สิ่งที่เกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ ท่ามกลางตลาดซัมเมอร์ที่คึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก็คือการผ่าตัดทีมงานสตาฟฟ์ภายในศูนย์ฝึก AXA Training Centre
การปรับเปลี่ยนดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นซัมเมอร์ 2025 ด้วยการดึง โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สต์, ชาบี บาเลโร่ และ โคลิน สจ๊วต เข้ามาแทนที่ จอห์นนี่ ไฮติงก้า, ฟาเบียน อ็อต และ เคลาดิโอ ทัฟฟาเรล ตามลำดับ
กระทั่งล่าสุดคือการแต่งตั้ง ลุยซ์ แฟร์นานโด อูเบล ในตำแหน่งโค้ชดูแลการพัฒนารายบุคคล ซึ่งอาจกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลชัดเจนในสนามเร็วที่สุด
เพราะการมาของเขาเปิดทางให้ แอร่อน บริกส์ ได้โฟกัสงานโค้ชลูกเซตพีซเต็มตัว หลังจากก่อนหน้านี้ต้องแบ่งงานระหว่างการดูแลเซตพีซและการพัฒนาผู้เล่น ซึ่งตอนนี้ก็ได้ส่งต่อหน้าที่นั้นให้ อูเบล อย่างเต็มตัวแล้ว
...
อันที่จริง ลิเวอร์พูล เคยเปิดรับสมัครตำแหน่งโค้ชลูกตั้งเตะมาตั้งแต่หน้าร้อน 2024 ก่อนที่สุดท้ายจะเลือกมอบหมายให้ แอร่อน บริกส์ ทำหน้าที่นั้น โดยมีรายงานว่า สโมสรตั้งใจจะปรับเปลี่ยนก็ต่อเมื่อเจอคนที่โดดเด่นจริง ๆ
เวลานี้ชัดเจนแล้วว่า พวกเขามั่นใจว่าคนคนนั้นคือ บริกส์ และเพื่อเป็นการยืนยันความไว้วางใจ ลิเวอร์พูล ยังดึง ลูอิส มาโฮนีย์ จากเซาธ์แฮมป์ตัน เข้ามารับบทนักวิเคราะห์ลูกเซตพีซทีมชุดใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในทิศทางที่กำลังดำเนินอยู่
กระนั้นเอง ทีมสตาฟฟ์ชุดใหม่ก็รู้ดีว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาและปรับปรุงต่อไป
ตามข้อมูลจาก WhoScored แสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ทำได้ดีแต่ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมในการป้องกันลูกตั้งเตะเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ระหว่างเส้นทางสู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
โดยพวกเขาเสียไปทั้งหมด 9 ประตูจากลูกตั้งเตะ คิดเป็น 22% ของจำนวนประตูที่เสียทั้งหมดในลีกฤดูกาล 2024/25 แต่สาเหตุหลักก็เพราะทีมที่แข็งแกร่งและมีเกมรับเหนียวแน่น มักถูกเจาะได้จากสถานการณ์แบบนี้เท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือ อาร์เซน่อล ซึ่งถูกยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลูกตั้งเตะ กลับเสียประตูจากวิธีการนี้ไปถึง 14 ลูก แม้จะมีสถิติการเล่นเกมรุกจากลูกนิ่งที่น่าประทับใจก็ตาม
ไมเคิล ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จาก The Athletic เพิ่งชี้ให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้ว่า แท็กติกใหม่ในการถอยลงไปป้องกันลูกตั้งเตะจากระยะแนวลึก(สไตล์อิตาเลี่ยน) อาจช่วยบรรเทาปัญหาที่ผ่านมาได้ในระยะยาว
แต่อีกด้านหนึ่ง ลิเวอร์พูล กลับมีสถิติอยู่เพียงระดับกลางตารางในเรื่องการโจมตีจากลูกตั้งเตะเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยทำได้เพียง 10 ประตู
เอาจริง ๆ มันก็เป็นตัวเลขน่าผิดหวังเหมือนกัน หากเทียบกับ อาร์เซน่อล ที่ยิงได้มากกว่า 5 ประตู
ความแตกต่างตรงนี้อาจกลายเป็นตัวตัดสินในเส้นทางลุ้นแชมป์ที่ขับเคี่ยว หรือแม้กระทั่งหากทั้งสองทีมต้องเจอกันใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
ความเป็นจริง จุดที่น่าดึงดูดที่สุดของการเป็นทีมที่ทำประตูจากลูกตั้งเตะได้อย่างต่อเนื่องก็คือ นี่คือช่วงเวลาที่ไม่ขึ้นกับรูปแบบว่าจะเล่นดีหรือเล่นแย่
หากใช้จังหวะเหล่านี้ได้ดีมากพอ ก็มีโอกาสเปลี่ยนผลการแข่งขันได้ทันที
การมีวิธีการซ้ำ ๆ ที่ช่วยให้ได้ประตู โดยไม่จำเป็นต้องเล่นให้ดีที่สุดเสมอไป นับเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่า
ข่าวดีคือ ลิเวอร์พูล เริ่มแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในช่วงท้ายฤดูกาลก่อน ด้วยการยิงได้ถึง 5 ประตูจากลูกตั้งเตะใน 7 เกมสุดท้าย
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ vs เวสต์แฮม
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ vs เลสเตอร์
ฟาน ไดค์ vs เชลซี
โคดี้ กัคโป vs อาร์เซน่อล
และ โดมินิค โซโบซไล vs ไบรท์ตัน
อย่างไรก็ตาม จากที่ดูมีแววตอนนั้นยังไม่สามารถต่อยอดมาถึงฤดูกาลนี้
ลิเวอร์พูล ทำได้เพียง 1 ประตูจากลูกตั้งเตะ (โซโบซไล vs อาร์เซน่อล) และเสียไปแล้ว 2 ประตูในเกมเจอ นิวคาสเซิ่ล
สถิติยังชี้ให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสยิงจากลูกตั้งเตะได้เพียง 8 ครั้ง คิดเป็นค่า xG เพียง 0.55 เท่านั้น ตามหลัง เชลซี ที่นำเป็นที่หนึ่ง 17 ครั้ง, xG 2.61 และ อาร์เซน่อล 15 ครั้ง, xG 2.34 อยู่มากทีเดียว
ถึงกระนั้น ยังมีเหตุผลให้มองโลกในแง่ดีว่า ระบบใหม่จะเริ่มให้ผลลัพธ์ได้มากขึ้น หากได้เวลาในสนามซ้อมเพิ่ม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกมรุกลูกกลางอากาศได้รับการเสริมแกร่งจากการเข้ามาของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค (สูง 6 ฟุต 4), อูโก้ เอกิติเก้ (สูง 6 ฟุต 3) รวมถึงการวางบอลอันยอดเยี่ยมของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
หาก ลิเวอร์พูล สามารถยกระดับผลงานได้ทั้งเกมรุกและเกมรับจากลูกตั้งเตะจริง ๆ
พวกเขาจะมีเส้นทางสู่ชัยชนะเพิ่มมากขึ้นในฤดูกาลนี้ ขณะเดียวกันก็ลดโอกาสการทำประตูของคู่แข่งได้เช่นกัน
HOSSALONSO