ขาเก้าอี้กุนซือรูเบน อโมริม เริ่มสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง จากผลงานที่ย่ำแย่ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ และทำให้เขามีสิทธิ์โดนปลดออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ แต่กระนั้นสถานการณ์อาจจะพลิกผันได้ถ้าหากนายใหญ่ชาวโปรตุสมีการปรับเปลี่ยน 5 สิ่งสำคัญ
แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตฤดูกาลด้วยผลงานแย่สุดรอบ 33 ปี หรือนับตั้งแต่ซีซั่น 1992/1993 ยิ่งไปกว่านั้น อโมริม คุมทีมด้วยสถิติที่สุดเลวร้ายโดยคว้าชัยชนะแค่ 8 เกมจาก 31 แมตช์ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับตั้งแต่ที่ได้รับตำแหน่งกุมบังเหียน "ผีแดง" เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
ช่วงที่ผ่านมาสื่อหลายสำนักเปิดเผยว่านักเตะระดับซีเนียร์ของทีมไม่เชื่อมั่นในระบบการเล่นหลังสามของ อโมริม อีกแล้ว แถมมีการระบุว่า 3 เกมต่อจากนี้ที่พบกับ เชลซี, เบรนท์ฟอร์ด และ ซันเดอร์แลนด์ อาจจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตของกุนซือพี่เจ๋งก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติอีกครั้ง
แมนฯ ยูฯ ชนะแค่เกมเดียวในซีซั่นนี้ โดยต้องอาศัยจุดโทษช่วงทดเจ็บของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในเกมเฉือน เบิร์นลี่ย์ ดังนั้น อโมริม ต้องรีบเร่งนำทีมเก็บชัยชนะให้ได้ โดยเริ่มตั้งแต่แมตช์พบ เชลซี วันเสาร์ที่ 20 กันยายนนี้
ดังนั้นนี่คือ 5 สิ่งสำคัญที่ อโมริม จำเป็นต้องทำให้ถูกต้องเพื่อนำ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และยังช่วยรักษาเก้าอี้นายใหญ่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของเขาต่อไป
1. การตัดสินใจเลือกโกลมือ 1
ตำแหน่งผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหามานานแล้ว โดย อ็องเดร โอนาน่า ย้ายออกไปแบบยืมตัวที่ แทร็ปซอนสปอร์ แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ขณะที่ อัลตาย บายินดีร์ ลงเล่นครบทั้งสี่เกมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ แต่ก็ยังดูไม่ถึงระดับที่ทีมต้องการ
อโมริม ตัดสินใจไม่ส่ง เซนเน่อ ลัมเมนส์ ที่ย้ายมาด้วยค่าตัว 18.2 ล้านปอนด์ (ราว 800 ล้านบาท) ลงสนามในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่ใช้งาน บายินดีร์ ตลอดไป
แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ลัมเมนส์ ทั้งๆ ที่มีโอกาสคว้าตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จาก แอสตัน วิลล่า และ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารชาวอิตาเลียน ซึ่งตอนนี้ย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า "ผีแดง" เชื่อมั่นในตัวนายทวารชาวเบลเยียม วัย 23 ปีมากๆ และ อโมริม จำเป็นต้องตัดสินใจส่ง ลัมเมนส์ ลงสนามในเกมกับ เชลซี
2. แก้ปัญหาแดนกลาง
ทุกคนรู้ว่านี่คือปัญหาใหญ่สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรแปลกใหม่ที่จะบอกว่าแผงมิดฟิลด์ของ "ผีแดง" ทำงานไม่เป็นระบบ เหตุผลเพราะ อโมริม ยึดมั่นกับแผนการเล่น 3-4-3 ซึ่งให้ทีมขาดประสิทธิภาพลงไปเยอะมาก
บรูโน่ แฟร์นันด์ส ต้องลงมายืนต่ำร่วมกับ กาเซมีโร่ หรือ มานูเอล อูการ์เต้ ในระบบมิดฟิลด์ 2 คน แต่เห็นได้ชัดว่าแท็กติกนี้ไม่ได้ผล ที่สำคัญยังลดศักยภาพของ กัปตันบรูโน่ อีกต่างหาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "เร้ด เดวิลส์" ไม่มีการสร้างสรรค์เกมที่โดดเด่นเหมือนเมื่อก่อน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แฟร์นันด์ส เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุด และเป็นจอมสร้างสรรค์เกมของทีม เขาไม่อยากลงมายืนลึกเพื่อช่วยเล่นเกมรับ ที่สำคัญนักเตะจะเล่นได้ดีที่สุดเมื่อยืนตำแหน่งในแดนกลางพร้อมกับมีอิสระในการสร้างสรรค์เกม
ขณะที่ กาเซมีโร่ ขาดความคล่องตัวที่จะวิ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งสนาม และ อูการ์เต้ ก็ยังไม่น่าเชื่อถือ แถม อโมริม ดันไม่ไว้วางใจ ค็อบบี้ เมนู ให้ทำหน้าที่ตำแหน่งกองกลางตัวรับ แต่ตอนนี้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนได้แล้ว
3. ระบบต้องมีการยืดหยุ่นมากกว่านี้
สำหรับประเด็นนี้เกี่ยวเนื่องมาจากข้อ 2 เพราะปัญหาใหญ่ของทีมอยู่ที่แผงมิดฟิลด์ และมันยังไม่สามารถปรับแก้ได้ เนื่องจาก อโมริม ไม่เต็มใจที่จะปรับเปลี่ยน และยังคงยึดมั่นกับปรัชญาของตัวเองที่จะเล่นระบบหลังสามตัว
เห็นได้ชัดว่า อโมริม ยังคงเล่นแท็กติกเดิมๆ ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งแบบไหน นั่นทำให้ทุกทีมสามารถรับมือกับแผนการเล่นของเขาได้ไม่ยาก ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากทุกเกมที่ลงเล่น
ช่วงแรกแฟนผีโปรเจกต์ยังพอจะมีน้ำอดน้ำทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมรัก เพราะเข้าใจว่าผู้เล่นต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับแนวคิดของ อโมริม แต่ตอนนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" เริ่มทนไม่ไหวกับความล้มเหลวของระบบนี้แล้ว และอยากให้กุนซือมีการปรับแท็กติกบ้าง
ดังนั้นการที่ อโมริม ไม่มีความยืดหยุ่นในการใช้แท็กติก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คู่แข่งจะสามารถรับทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สบายๆ ไม่เชื่อลองดูเกมที่แพ้จุดโทษ กริมสบี้ ทาวน์ หรือเกมเสมอ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม
4. ได้เวลาใช้งาน เชชโก้ จริงจัง
เบนยามิน เชชโก้ เริ่มต้นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไม่ค่อยดีนัก หลังย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 73.7 ล้านปอนด์ (ราว 3,242.8 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ล่าสุด โดยนักเตะลงเล่น 5 เกมและยังยิงประตูไม่ได้เลย
ผลงานของ เชชโก้ ต่างกันราวฟ้ากับเหวในกรณีของ อูโก้ เอกิติเก้ ของ ลิเวอร์พูล และ วิคตอร์ โยเคเรส ดาวยิงอาร์เซน่อล ซึ่งนักเตะจะต้องโดนนำมาเปรียบเทียบสำหรับผลงานในฤดูกาล 2025/2026 อย่างแน่นอน
หัวหอกทีมชาติสโลวีเนีย วัย 22 ปี ตะบันไป 21 ประตูให้กับ ไลป์ซิก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ดังนั้นเขามีความสามารถที่จะเล่นในเกมระดับนี้ได้ แต่นักเตะต้องการให้เพื่อนร่วมทีมส่งบอลที่เหมาะสมเพื่อสร้างโอกาสในการจบสกอร์
ฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือ อโมริม จำเป็นต้องให้ เชชโก้ ลงตัวจริงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะ ในขณะเดียวกันก็ต้องกระตุ้นลูกทีมพยายามสร้างสรรค์โอกาสเพื่อให้เขาได้จบสกอร์อย่างต่อเนื่อง
5. สร้างทีมสปิริตให้แข็งแกร่ง
แฟร์นันด์ส มักถูกวิจารณ์จากบรรดาเกจิลูกหนัง และพวกกูรูทั้งหลายที่มองว่าเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งกัปตันทีม โดยเจ้าตัวยืนยันว่าด้วยบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจึงมักจะแสดงพฤติกรรมแบบนั้น และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงด้วย
แน่นอนว่า อโมริม คงไม่ริบปลอกแขนกัปตันทีมจากผู้เล่นที่ดีที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่เขาอาจต้องการให้ แฟร์นันด์ส กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมเพื่อร่วมใจให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นในการนำ แมนฯ ยูฯ กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
"ปีศาจแดง" ในเวลานี้เป็นทีมที่ขาดความสามัคคี ส่วนการที่ แฟร์นันด์ส มักจะโวยวายใส่ผู้ตัดสินและการบ่นไปเรื่อยเปื่อยตลอดทั้งเกม หรือการแสดงอารมณ์หงุดหงิด ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ทีมทำผลงานได้ดีขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ แมนฯ ยูฯ ต้องการคือใครสักคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม และทำให้ทุกคนร่วมใจกัน โดยตอนนี้คงไม่มีใครนอกจาก กัปตันบรูโน่ !!
𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄