อยากเขียนวิเคราะห์ถึง แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แต่ด้วยสกอร์ที่ขาดและเกมที่แตกต่างขอชำแหละ "จ่าฝูง" ชนะรวด 4 นัดละกัน
12 แต้มเต็มได้มาอย่างทุลักทุเล
ด้วยการยิงประตูช่วงใกล้หมดเวลาอีกแล้ว
อะไรจะเด็ดขาดขนาดนั้น...
นั่นสิ...สรุปฝีมือหรือดวงดีกันแน่
ใครจะว่าไงก็ช่าง ยังไม่สิ้นเสียงนกหวีด
ก็ต้องลุยจนสุดทาง ไม่งั้นค้างคาใจเปล่าๆ
นี่คือเกมที่สี่แล้วที่ลิเวอร์พูลเล่นไม่ดีแต่มีชัย
อะไรกันครับเนี่ยยยย
เบิร์นลีย์ผู้ดื้อรั้น
สกอต พาร์เกอร์ เคยโดนหงส์ถล่ม 9-0 ที่บอร์นมัธ
นอกเหนือจากเรื่องราวในอดีต แต่การเจอแชมป์เก่า
ทำให้ พาร์เกอร์ จัดระบบ 5-4-1 เพื่อรับมือ
แนวรับโยก โลเรนต์ ลงมายืนเซนเตอร์แบ๊กอีกคน
นอกนั้นเหมือนเดิม....ทั้งคู่กลาง คัลเลน-อูโกชุควู
อ้อปีกขวา ส่ง ชาวนา (กุ่ย บิลเบา ออกเสียง)
ส่วนด้านซ้ายเหมือนเคย ไจดอน แอนโธนี
หน้าเป้า ไลล์ ฟอสเตอร์....
วิธีการคือ middle block และ Low block
พื้นที่เต็มครึ่งสนามฝั่งเบิร์นลีย์ ปิดเกมด้านข้าง
แดนกลางมีจังหวะบวกหนักๆ เพื่อแย่งบอล
ถ้าสวนกลับได้จะทำ ถ้าสวนแล้วไม่ได้...
ไม่เป็นไร เอาเกมรับไว้ก่อน
ผลก็คือ 11 ชุดใหญ่ของ สลอด ไปไม่เป็น
ครึ่งแรก ซาลาห์ เงียบ กัคโป ตัดใจ เปิดเสีย ยิงติด
เวียร์ตส์, เอกิติเก้ ไม่มีการประสานงานใดๆ
บอลอยู่กับ ฟานไดจ์ และ โกนาเต้ เยอะมาก
เปลี่ยน...เคอร์เคส ทำไม
จะว่าไป...เบิร์นลีย์ แทบไม่ได้ทำให้เครียด
เพียงแต่เมื่อ เคอร์เคส โดนเหลืองจากพุ่งล้ม
สลอด เกรงว่ากองเชียร์เจ้าบ้านกดดันผ.ต.ส.
จึงตัดสินใจเปลี่ยนออกแล้วส่ง รอบโบ ลงแทน
ตั้งแต่นาทีที่ 38 ไม่รอให้หมดครึ่งแรกด้วยซ้ำ
งานละเอียด? หรือเน้นชัวร์
สลอดให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "ไม่เสี่ยง"
กลัวเหลือ 10 คนแล้วเจ้าบ้านได้ใจ
เซฟร่างกาย แมคก้า
ครึ่งแรกโดนเสียบข้อเท้า...พอครึ่งหลังพัก
จริงๆตามสูตรของ สลอด ยังไงแมคก้า ต้องโดนเปลี่ยน
บินไปอเมริกาใต้ เล่นให้ทีมชาติมา และสภาพของเขาด้วย
เล่นอย่างมาก 60 นาที... แต่นี่เปลี่ยนเร็วพักครึ่ง
ส่ง แบรดลีย์ ลงมาแทน แล้วโยก โซโบ ไปกลาง
ถือว่ามีทางเลือกให้ใช้งานอยู่เยอะ สำหรับ สลอด
ครึ่งหลังเกมดีขึ้น...เร็วขึ้น กดดันมากขึ้น
ดูมีโอกาสลุ้น...แต่ เบิร์นลีย์ ไม่พลาดง่ายๆ
จนต้องเปลี่ยน เคียซ่า แทน เอกิติเก้ 18 นาทีท้าย
พอ เบิร์นลีย์ เหลือ 10 คน อูโกชุควู แดง น.84
สลอดจึงทิ้งไพ่สองใบสุดท้าย น.87
ฟริมปง และ เจ้าหนู ริโอ ลงแทน โกนาเต้ และ เวียร์ตส์
ถอดกองหลัง1 เพิ่มตัวรุกด้านข้างง
เป็น ฟริมปง ที่ครอสบอลโดนแขน ฮันนิบาล ได้จุดโทษ
ช่วงทดเวลาแล้วสามนาที.....ยิงเข้าก็5 นาทีพอดี
ชนะอย่างเต็มกลืนนน
สลอด ไทม์
บีบีซี เรียก "อาร์เน่อ ไทม์"
บ้านเราเรียก "นาทีบาป" (บาปตรงไหน555)
เพื่อบรรยาย...ประตูชัยท้ายเกม
ผมขอเรียก "สลอด ไทม์" ละกัน
เกมแรกขณะที่กำลัง 2-2 กับบอร์นมัธ
นาที 87.45 เคียซ่า เอี้ยวตัวยิงเข้าไป
นำ 3-2 ก่อน โม ซาลาห์ปิดกล่อง 4-2
เกมนิวคาสเซิล 2-2 น่าจะแบ่งแต้ม
แต่แล้ว นาที 99.44 (ทดเวลา11นาที)
เจ้าหนู ริโอ ยิงสุดสวยให้ทีมชนะ 3-2
สัปดาห์ก่อนฟีฟ่า เดย์....สกอร์ 0-0 กับปืน
ดูทรงแล้วก็น่าจะแบ่งแต้ม นาที่ 82.02
โซโบ ปั่นฟรีคิก เวิลด์ คลาส เข้าไปสวยงาม
ชนะอาร์เซนอล คู่แข่งแย่งแชมป์เฉย..
ล่าสุดน่าจะแบ่งแต้มกับเบิร์นลีย์
แต่แล้ว นาที 90+3 ฮันนิบาล ทำแฮนด์บอล
นาที 94.21 โม ยิงจุดโทษเป็นประตูชัย
เบ็ดเสร็จ 5 ลูกจาก 9 ที่ยิงได้เกิดขึ้นช่วงท้ายเกม
กลายเป็น สลอด ไทม์ ที่มาแทนที่ "เฟอร์กี้ ไทม์"
ส่วน โม ซาลาห์ กดไปแล้ว 188 ลูกในพรีเมียร์ลีก
แซง แอนดี้ โคล ตามหลัง รูนีย์ (208 ลูก)
รวมทั้ง แฮร์รี เคน 213 ลูก
ส่วนเจ้าของสถิติ อลัน เชียเรอร์ 260 ลูก ดูไกลไปหน่อย
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เหลือสองปี
อีซัค ไม่ลง
ง่ายมากครับ...เห็นหลายคนไถ่ถามว่าทำไมไม่ลง
ก็สภาพร่างกายไม่ฟิตขนาดนั้น ไม่มีเกมเลย
ตอนนี้มาซ้อมกับทีมได้1 สัปดาห์...
สลอด บอกว่า...นัดเจอแอต.มาดริด น่าจะพอมีโอกาส
คงต้องหยอดลงสนามบางช่วงเวลาแน่นอน
จากสี่นัด12 แต้มเต็ม...ยังไม่มีนัดไหนเล่นได้น่าประทับใจ
นอกเหนือไปจากการยิงประตูท้ายเกมแล้วชนะคู่แข่ง
แฟนๆก็รอเวลาว่าเมื่อไหร่สี่ตัวรุกจะคลิ๊กกันซักที
นี่หาก อีซัค พร้อมแย่งตำแหน่งกับทุกคนแดนหน้า
คำถามคือว่า....ใครจะนั่ง
เอกิติเก และ กัคโป คนใดคนหนึ่งน่าจะเดือดร้อน
แล้วถ้า อีซัค ลงการรุกของหงส์แดงจะดุดัน
เล่นเข้าขากันมากน้อยขนาดไหน....
คิดเสียว่า...ขนาดเล่นไม่ดียังมีชัย
แล้วหากตัวรุกเล่นร่วมกันได้...ไหลลื่น
จะเกิดอะไรขึ้น....
ว่าแต่รออีกนานมั้ย