แฟร้งค์ อิลเล็ตต์ แฟนพันธุ์แท้แมนยู จะได้ตัดผมเมื่อไหร่! วิเคราะห์โอกาสผีแดงชนะ 5 เกมติดต่อกัน

นับตั้งแต่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ แอสตัน วิลล่า 0-0 เมื่อเดือนตุลาคม 2024 อิลเล็ตต์ ประกาศลั่นวาจาลูกผู้ชายเสียงดังฟังชัดว่าจะไม่ตัดผมอีกเลยจนกว่าทีมรักจะสามารถเก็บชัยชนะได้ครบ 5 นัดติดต่อกัน

จากที่เคยทำผมทรงสกินเฮดสั้นๆ ตอนนี้หัวกบาลของ อิลเล็ตต์ ฟูฟ่องเป็นทรงแอฟโฟร่เหมือนกับ มารูยาน เฟลไลนี่ อดีตแข้ง "ผีแดง" ล่าสุดทีมรักโดน แมนซิตี้ ปู้ยี่ปู้ยำเละเทะ 3-0 ในศึกผ่าเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ เขาไม่ได้ตัดผมมานานถึง 345 วัน

อิลเล็ตต์ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสเปน ไม่ได้เข้าร้านตัดผมมานานเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนศรัทธาที่มีให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเต็มเปี่ยม เพราะเชื่อมั่นว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายของทีมรักจะหมดไปในเร็วๆ นี้ และเขาจะได้แวะไปหาช่างตัดผมเพื่อปลดเปลี้ยงพันธนาการบนกบาลออกไปซะที

การทำสิ่งนี้ อิลเล็ตต์ มีเป้าหมายที่จะนำเส้นผมของตัวเองไปบริจาคเพื่อนำไปทำวิกสำหรับผู้ป่วยเด็กที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง "เชื่อหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้ผมของผมยังยาวไม่พอที่จะนำไปบริจาคได้"

"ดังนั้นถ้าหากความท้าทายนี้จบลงเร็วกว่าที่คิดไว้ ผมก็อยากมั่นใจว่าตัวเองจะได้ช่วยพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่ดี แผนการที่ผมตั้งใจไว้เสมอก็คือจะบริจาคผมให้พวกเขาเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ผมตั้งใจจะทำต่อไป ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม"

ตามประวัติที่ผ่านมา แมนฯ ยูฯ เคยทำสถิติชนะรวด 5 นัดติดต่อกันมาแล้วถึง 58 ครั้ง และแม้ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากหลังจากการอำลาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยมีสองฤดูกาลติดต่อกันที่ไม่สามารถทำสถิติแบบนี้ได้เลย

ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก "เซอร์เฟอร์กี้" ยังสามารถทำสถิติชนะ 5 นัดติดต่อกันได้เฉลี่ยทุก 26 นัด ทำให้เขาอยู่ในอันดับสี่ของผู้จัดการพรีเมียร์ลีก บังเอิญจริงๆ ที่กุนซืออันดับสูงสุดอีกสามคนเป็นคนมีอายุน้อยกว่าได้แก่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า (16.8), เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (17.9) และ โชเซ่ มูรินโญ่ (24) ส่วน อาร์เน่อ สล็อต (30) รั้งอันดับ 5

โดยทั่วไปสโมสรพรีเมียร์ลีกมักมีความได้เปรียบเมื่อเจอกับทีมจากลีกอื่นในประเทศ แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาก็ต้องเจอกับเรื่องผิดหวังเมื่อไม่สามารถเอาชนะ กริมสบี้ ทาวน์ ทีมจากลีก ทู ในเกมคาราบาว คัพ (แพ้จุดโทษตกรอบ)  

การที่ แมนฯ ยูฯ ไม่มีโปรแกรมฟุตบอลถ้วยยุโรป และเหลือแค่เกมลีกกับเอฟเอ คัพ แน่นอนว่า อิลเล็ตต์  รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะชนะต่อเนื่องอย่างที่คาดหวังเอาไว้โดยเฉพาะการชนะในลีกติดต่อกัน เพราะตามสถิติในแต่ละฤดูกาลจะมีทีมไม่เกิน 6 ทีมที่สามารถชนะในลีกต่อเนื่อง 5 นัดได้ และ "ผีแดง" ทำได้เพียง 6 ครั้งในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

แม้จะยาก แต่ อิลเล็ตต์ ยังมองโลกในเชิงบวกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์ที่จะทำได้ โดยมองว่าโปรแกรมลช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนธันวาคม เป็นโอกาสทองที่เขาที่จะได้ปลงผมหยิกหยองซะที

หากวิเคราะห์โปรแกรมช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงตุลาคม แมนฯ ยูฯ มีโปรแกรมยากหลายเกมเริ่มตั้งแต่เยือน แมนฯ ซิตี้ (แพ้ไปแล้ว 0-3) ตามด้วยรับมือ เชลซี และเยือน ลิเวอร์พูล ส่วนงานเบาก็คือการพบกับ เบรนท์ฟอร์ด กับ ซันเดอร์แลนด์ สำหรับแมตช์ปะทะ ไบรท์ตัน ยังถือเป็นของแสลงของ "ผีแดง" 

ส่วนในช่วงปลายเดือนพ.ย.ถึงกลางเดือนธ.ค. ที่ อิลเล็ตต์ คาดการณ์เอาไว้ โอกาสอาจจะมีแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก อย่างไรก็ตามโปรแกรมในช่วงเดือนมกราคมมีแนวโน้มที่ฝันของ อิลเล็ตต์ ที่จะได้ตัดผมน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด แม้จะมีโปรแกรมหนักปะทะ แมนฯซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ก็ตาม 

เหตุผลที่ "ดิ แอธเลติก" สื่อชื่อดัง คาดว่า แมนยู อาจทำได้เพราะพวกเขามีเกมยากแค่ 2 แมตช์ แถมทั้งสองทีมต้องกรำศึกหนักมาตลอดตั้งแต่กลางเดือนก.ย.ยาวไปถึงปีใหม่ โอกาสที่สภาพร่างกายจะอ่อนล้ามีมาก และเสี่ยงผู้เล่นหลักบาดเจ็บด้วย

หากมองจากความเป็นจริงทั้งผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด, สภาพจิตใจของนักเตะ และการบริหารจัดการภายในทีม คงเป็นเรื่องยากที่ อิลเล็ตต์ จะสมหวังได้เห็น "ผีแดง" เก็บชัยชนะ 5 แมตช์ติดต่อกัน แต่ทุกอย่างอาจเป็นไปได้ถ้าหากทีมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นอาจสายเกินไป

โปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่ อิลเล็ตต์ เชื่อว่าทีมจะชนะ 5 เกมติดต่อกัน ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.-กลางเดือนธ.ค.

พบ เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)

พบ คริสตัล พาเลซ (เยือน)

พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)

พบ วูล์ฟส์ (เยือน)

พบ บอร์นมัธ (เหย้า) 

โปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่ "ดิ แอธเลติก" คาดการณ์ว่าเป็นโอกาสดีที่ แมนฯ ยูฯ จะชนะ 5 เกมติดต่อกัน ในช่วงเดือนมกราคม

พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)

พบ เบิร์นลี่ย์ (เยือน)

พบ แมนฯ ซิตี้ (เหย้า)

พบ อาร์เซน่อล (เยือน)

พบ ฟูแล่ม (เหย้า) 

ทั้งนี้การคาดการณ์ยังไม่รวมเกมเอฟเอ คัพ ที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกจะลงฟาดแข้งในรอบที่ 3 ซึ่งจะเริ่มในช่วงต้นเดือนมกราคม ดังนั้นสถานการณ์ของ แมนฯ ยูฯ อาจจะเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ !!!