งานประกาศรางวัล PFA ค่ำคืนที่ควรเต็มไปด้วยแสงแฟลชและเสียงปรบมือ แต่กลับกลายเป็นวันที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ใช้โพสต์ในโลกออนไลน์แทนการเดินพรมแดง
อิซัค เลือกที่จะไม่ไปร่วมงานนั้น ทั้งที่ตัวเองมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมและถูกเสนอเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยม
เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาไม่ภูมิใจ แต่มันคือการส่งสารถึง นิวคาสเซิ่ล ที่สายสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
"ในเมื่อคำสัญญาที่ให้ไว้ถูกทำลาย และความเชื่อใจก็พังทลายลงไปด้วย ความสัมพันธ์ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้อีกต่อไป"
"นั่นถือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย"
"ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว"
ข้อมูลจาก The Athletic ชี้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
แต่ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคของ อแมนด้า สเตฟลีย์ หนึ่งในผู้ถือหุ้น นิวคาสเซิ่ล ที่เคยเจรจาเรื่องสัญญาใหม่กับทีมงานของ อิซัค อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เธอจะอำลาสโมสรไปตอนเดือนกรกฎาคม 2024
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ พอล มิทเชลล์ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาในซัมเมอร์ปีก่อน
เขามองว่าภายใต้กฎการเงิน PSR นิวคาสเซิ่ล ไม่พร้อมที่จะเสนอสัญญาใหม่
โดยตอนนั้น อิซัค ยังเหลือสัญญาอีกถึง 4 ปี รับค่าเหนื่อยมากกว่า 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และอยู่ในกลุ่มนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของทีม
สโมสรจึงตัดสินใจเลื่อนไปก่อน และคอยว่า เมื่อไหร่ที่ฐานะทางการเงินจะแข็งแรงขึ้นในอนาคต พวกเขาก็จะค่อยกลับมาเจรจาอีกครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป นิวคาสเซิ่ล จบอันดับ 5 เมื่อซีซั่นที่แล้ว คว้าตั๋วกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ขายผู้เล่นบางราย และมีความพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับ อิซัค เพื่อทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร
แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากยุคสเตฟลี่ย์ คือ โทนการสื่อสาร จากเดิมที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ดูแลอย่างใกล้ชิด กลายเป็นแนวทางที่เป็นธุรกิจมากขึ้น และสำหรับนักเตะระดับท็อปอย่าง อิซัค ความรู้สึกนั้นคือรอยร้าวที่สะสมมานาน
เขารู้สึกว่าคำสัญญาไม่เคยถูกเติมเต็ม ความเชื่อใจที่เคยมีได้พังทลายลง และนั่นคือจุดที่ทำให้เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงคือทางออกที่ดีที่สุด
ด้าน นิวคาสเซิ่ล ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์กลับทันทีว่า "อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยังมีพันธะสัญญากับทีม และไม่เคยมีใครให้คำมั่นว่าจะอนุญาตให้เขาย้ายออกในซัมเมอร์นี้"
พวกเขาย้ำว่า ตลอดมาสโมสรพร้อมรับฟังและให้ความเคารพต่อความต้องการของนักเตะ
แต่ทุกการตัดสินใจต้องตั้งอยู่บนผลประโยชน์สูงสุดของทีมและแฟนบอล พร้อมย้ำว่าเงื่อนไขที่จะทำให้การย้ายเกิดขึ้นจริง "ยังไม่สำเร็จ"
เหนือสิ่งอื่นใด แถลงการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล ยังพยายามตอกย้ำว่า สโมสรยังเป็น "ครอบครัว" และ อิซัค ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
และรอต้อนรับกลับมาเสมอเมื่อ อิซัค พร้อมที่จะกลับมาร่วมทางกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง
ดราม่านี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่คือ ความรู้สึกที่ถูกสะสมมาตลอด ระหว่างความทะเยอทะยานส่วนตัวของกองหน้าที่อยากไล่ล่าความสำเร็จสูงสุด และสโมสรที่ต้องการรักษาเสถียรภาพภายใต้กฎการเงิน
อิซัค อาจไม่ได้มีปัญหากับ เอ็ดดี้ ฮาว หรือ PIF กลุ่มทุนเจ้าของทีม แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาเชื่อว่าการก้าวต่อไปคือคำตอบ
ต่อจากนี้คือจุดชี้ชะตา ขณะที่นักเตะมีสิทธิ์แสดงจุดยืน สโมสรเองก็มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของทีมและแฟนบอลเช่นกัน
ไม่ว่าฉากจบไหน เรื่องนี้สะท้อนความจริงของฟุตบอลยุคใหม่ได้ดีมาก คือ ความสำเร็จส่วนตัวของนักเตะ กับ ความมั่นคงทางธุรกิจของสโมสร ต้องเดินคู่กัน
หากฝ่ายหนึ่งขาดความสมดุล รอยร้าวก็พร้อมจะขยายทันที
HOSSALONSO