แมนยู 3-2 เบิร์นลีย์ : 5 ประเด็นร้อน ผีแดงหืดจับเฉือนน้องใหม่ นาทีบาปซิวชัยแรกพรีเมียร์ลีก

ในที่สุด  แมนยู ก็ประสบกับชัยชนะเป็นเกมแรกของซีซั่นนี้จนได้เมื่อลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ต้อนรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ส.ค.แต่ต้องรอจนช่วงทดเวลาก่อนจะคว้าสามแต้มแรกเหนือทีมน้องใหม่จากการซัดลูกโทษของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส พาทีมกำชัยแบบเส้นยาแดงผ่าแปด 3-2 ช่วยลดความกดดันให้กับ รูเบน อโมริม กุนซือโปรตุกีสได้สำเร็จแม้จากฟอร์มโดยรวมของทีม นักเตะ ผีแดง ยังเล่นกันได้อย่างห่างไกลกับคำว่าน่าประทับใจ

1. บายินดีร์ เฝ้าเสา-ดาโลต์ คัมแบ็ค

รูเบน อโมริม กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับทัพ 11 คนแรกแค่รายเดียวเมื่อยึดจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่ออกไปเสมอกับ ฟูแล่ม 1-1 โดย ดีโอโก้ ดาโลต์ ได้กลับมาสวมบทวิงแบ็คซ้ายแทน แพทริค ดอร์กู

อย่างไรก็ดี หลังออกไปแพ้ กริสบี้ ในเกม คาราบาว คัพ รอบสอง อ็องเดร โอนาน่า ถูกส่งกลับไปนั่งข้างสนามโดยที่ อัลตาย บายินดีร์ ได้เฝ้าเสาในเกมลีกเป็นนัดที่สามติดต่อกัน ขณะที่ เบนจามิน เซสโก้ หัวหอกตัวใหม่หล่นไปเป็นตัวสำรองอีกหนโดยมี เมสัน เมาท์ ยึดตำแหน่งตัวจริงกลับไปครอง

ด้าน นุสแซร์ มาซราวี กองหลังทีมชาติ โมร็อกโก ที่บาดเจ็บจนพลาดเกมปรีซีซั่นมีชื่ออยู่ในซุ้มม้านั่งเป็นนัดแรก

2. เบิร์นลีย์ ยึดโผเดิมบุกโรงละคร

สกอตต์ พาร์เกอร์ ผู้จัดการทีม เบิร์นลีย์ ยึดโผนักเตะชุดเดิมทุกตำแหน่งจากเกมลีกนัดพิชิต ซันเดอร์แลนด์ 2-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน

จากโผดังกล่าวทำให้ ฮันนิบาล เมจบรี้ ได้กลับมาบู๊กับทีมเก่าหลังเจ้าตัวผ่านการลงเล่นให้ ปีศาจแดง ในทีมชุดใหญ่รวม 13 ครั้ง

พร้อมกันนี้ เดอะ คลาเร็ตส์ มี ไคล วอล์คเกอร์ อดีตแบ็คขวา แมนฯ ซิตี้ อริร่วมเมืองลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นกัน ขณะที่นายทวาร มาร์ติน ดูบราฟก้า เคยเฝ้าเสาให้ ผีแดง ช่วงที่ย้ายมาจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบยืมตัว

3. รุกทื่อ รับหลวม โกลห่วย

นี่คือนิยามของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ อโมริม ซึ่งมีผลงานที่ย่ำแย่ไปซะทุกพื้นที่ไล่ตั้งแต่นายทวารยันกองหน้า

แม้เกมนี้ บายินดีร์ จะได้เฝ้าเสาแทน โอนาน่า ในเกมลีกเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างเนื่องจากนายด่านตาข่ายเติร์กไม่เหนียวแน่นพอที่จะปกป้องประตูให้กับทีมได้ และโดนเช็กบิลไปสองตุงทั้งๆที่ เดอะ คลาเร็ตส์ ไม่ได้มีโอกาสมากมายอะไรเลย

ขยับมาในแดนหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเสียประตูง่ายเหมือนเดิมไม่เลิกจากโอกาสเพียงน้อยนิดของทีมรองบ่อนซึ่งสามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ไม่ยากเนื่องจากระบบหลังสามของ อโมริม ทำให้ทีมมีพื้นที่ให้คู่แข่งโจมตีตลอดเวลา

และสุดท้าย ทั้งๆที่ซัมเมอร์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงทุนไปกับกองหน้า แต่ผ่านมารวมทั้งสิ้นสี่นัดในทุกรายการ พวกเขาได้ประตูจากการสกัดบอลตุงตาข่ายตัวเองของคู่แข่งสองเกม และมี ไบรอัน เอ็มเบอโม่ คนเดียวที่ยิงให้ทีมได้จากจังหวะโอเพ่น เพลย์สองหนจากทุกรายการ

แม้ อโมริม จะคุมทีมคว้าผลลัพธ์ได้ลำบาก แต่เป็นเหมือนที่เขาระบุกับสื่อหลังเกมว่า ผีแดง น่าจะชนะทีมเยือนตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วจากโอกาสที่มากกว่าโดยในเกม 45 นาทีแรก เจ้าบ้านครองบอลได้เหนือกว่า 59.70%:40.30% และได้ยิง 15:2 ครั้งพร้อมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้ 4:0 ครั้ง แต่นำหน้าแค่เม็ดเดียว

จากนั้นหลังจบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้ดีกว่า 62.10%:37.90% และได้สับไกรวม 26:6 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 6:3 ครั้งโดยพวกเขาต้องรอจนถึงช่วงทดเวลากับการอาศัยลูกโทษพาทีมเฮ

ฉะนั้นแล้ว มันจึงเห็นได้ว่า อโมริม ยังแก้ปัญหาสารพัดสารพันไม่ตกทั้งตำแหน่งนายทวารที่เสียประตูง่าย รวมถึงระบบหลังสามที่พร้อมโดนฝ่ายตรงข้ามเช็กบิลได้ตลอดเวลา ขณะที่กองหน้ายังยิงนกตกปลาทั้งๆที่มีโอกาสไม่น้อยซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลงานของทีม

4. เอ็มเบอโม่ คีย์แมนคนใหม่

ในบรรดาสามหัวหอกของทีม เอ็มเบอโม่ แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเป็นที่พึ่งได้เนื่องจากถึงตอนนี้สตาร์ทีมชาติ แคเมอรูน เป็นรายเดียวที่ยิงประตูให้ทีมได้จากจังหวะโอเพ่น เพลย์สองเม็ดจากสองรายการ

เริ่มจากเกม คาราบาว คัพ รอบสองซึ่งอดีตกองหน้าทีม เบรนท์ฟอร์ด เบิกสกอร์แรกให้ตัวเองกับ ผีแดง ได้ แต่โชคร้ายที่ยิงลูกโทษรอบสองในช่วงดวลความแม่นเป้าพลาดจนทำให้ทีมแพ้คู่แข่งระดับ ลีก ทู

อย่างไรก็ดี เอ็มเบอโม่ กู้ชื่อได้ทันทีในเกมบู๊กับ เบิร์นลีย์ แม้ ผีแดง เกือบเก็บได้แค่แต้มเดียวหากไม่ได้ลูกโทษพาทีมกำชัยในช่วงทดเวลา

นอกจากนี้ ฟอร์มในสนามที่ทุ่มเท และมีบทบาทสูงของดาวเตะแอฟริกันแสดงให้เห็นเช่นกันว่าเขาเล่นเข้าขากับเพื่อนใหม่ได้แล้ว และพร้อมเป็นที่พึ่งของทีมในเรื่องการทำประตูโดยหลังเกมชนะ เดอะ คลาเร็ตส์  ดาวเตะวัย 26 ปียิงประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ได้ 21 เม็ดแล้วหากนับตั้งแต่ซีซั่นก่อนซึ่งเป็นสถิติที่เป็นรองแค่ โม ซาลาห์ (29), อเล็กซานเดอร์ อิซัก (23) และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (22) เท่านั้น

5. อโมริม มีน้องใหม่เป็นที่พึ่ง

หลังพาทีมพิชิต เบิร์นลีย์ แบบเหงื่อตก 3-2 ไม่เพียง อโมริม จะลดความกดดันให้กับตัวเองได้เท่านั้น แต่สถิติชี้ชัดว่าเขามีทีมน้องใหม่เป็นที่พึ่งในยามยากหากหวังพา แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยชนะ

ถึงตอนนี้ อโมริม คุมทีม ผีแดง ปะทะกับทีมน้องใหม่ของ พรีเมียร์ลีก รวม 8 นัดแล้ว และเขาคว้าชัยได้ 4 นัดคิดเป็นสัดส่วน 50% ซึ่งเป็นสถิติร่วมที่ดีที่สุดของผู้จัดการทีมที่ได้ต่อกรกับทีมน้องใหม่ไม่น้อยกว่า 8 นัดเช่นเดียวกับ เจสซี่ มาร์ช ซึ่งพาทีมกำชัยได้ 4 จาก 8 นัดเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ในจำนวน 8 เกมที่ว่า หากมองกันถึงสังเวียนแข้ง อโมริม พาทีมคว้าชัยเหนือทีมน้องใหม่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ 3 จาก 5 เกมซึ่งทำให้เขามีเรตชนะเพิ่มขึ้นเป็น 60%

พร้อมกันนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานข่มทีมน้องใหม่อย่างชัดเจนในการเล่นที่ โอลด์  แทรฟฟอร์ด เนื่องจากหลังสยบ เบิร์นลีย์ ได้สำเร็จ พวกเขาแพ้แค่เกมเดียวจาก 26 เกมหลังในทุกรายการ (ชนะ 16) โดยหนล่าสุดเป็นการโดน เดอะ คลาเร็ตส์ บุกมากำชัย 2-0 ในเกมลีกเมื่อเดือนม.ค.2020

อย่างไรก็ดี จากฟอร์มที่ยังแกว่งไปแกว่งมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อโมริม จะกลับมาเครียดอีกรอบหลังพ้นช่วงเบรกเกมทีมชาติจากโปรแกรมห้านัดหน้าที่ ปีศาจแดง จะได้ดวลกับทีมน้องใหม่อีกหนึ่งนัด

แมนฯ ซิตี้ (เยือน) 14 ก.ย.

เชลซี (เหย้า) 20 ก.ย.

เบรนท์ฟอร์ด (เยือน) 27 ก.ย.

ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า) 4 ต.ค.

ลิเวอร์พูล (เยือน) 19 ต.ค.