เมื่อวานมัวแต่ง่วนอยู่กับ แมนยูไนเต็ด หลังความบรรลัยที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จนไม่มีเวลากล่าวถึงชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ในเกมล่าสุดเลย
ต่อไปคือสิ่งที่ผมอยากจะบอก
1. 'หงส์แดง' ถูกวิจารณ์ว่าเล่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และยังไม่เข้าที่เข้าทาง แถมชัยชนะที่ได้มาก็กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน
แต่การเล่นที่ถูกมองว่าไม่ดีของพวกเขาก็เกิดขึ้นในจังหวะเข้ามำที่มันขาดๆ เกินๆ แค่นั้น
ย้ำว่าแค่นั้น
2. รูปเกมโดยรวมไม่ได้แย่
พวกเขาคุมจังหวะเกมตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นพลางครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว
แถมไม่เปิดโอกาสให้ เบิร์นลี่ย์ ได้โต้กลับมากนัก
ปัญหาเดียวคือเจาะไม่เข้า และมักตกม้าตายในจังหวะสุดท้าย ส่วนหนึ่งเพราะคู่แข่งถอยลงไปอุดประตูจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างพลางเล่นเกมรับอย่างมีวินัยแบบแทบไม่พลาดเลย
3. อาร์เน่อ ชล๊อต เป็นกุนซือที่คิดเร็วทำเร็ว และกล้าได้กล้าเสีย แต่มีความละเอียดและรอบคอบอยู่ในที
เมื่อเห็นความผิดปกติ เขารีบถอด มิลอส เคอร์เคซ ที่ติดใบเหลืองที่มาจากการพุ่งล้มออกจากสนาม ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก
เมื่อต้องการเพิ่มมิติในเกมรุก เขาขยับ 'โซโบ' เข้ามาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง
และเมื่อทีมยังทำประตูนำไม่ได้สักทีก็กล้าที่จะถอดกองหลังออก เพื่อใส่กองหน้าเข้าไปเพิ่มอีกตัว
4. จุดโทษและประตูชัยที่ได้ในช่วงทดเจ็บ ผมไม่ได้มองว่ามันเป็น 'แต้มบุญ' หรือดวงดีที่คู่แข่งมำแฮนด์บอลแบบไม่มีเหตุผล หรือแบบควายๆ
แต่มันมาจากการบุกหนักอย่างต่อเนื่องแบบไม่ย่อท้อ บวกความมั่นใจว่าจะต้องทำประตูในสภาวะฉุกเฉินเช่นเคย อันเกิดจากการที่พวกเขาทำประตูได้ในช่วงเวลาแบบนี้เป็นประจำ
5. ในเกมที่ฝืดเคืองและตื้อตัน
ลิเวอร์พูล ยังมีรูปแบบการเข้าทำประตูที่หลากหลาย และสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ในสักรูปแบบหนึ่ง
จุดเด่นนี้ เราเห็นมาตั้งแต่ตอน เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงเป็นผู้จัดการทีมแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการจู่โจมด้วยทีมเวิร์คตามปกติ
การใช้ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น และการใช้ลูกตั้งเตะให้เป็นประโยชน์
สรุปสั้นๆ ว่าเพราะความเขี้ยวยาวลากดินนี่แหละที่ช่วยให้พวกพรี่ๆ เขาเอาตัวรอดได้ตลอด
ว่าแล้วเมตตากับเด็กผีตาดำๆ อย่างผมด้วยนะครับ แบล็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟืดดดดดดดดๆๆๆๆ