง เอ็นโซ มาเรสก้า ยอมที่จะขันเกมรับให้เหนียวแน่นที่สุดก่อน แล้วตั้งรับอย่างอดทนไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังตามแค่ประตูเดียว พวกเขายังมีสิทธิ์กลับมา ประมาณนั้น
แต่ แมนยูไนเต็ด ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย เมื่อขึ้นนำเป็น 2-0 ได้สำเร็จ
นาทีนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว เพราะเหนือกว่าทั้งจำนวนผู้เล่น และสกอร์ ขึ้นอยู่ว่าจะชนะมากน้อยขนาดไหน
ในใจผมพูดว่า...หวานเจี๊ยบบบบบบ !!!
แต่ แมนยูไนเต็ด ก็ทำให้ตัวเองลำบากอีกจนได้ ด้วยความไม่ละเอียดของตัวเองอีกแล้ว
4. จังหวะก่อนที่ กาเซมิโร่ จะถูกใบแดงถีบออกจากสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลบุกอยู่แท้ๆ แต่แทนที่ อาหมัด จะจ่ายให้เพื่อนใกล้ๆ กลับเลือกที่จะเสี่ยงวางบอลยาวเปลี่ยนแกแล้วดันถูกตัดได้ง่ายๆ จนนำมาซึ่งจังหวะสวนกลับเร็วของ เชลซี
แล้วก็เป็นผู้เล่นที่เจนจบอย่าง กาเซมิโร่ ที่ลืมตัวใช้มือเหนี่ยวคู่แข่งแบบไม่จำเป็นจนได้ใบเหลืองที่ 2 เดินคอตกออกจากสนาม
ขอบอกว่าการใช้มือดึง ผลัก หรือเหนี่ยวรั้งคู่แข่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด หรือพื้นที่ใดในสนาม โทษของมันคือใบเหลือง
ดังฉะนั้นมันจึงเถียงอะไรไม่ได้เลย และต้องโทษตัวเองสถานเดียว ไม่ใช่โทษผู้ตัดสิน
อืมมมมม...ได้เปรียบอยู่ดีๆ ก็หาเรื่องให้ตัวผู้เล่นเหลือเท่ากันซะอย่างนั้น
5. เมื่อตัวผู้เล่นเท่ากัน เชลซี ก็ครองเกมเหนือกว่าตลอดครึ่งหลัง
แล้ว แมนยูไนเต็ด ที่ถูกกดอยู่ข้างเดียวก็มาเสียประตูง่ายๆ จากลูกเตะมุมอีกแล้วครับท่าน
จังหวะที่สิงห์บลูส์เล่นลูกชอร์ตคอร์เนอร์เปลี่ยนจุดการเปิดบอล ผู้เล่นเจ้าบ้านมัวแต่เหม่อลอย ไม่เข้าประชิด ปล่อยให้เขามีทั้งพื้นที่และเวลาในการบรรจงเปิดเข้าไป แถม เลนี่ โยโร่ ดันมองบอลมากกว่าตัวประกบแล้วปล่อยให้เขาขึ้นโขกแบบง่ายๆ
โชคยังดีนะครับที่ เอ็นโซ มาเรสก้า ถอดตัวรุกออกไปมากเกินตั้งแต่ครึ่งแรก
ปีศาจแดงจึงเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งมันก็น่าคิดเหมือนกันนะครับว่าถ้านายประตูของทีมเยือนไม่ถูกไล่ออกตั้งแต่ต้นเกม ผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ???
จึงพอจะสรุปได้ว่าไอ้ที่ชนะเนี่ย มันเพราะความผิดพลาดของ เชลซี และผู้เป็นกุนซือของพวกเขาเองซะมากกว่า
ใช่หรือไม่ ???