บางครั้งความผูกพันในฟุตบอลไม่ได้วัดกันที่ระยะเวลา แต่วัดกันที่ ความคาดหวังที่เรามีต่อใครสักคน
ตั้งแต่วันที่ ลิเวอร์พูล ดึงตัว เบน โด๊ค มาจากเซลติกในปี 2022 เขาไม่ใช่แค่เพียงการเซ็นสัญญาธรรมดา แต่ถูกมองว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่รอการเจียระไน
เขาคือความหวังใหม่ของอะคาเดมี่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชุดใหญ่ในอนาคต
แต่ความจริงบนเส้นทางฟุตบอลไม่เคยง่าย โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยใหม่ ลิเวอร์พูล
การจะแทรกขึ้นมาแทนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้แต่ผู้เล่นอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า หรือแม้กระทั่ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก็ยังไม่อาจก้าวข้ามเงาของ ซาลาห์ ได้
แม้จะเริ่มต้นได้สวยในทีม U18 และ U21 พร้อมเสียงชื่นชมต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงเวลาขึ้นทีมชุดใหญ่โอกาสกลับมีจำกัด
โด๊ค เคยได้รับโอกาสสำคัญในเกมเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก 2023/24 แทนที่ ซาลาห์ ในแมตช์เสมอ เชลซี 1-1 แต่ตลอดสองปี เขาได้เล่นลีกเพียงสามนัด แถมยังถูกอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งจนพัฒนาการสะดุด
อย่างไรก็ตาม การยืมตัวไปเล่นกับ มิดเดิลส์โบรช์ ใน แชมเปี้ยนชิพ เมื่อซีซั่นก่อนคือการพิสูจน์ศักยภาพอย่างแท้จริง
เขาทำไป 3 ประตู 7 แอสซิสต์ จาก 24 นัด และยังโชว์ฟอร์มเด่นในทีมชาติสกอตแลนด์ จนมีช็อตวูบวาบถึงขั้นทำให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ต้องปวดหัวในเกมพบโครเอเชีย
หาก ซาลาห์ ไม่ต่อสัญญาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว บางทีเส้นทางของ โด๊ค อาจเปลี่ยนไป แต่เมื่อค่าตัวของเขาพุ่งสูง ลิเวอร์พูล จึงเลือกเดินหมากนี้ ปล่อยเด็กที่ลงเล่นชุดใหญ่เพียง 10 นัดออกไปในราคา 25 ล้านปอนด์ พร้อมออปชั่นซื้อกลับ
ซึ่งในมุมธุรกิจ มันคือดีลที่สโมสรไม่อาจปฏิเสธได้
บอร์นมัธ จะได้อะไร? พวกเขาได้ผู้เล่นริมเส้นที่สปีดจัด ทักษะเด่น และเต็มไปด้วยไฟ สามารถทดแทน ดังโก้ วัตตาร่า ได้
หากเขารักษาความฟิตและความสม่ำเสมอ เด็กคนนี้มีโอกาสแจ้งเกิดใน พรีเมียร์ลีก ได้ไม่ต่างจากที่ โดมินิค โซลันกี้ เคยทำมาแล้ว
ส่วน ลิเวอร์พูล ได้อะไร? นอกจากเงินที่มากพอสมควร สโมสรยังได้เงื่อนไขซื้อกลับที่ทำให้เรื่องราวนี้ยังไม่ใช่การบอกลาแบบถาวร
มันคือการส่งเด็กคนหนึ่งออกไปเก็บประสบการณ์ แล้วคอยมองดูอยู่ห่าง ๆ ว่าวันหนึ่งอาจจะกลับมาในฐานะนักเตะที่โตพอจะสวมเสื้อแดงเพลิงอีกครั้ง
สำหรับผมแล้ว เบน โด๊ค คือหนึ่งในคนที่อยากเห็นก้าวขึ้นมาประดับทีมชุดใหญ่เต็มตัว แต่เมื่อมันไม่เกิดขึ้น ก็ได้แต่บอกว่า ขอให้โชคดีบนเส้นทางใหม่ที่แดนใต้
10 นัดกับ ลิเวอร์พูล อาจสั้นไป แต่เส้นทางฟุตบอลของเขายังอีกยาวไกล…
เต็มที่นะ เบน วันหนึ่งบางทีเราอาจได้ต้อนรับเแกกลับมาอีกครั้ง
HOSSALONSO