สกอร์ 3-0 ทำให้ใบหน้าของเหล่ากูนเนอร์สหลายคนมีรอยยิ้มตามกัน ในช่วงกลางของครึ่งหลังพวกเขาก็ยังพร้อมใจตะเบ็งลำคอไปยังข้างสนามโดยมีเป้าอยู่ที่โค้ชคนใหม่ของน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ "Sacked in the morning, You're getting sacked in the morning"
มันย่อมไม่ใช่...แฟนใหม่หน้าคุ้น
แต่ตรงกันข้ามกันเลย...ศัตรูใหม่หน้าคุ้น
ในฐานะอดีตกุนซือ สเปอร์ส คู่อริเบอร์1จึงทำให้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู โดนพวกเจ้าถิ่นร้องเพลงเย้ย ฟุตบอลก็แบบนี้ครับผู้ชนะมักเป็นนายเสมอ
ถึงกระนั้นก็เป็นผลการแข่งขันที่คาดเดาได้ ที่ผ่านมาสามปีอาร์เซน่อลก็กำชัยเหนือฟอเรสต์ในบ้านมาติดต่อกันโดยทะลวงตาข่ายไปได้ 10 ลูก อย่างยิ่งกับพวกเขาคือหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ที่เพิ่งลงทุนไป 250 ล้านปอนด์ด้วย
แน่นอนสาวกปืนโตย่อมพึงพอใจ ในเกมได้ดูประตูสุดสวยจากลูกวอลเล่ย์หน้ากรอบเขตโทษของ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ ในเกมได้เห็นลูกเข้าฮอสจาก วิคตอร์ เยอเกเรส ซึ่งอาจดูง่ายแต่มันแสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาต้องการกองหน้าตัวเป้า ขณะเดียวกันในเกมก็ยังได้ดูลีลากระชากริมเส้นของ โนนี่ มาดูเอเก้ ที่ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเขาเองได้ดีเยี่ยมหลังจากเคยเจอต่อต้านจากแฟนตอนย้ายมาจาก เชลซี
อีกอย่างก็อย่าลืมว่าซีซั่นเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน มิเกล อาร์เตต้า ก็ต้องเสียแกนหลักทยอยเจ็บไปหลายคน ไล่จาก บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล เชซุส, ไค ฮาเวิร์ตซ, วิลเลี่ยม ซาลิบา มาจนถึงล่าสุดกัปตัน มาร์ติน โอเดอการ์ด ที่โดนเปลี่ยนออกตั้งแต่นาที 18 ในครึ่งแรก
ทว่าตอนนี้ออพชั่นของทีมมีลึกขึ้น
ไม่มี ซาก้า ทางด้านขวา ก็มี มาดูเอเก้
อีกด้านฝั่งซ้ายที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ฟอร์มเอาแน่ไรไม่ได้ก็มี เอเบเรซี่ เอเซ่ ที่เซ็นมาจากคริสตัล พาเลซ มันไม่ใช่แค่ขนาดที่ใหญ่ขึ้นแต่เป็นการอัพเกรดคุณภาพ
"อาร์เซน่อลทุ่มเงินไปเยอะ บางทีนี่เป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมี มันเป็นโอกาสดีที่สุดที่พวกเขาจะเอาแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ พวกเขาต้องเชื่อว่าสามารถทำได้" เชย์ กิฟเว่น อดีต นายทวารนิวคาสเซิ่ลวิเคราะห์เอาไว้
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นครับ อาร์เตต้า สามารถจัดได้สองทีมสบายๆ ทีมที่จบรองแชมป์มาสามซีซั่นติดก็ยิ่งมีบทเรียนสอนใจด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะก้าวข้ามเส้นไปชูโทรฟี่ได้ซะที
หยิบเอาเกมที่พ่ายต่อลิเวอร์พูล 0-1 สองสัปดาห์ก่อนก็ถือว่าน่าผิดหวัง ถึงใครจะคิดว่าก็ปกติที่ไปเสียท่าให้ทีมแชมเปี้ยนถึงแอนฟิลด์ ทว่าพิจารณาจากการจัดตัว แท็กติกการเล่นแล้วในวันนั้นก็สะท้อนว่าอาร์เตต้ายังไม่ได้แก้ไขความผิดพลาดจากที่ผ่านมา
ยังคงหวังจากเซตพีซโดยเฉพาะเตะมุมจะช่วยให้ทีมได้ประตู
ยังคงออกลูกยำเกรงเกินไปในการมารังของชาวหงส์
ย้อนไปสองฤดูกาลก่อนอาร์เซน่อลยกพลไปเอติฮัด ในเวลานั้นทีมตราปืนนำจ่าฝูงด้วยผลต่างได้เสียที่ดีกว่าซึ่งเหลืออีกแค่9เกมเท่านั้นก็จะจบ ลองจินตนาการว่าถ้าเกมนั้นพวกเขาได้สามแต้มจะเป็นอย่างไร? หากผลที่ออกมาจบ0-0โดยทีมของอาร์เต้าได้โอกาส6ครั้ง ครองบอล27%
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแชมป์กับรองแชมป์มักตัดสินด้วย'เส้นบางๆ'เสมอ
ยังจำปีที่ ลิเวอร์พูล ภายใต้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จบแค่พระรองโดยกวาดไปถึง97แต้มได้ไหมครับ? ก็ลูกสกัดบนเส้นกับตัวเลข11มิลลิเมตรของจอห์น สโตนส์ไงที่ทำให้แตกต่าง
ก็อาจไม่ผิดที่อาร์เตต้าจะมองว่า'ผลเสมอ'ที่แอนฟิลด์ไม่เสียหาย เพียงแต่มันจะถูกต้องกว่านั้นถ้าเขาคิดสูงกว่านั้นว่าชัยชนะต่างหากจะเหมือนการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเด็กๆของเขาชุดนี้พร้อมแล้วที่จะเป็นแชมป์ซะที
หนึ่งในบัญญัติของโลกใบนี้เขียนเอาไว้ว่า High Risk High Return
ความรักก็เช่นกัน...อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่กล้าจีบแล้วจะได้เขา/เธอมาเดินควงได้อย่างไรกัน
เมื่อวันเสาร์ศักยภาพก็เห็นกันจากเกมกับเจ้าป่า การซื้อตัวอย่าง ซูบิเมนดี้(26), เยอเกเรส(27)หรือว่าเอเซ่(27) ก็ชัดเจนว่าทั้งหมดต่างอยู่ช่วงพีกของอาชีพค้าแข้ง ต่างเป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มยกระดับให้ทีมไปอีกขั้น ก็อยู่ที่อาร์เตต้าแล้วจะทำได้ไหม
น่าเป็นอีกปีที่แชมป์จะตัดสินยามเจอกันเองหรือพวกกลุ่มท็อปซิกซ์มาดวลกัน
ถือว่าดีแน่ที่อาวุธเด็ดของอาร์เซน่อลอยู่ที่เซตพีซ ก็เตะมาแค่4เกมทำได้ถึง5ลูกแล้วแต่สิ่งที่จะทำให้พวกเขาน่ากลัวกว่านั้นและขยับเข้าใกล้ความจริงที่รอคอยก็อยู่ที่ต้องกล้าเสี่ยงในเกมยากๆ อย่าว่าแต่แพ้กับเสมอเลย เสมอกับชนะก็ต่างกันแล้วระหว่าง1กับ3คะแนน
อะไรคือเคล็ดลับสู่ความยิ่งใหญ่ของ แมนฯยูไนเต็ด ยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวเฟอร์กี้บอกเล่าไว้แบบนี้
"เมื่อคุณตามหลัง1-0กับ15นาทีสุดท้ายที่เหลืออยู่ มันจะมีประโยชน์อะไรที่ยังขึงเกมรับแบ็กโฟร์ มีกองกลางสี่คนและมีกองหน้าสองคนเหมือนเดิม มันต้อกล้าเสี่ยงที่เติมตัวรุกลงไป ให้มีคนอยู่ในกรอบเขตโทษมากกว่าเดิม แน่นอนความเสี่ยงที่ตามมาก็อาจโดนสวนกลับ พวกเราเองก็เคยแพ้ในแบบนี้มาแต่ในขณะเดียวกันเราก็เคยกลับมาแซงชนะ ได้ประตูตอนทดเจ็บ บรรยากาศในห้องแต่งตัวมันยอดเยี่ยมมาก ทุกคนจะจดจำโมเมนต์นั้นไม่ลืม"
คัมป์นูปี1999กับนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกก็อย่างนั้น
ถูกต้องลิเวอร์พูลแข็งแกร่ง ยิ่งกับการเสริมทัพเป็นประวัติการณ์ซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยแต่อาร์เตต้าก็ต้องมั่นใจในทีมที่เขามีว่าไม่ได้เป็นรอง สู้ได้และเมื่อเจอกันก็เอาชนะได้
แชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ได้มีไว้ให้ใครที่ต้อนฟอเรสต์3-0หรือลีดส์ ยูไนเต็ด5-0ในบ้าน
เพราะของที่อยู่สูงไม่เคยตกลงมาหาใครเอง คนที่กล้าเสี่ยงปืนไปหาเท่านั้นถึงได้ครอบครอง
"ไก่ป่า".....